PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : ระวัง....อย่ามองข้ามความปลอดภัย



klongla
11-09-2009, 12:59
เหตุการณ์ เกิดเมื่อตอนตี 3 ของวันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม 2552 (คืนของวันที่ 31 กรกฎาคม) ที่ผ่านมานี่เองครับ ผมเพิ่งแทงสนุ๊กกับเพื่อนที่ทำงานตรงแถวๆรัชดาจากนั้นก็ขับรถ ISUZU DMAX Cab4 กลับหอพักที่ลาดกระบัง ผมใส่ Safety Belt ตลอดเวลาอยู่แล้วขับมาตามเส้นพระราม 9 ข้างล่างเพื่อที่จะมุ่งหน้าเข้า Motor Way (ขาออกจากกรุงเทพฯ)พอถึงทางเข้า Motor Wayซึ่งเป็นสะพานขึ้นไป 2 เลน ผมอยู่ทางเลนขวา ซึ่งขณะนั้นฝนเพิ่งตกลงมาปลอยๆ พื้นถนนตรงนั้นเป็นยางมะตอยผมก็พึงระลึกเตือนตัวเองไว้อยู่แล้วว่ามันจะลื่นได้ง่ายนะ เพราะเคยเจอประสบการณ์กับตัวเองมาแล้วเรื่องท้ายปัดประมาณ 4 ครั้ง

ครั้งที่ 1เส้นลำลูกกามีรถน้ำกำลังรดน้ำต้นไม้บริเวณเกาะกลางพอผมขับไปถึงก็เหยียบเบรกท้ายรถก็ปัดแต่ไม่มากเท่าไหร่พอควบคุมได้ก็เลยรู้ว่าอาการท้ายปัดเป็นอย่างงี้นี่เองโชคดีไม่มีรถมาข้างๆ...ก็เลยไปหาข้อมูลใน Net พบว่ารถกระบะจะมีช่วงรถที่ยาว เวลาเหยียบเบรกหรือ เหยียบคลัชเพื่อเปลี่ยนเกียร์จะทำให้รอบเครื่องเบาลงและล้อหมุนฟรีจึงส่งผลให้รถกระบะซึ่งน้ำหนักของรถจะอยู่ที่ส่วนหน้ามากกว่าส่วนท้ายเกิดอาการล้อหลังปัดโดยจะเกิดเฉพาะเวลาขับบนถนนที่ลื่นมากๆเช่น พื้นยางมะตอยเวลาฝนตกใหม่ๆ

ครั้งที่ 2เส้นคลองหลวงตอนนั้นฝนกำลังตก เป็นพื้นยางมะตอย ผมขับมาช้าๆประมาณ 50 km/h กำลังเข้าโค้ง แตะเบรกนิดเดียว ท้ายปัดจนรถมาอยู่อีกเลนนึงเลยโชคดีไม่มีรถมาข้างๆ...

ครั้งที่ 3เส้นถนนพระราม9 มุ่งหน้าเข้าแยก อสมท. พื้นยางมะตอย ผมติดไฟแดงอยู่เลนขวาคันหน้าสุด พอไฟเขียว ผมขับออกมาปรากฎว่าข้างหน้าฝั่งตรงข้ามมีรถน้ำกำลังรดน้ำต้นไม้เกาะกลางอยู่ ทำให้พื้นถนนฝั่งผมมีน้ำกระเด็นมาเปียกด้วยผมขับออกจากไฟแดงมาช้าๆเริ่มเปลี่ยนเกียร์มาเรื่อยๆ ถึงตรงจุดนั้นอยู่ที่ประมาณเกียร์ 2 กำลังเปลี่ยนเป็นเกียร์ 3 เหยียบคลัชต์ปุ๊บ ท้ายปัดปั๊บ จนมาอยู่อีกเลนนึงโชคดีไม่มีรถมาข้างๆ....

klongla
11-09-2009, 13:01
เอารถเข้าศูนย์ ISUZU ตอนตรวจ Check ระยะทางพอดีเจ้าหน้าที่บอกว่าเกิดขึ้นบ่อยมากกับ
รถกระบะ เนื่องจากมีช่วงรถที่ยาวกว่ารถเก๋งและยิ่งเติมลมยางแข็งยิ่งมีโอกาสปัดง่ายขึ้นเพราะ
ล้อรถสัมผัสพื้นถนนน้อยลง ก็แก้ไขได้แค่การปรับลมยางให้เป็นตามมาตรฐานและใช้ความ
ระมัดระวังในการขับขี่....OK รับทราบ

ครั้งที่ 4เส้นร่มเกล้าตรง U-Tern พื้นยางมะตอย พอ U-Tern ปุ๊บมาแบบช้าๆเหยียบคลัชเบาๆ
ไม่งั้นเครื่องดับ แล้วก็เหมือนเดิมครับท้ายปัดซ้าย 1 ครั้ง ขวา 1 ครั้ง โชคดีไม่มีรถมาข้างๆ....

ครั้งที่ 5 ครั้งนี้แหละครับ ที่ยังติดฝังแน่นอยู่ในหัวของผม......
เฉียดตายครั้งที่ 1..............ขณะที่ผมอยู่บนสะพานในเลนขวามุ่งหน้าเข้า Motor Way
พื้นถนนยางมะตอย ฝนตกลงมาปลอยๆ ประสบการณ์ทั้ง 4 ครั้งที่ผ่านมาสอนผมว่า
ห้ามเหยียบเบรก ห้ามเหยียบคลัช ห้ามเปลี่ยนเกียร์และจับพวงมาลัยไว้ให้มั่น ผมขับมา
ด้วยความเร็วประมาณ 60 km/hr ไต่สะพานขึ้นมามีรถขนาบข้างมาด้วยพอถึงตรง
กลางสะพาน ท้ายรถผม ปัดไปทางขวา และปัดต่อเนื่องมาทางซ้ายจนหน้ารถเกือบชน
ขอบสะพานด้านขวา รถที่ขนาบข้างรีบขับหนีขึ้นไป (ถือว่าเป็นโชคดีของเค้า) ท้ายรถผม
ปัดมาทางซ้ายอีกครั้งจนหน้ารถผมพุ่งตรงดิ่งเข้าหาขอบสะพานด้านซ้ายและชนเต็มแรง
ในใจตอนนั้นคิดว่า รถต้องทะลุ ขอบสะพานจนตกลงไปข้างล่างแน่นอนพอชนปุ๊บ
แรงมากกกกกกกก แต่มันก็ไม่ทะลุขอบสะพาน

เฉียดตายครั้งที่ 2...........รถผมเริ่มเอียงขวาไต่ขอบสะพานจนตัวผมหัวผมเริ่มเอียง
และแว่นโดนแรงกระชากออกจนเกือบหลุด ตอนนั้นคิดว่า ”คว่ำแน่” ทำไงดี ทำไงดี
แต่แล้วก็ไม่คว่ำ รถตั้งตัวใหม่แล้วเริ่มหมุน

klongla
11-09-2009, 13:02
เฉียดตายครั้งที่ 3...............สะบัดไปมาจนเริ่มชะลอมาอยู่ตรงเลน 3 นับจากซ้ายมือของ Motor Way ขณะที่สะบัดและหมุนมาก็กลัวว่าจะมีรถที่วิ่งลงมาจากทางด่วนมาชนหรือเปล่า สะบัดและหมุนจนเลยจากจุดร่วมที่เป็นจุดร่วมของทางจากถนนพระราม 9
มุ่งขึ้นมาเพื่อเข้า Motor Wayและ ทางจากทางด่วนมุ่งลงมาเพื่อเข้าMotor Wayประมาณ 200 เมตร รถผมจอดอยู่ในเลน 3 แบบตรงๆเลย ไม่ได้คร่อมเลน ไม่ได้จอดขวางกลางลำตอนนั้นผมตกใจมากครับ ตัวสั่นไปหมดเพราะขับรถคันนี้มา 3 ปี ทำประกันชั้น 1 ตลอดไม่เคยชนแรงๆ และเคยเคลมครั้งเดียวแต่รถแทบไม่เสียหายอะไรเลยก็แค่รถมันไหลไปจูบกับคันหลัง แทบไม่มีความเสียหายอะไรเลยและผมก็ขับระวังตลอดตอนนั้นตัวสั่นมากทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าลงมาจากรถซักประมาณ นาทีนึง รวบรวมสติได้ก็เปิดไฟฉุกเฉินแล้วลงมาจากรถ สภาพก็เป็นดังภาพครับ

klongla
11-09-2009, 13:03
ผมดูแล้วจากสภาพรถ ผมเห็นบังโคลนหน้ามันทิ่มกดลงไปในยาง ดูแล้วไม่น่าจะขับไปต่อได้จะหลบรถมาอยู่ฝั่งซ้าย ก็คงไม่ดีเพราะมันเป็นเลนสำหรับรถที่จะวกกลับลงมาศรีนครินทร์จะไปหลบทางขวา นี่ก็ไม่ต้องพูดถึงอีกตั้ง 4 เลนกว่าจะไปถึงและรถที่วิ่งลงมาจากทางด่วนก็เร็วๆทั้งนั้น อยู่ตรงนี้แหละดีแล้วเพราะผมเห็นรถที่เค้าขับตามมาก็เบี่ยงหลบรถผมกันทันอยู่ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แล้วก็เลยเข้ามานั่งในรถแล้วโทรหาเพื่อนที่เพิ่งแยกกันมื่อครู่ผม : เฮ้ย!!! รถกูเสียหลัก ชนขอบสะพาน แล้วตอนนี้หมุนมาจอดอยู่กลาง Motor Way ว่ะเพื่อน : เมิงเป็นไรเปล่าว่ะ ให้กูไปหาไม๊ผม : ไม่เป็นไรเลยแค่ตกใจนิดหน่อย เดี๋ยวกูโทรเรียกประกันก่อน
โครมมมมมมมม.......................

ยังไม่ทันจะวางหูจากเพื่อนเลย ก็มีเสียงดังโครมมาชนท้ายรถผม ผมตะโกนออกมา จนเพื่อนผม
ตกใจมาก ก็เลยวางหูกันก่อน แล้วผมก็มองกระจกหลัง ก็ไม่เห็นรถยนต์หรืออะไรจะมาชนนี่หว่า
เพราะมอเตอร์ไซค์ ก็ไม่น่าจะมีนะ นี่มันช่วงเข้ามาในเลนของ Motor Way แล้วนะไม่ใช่เลน
ซ้ายมือสุดที่สำหรับวกรถลงไปเส้นศรีนครินทร์ซักหน่อย

พอผมลงไปดูท้ายรถ ก็เห็นมอเตอร์ไซค์มุดเข้ามาใต้ท้องรถผมตรงป้ายทะเบียนหลังพอดีมอเตอร์ไซค์มุดเข้ามาครึ่งคัน อีกครึ่งคันโผล่ออกมาจากใต้ท้องรถพี่ที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาไม่มีร่องรอยบาดเจ็บอะไรเค้ากำลังจับที่ล้อรถเค้า แล้วกระชากมอเตอร์ไซค์ออกมาเต็มแรงตอนนั้นผมเห็นแล้วก็ตกใจมาก เพราะมอเตอร์ไซค์เค้าไปงัดอยู่กับใต้ท้องรถผมยิ่งเค้ากระชากออกมา ตัวรถเค้าก็จะดึงกันชนรถผมออกมาด้วยผมก็เลยบอกไปว่าผม : "พี่อย่าเพิ่งกระชากดิเดี๋ยวผมจะโทรเรียกประกันแล้ว"พี่มอเตอร์ไซค์: "พอดีรถผมเสียหลักแล้วลื่นไถลมาอยู่ใต้ท้องรถพี่แต่พี่ไม่ต้องห่วงหรอก พี่อ่ะรถกระบะผมอ่ะมอเตอร์ไซค์ รถพี่ไม่เป็นไรหรอก มาช่วยกันดึงหน่อยแล้ว"

พี่มอเตอร์ไซค์ก็ตั้งหน้าตั้งตาดึงรถเค้าสุดแรงและก็เร่งให้ผมช่วยเค้าดึง

klongla
11-09-2009, 13:04
ผม: พี่อย่าเพิ่งดึงเลยยิ่งพี่ดึงกันชนรถผมก็ยิ่งง้างออกมา แล้วถ้าพี่หนีไปแล้วผมจะ Claim
ข้างหลังยังไงอ่ะ ผมก็ Claim ได้แต่ข้างหน้าสิพี่มอเตอร์เตอร์ไซค์ก็ยังคงดึงอยู่แต่ดึงเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่ออก แล้วก็ยิ่งง้างกันชนรถผมออกมาใหญ่ผมก็ 2 จิต 2 ใจ จะช่วยดีไม่ช่วยดี แต่ถ้าไม่ช่วยเลยเดี๋ยวกันชนก็ง้างพังหมดผมก็เลยช่วยจับที่ล้อรถอีกล้อนึงของเค้า ตอนนั้นผมกับพี่มอเตอร์ไซค์อยู่ตรงตำแหน่งป้ายทะเบียนหลังของรถผมโดยเค้าอยู่ซ้ายผมอยู่ขวาแล้วก็ก้มตัวลงไปจับที่ล้อรถมอเตอร์ไซค์เพื่อออกแรงดึงแต่ผมก็ยังไม่ได้ทันออกแรงดึง ผมก็นึกแวบกลัวขึ้นมาว่าจะมีรถอะไรมาชนข้างหลังอีกหรือเปล่าว่ะเนี่ย
เฉียดตายครั้งที่ 4.............ขณะที่พี่มอเตอร์ไซค์ก้มหน้าก้มตาดึงเต็มที่ผมก็จับที่ล้อรถมอเตอร์ไซค์แล้วก็หันหลังเพื่อมองดูรถที่วิ่งมาทันใดนั้นผมเห็นรถ Taxi วิ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูงมาก ระยะห่างไม่เกิน 50 เมตรแน่นอนเพราะเห็น Taxi คันใหญ่มากเปิดไฟจ้ามาเลยไม่ได้หลบซ้ายหรือขวาเลยและไม่มีท่าทีจะเบรกด้วยตอนนั้นตกใจและช็อคมากครับแล้วในหัวผมก็มีอะไรไม่รู้มาสั่งว่า กระโดด !!! แล้วผมก็ไม่รู้เรื่องอีกเลย ไม่รู้ว่าตัวเองออกแรงกระโดดหรือเปล่า กระโดดท่าไหน กระโดดไปตรงไหนกระโดดยังไง ........

klongla
11-09-2009, 13:05
. . . . . . . . . . . .

รู้ตัวก็ตอนที่เรากำลังลอยหมุนเคว้งอยู่ในอากาศไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากภาพขาวๆ
ลอย ลอย ลอย แล้วก็หล่นลงมา ตุ๊บ............ ตัวผมกระแทกพื้นอย่างแรง แล้วผมก็ยืนขึ้นมาแบบงงงง ตอนนี้
ผมเปลี่ยนจากยืนอยู่ตรงขวามือของพี่มอเตอร์ไซค์ตรงป้ายทะเบียนรถผม มาอยู่ตรงด้านซ้ายมือของพี่มอเตอร์ไซค์
เยื้องๆออกมาจากท้ายรถ เหมือนลอยข้ามพี่มอเตอร์ไซค์ และลอยข้ามรถ Taxi มาอีกฝากนึงจากที่ผมยืนทีแรก
ผมลุกขึ้นมองไปที่รถผม

klongla
11-09-2009, 13:06
ภาพที่ผมเห็นคือ พี่มอเตอร์ไซค์ที่ผมคุยด้วยเมื่อกี้ ที่กำลังช่วยกันดึงรถ ที่ยืนอยู่ติดกัน...
ผมเห็นเค้าโดนอัดอยู่กับมอเตอร์ไซค์ แล้วก็อัดอยู่กับท้ายรถผม ในสภาพคอขาด ทั้งตัวมีแต่เลือด
ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว กระดูกเละหมด...........ผมช็อคมากจนคุมสติตัวเองไว้ไม่อยู่ ร้องไห้และตะโกนตลอดเวลาแล้วผมก็เห็นผู้โดยสารผู้หญิง 2 คนลงมาจากรถ Taxi พวกเค้าไม่มาถาม ไม่มาดูอะไรผมเลยแล้วเค้าก็รีบโบก Taxi คันหลังแล้วก็นั่งออกไปแล้วก็เห็นคนขับ Taxi ลงมาจากรถ ผู้ชายผิวคล้ำๆอ้วนๆ มีผมหงอก จากนั้นก็ไม่เห็นเค้าอีกเลย (ขณะนี้คนขับ Taxi กำลังหนีการจับกุมอยู่ครับ) แล้วผมก็ไม่มองอะไรอีกเลยผมหันหลังให้รถ แล้วมองแค่ว่าจะมีรถอะไรวิ่งมาชนผมอีกไหม แล้วกี้นี้มันเกิดอะไรขึ้นทำไมคนที่คุยกับผมเมื่อกี้เป็นอย่างงั้นแล้วทำไมผมยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้ แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นอีกไหมแค่ช่วง 5 นาทีที่ผ่านมา ผมเกือบตาย 4 ครั้ง

klongla
11-09-2009, 13:06
หลังจากนั้นประมาณ 1 นาที ปอเต็กตึ้งก็มา 8-9 คัน รถตำรวจอีก 3-4 คัน รถพยาบาลอีก 2 คันปิดเส้นทางบน Motor Way ไปหลายเลน เค้าให้ผมขึ้นไประงับสติอยู่บนรถพยาบาลและก็ทำแผลให้ ก็มีแผลถลอกที่แขนซ้าย ส่วนนอกนั้นไม่มีกระดูกแตกหักอะไรแต่รู้สึกว่ามันช้ำในมากเลยครับแล้วก็ลงมาจากรถพยาบาลไปขอนั่งต่อบนรถเจ้าหน้าที่ปอเต็กตึ้งแต่ก็ยังหวาดผวาอยู่ครับ ก็ถามกับพี่ที่อยู่ในรถว่า “ ผมอยู่ในนี้ผมจะปลอดภัยใช่ไม๊” แล้วผมก็มองหน้ามองหลังตลอดเวลากลัวว่าจะมีรถอะไรมาชนผมอีก พี่เค้าก็ปลอบใจบอกว่าปลอดภัยแน่นอน มีรถช่วยกันไว้ให้หมดแล้ว
เข็ดไปจนตายเลยครับ พ่อผมบอกว่าถ้ารถเรา ทางประกันซ่อมเสร็จเมื่อไหร่ก็ขายเมื่อนั้น ไม่เอาแล้วรถกระบะไม่ว่าจะยี่ห่อไหนก็ตาม ปัดกันเป็นว่าเล่นพ่อของหัวหน้าที่ทำงานผมก็เสียเพราะอาการรถปัดเหมือนกันตำรวจที่สอบปากคำผมเค้าก็เล่าให้ฟังว่ารถเค้าก็ปัดบ่อยเหมือนกันเจ้าหน้าที่ประกันขับ Vigoก็เล่าให้ฟังเวลาขับไปต่างจังหวัดก็ปัดมาแล้วหลายครั้ง ไม่เอาแล้วครับกระบะเข็ดจริงๆอยากจะฝากข้อเตือนใจกับเพื่อนๆทั้งหลายในเหตุการณ์ครั้งนี้ครับเวลารถเกิดเสียหรือได้รับอุบัติเหตุขึ้นมาอย่าอยู่ในรถ อย่าอยู่ใกล้รถ ให้เดินออกมาจากจุดนั้นมายืนเฝ้าอยู่ห่างๆแล้วค่อยโทรเรียกประกันหรือช่างซ่อมรถจะปลอดภัยที่สุดทางที่ดีก็ให้ซื้อพวกกรวยส้มหรือพวกป้ายสัญญาณเตือนติดรถไว้เพื่อเอาไปวางกั้นกันรถคันอื่นเข้ามาใกล้รถเราตั้งแต่เนิ่นๆก็จะเป็นเรื่องดีมากครับปลอดภัยต่อทั้งตัวเราเองและรถคันอื่นที่ใช้เส้นทางเดียวกับเราด้วย

klongla
11-09-2009, 13:08
สิ่งที่ผมอยากจะถามจากบรรดาค่ายรถต่างๆที่มีรถกระบะขายไม่ว่าจะเป็น ISUZU ของผมเองก็ตาม
หรือจะเป็น TOYOTA และยี่ห้ออื่นๆ ทุกยี่ห้อก็ไม่เว้นที่มีกระบะขาย ก็รู้ๆกันอยู่แล้วว่ารถกระบะ
ปัดง่ายขนาดไหน ทำไมคุณไม่เอาระบบป้องกันล้อปัดหรือระบบอะไรก็ได้มาแก้ไขให้มาเป็น
อุปกรณ์มาตรฐานประจำรถทุกรุ่นไม่ว่าจะตั้งแต่รุ่นล่างๆยันรุ่นบนๆ ไม่ใช่ว่าต้องมีเงินเท่านั้น
ถึงจะเอาระบบนี้มาได้เพราะมีให้เฉพาะรุ่นบนๆอย่างที่บางค่ายรถทำอยู่

ผมว่าเงินเยอะแค่ไหนก็ซื้อชีวิตคนเรากลับคืนมาไม่ได้ ทำไมทุกค่ายไม่ทำให้รถตัวเองมีความปลอดภัย
คนรวยเท่านั้นเหรอถึงจะซื้อความปลอดภัยได้ คนเราไม่ว่ารวยหรือจนก็ต้องการความปลอดภัยเป็น
ปัจจัยพื้นฐานเหมือนกัน แล้วทำไมพวกคุณถึงต้องเลือกให้กับเฉพาะคนที่มีเงินให้คุณได้เท่านั้นล่ะ
...........มาลองเจอแบบผมไม๊....... เผื่อจะทำให้พวกคุณหันกลับไปดูตัวเองได้บ้าง เผื่อจะได้นึกคิดได้บ้าง
ว่าอย่าเอาเรื่องเงินมาแลกกับชีวิตของลูกค้าคุณ ลูกค้าคุณ ใครนะเหรอ??? ก็คือคนเดียวกับที่พวกคุณ
บอกนักบอกหนาว่าเป็นห่วงเป็นใยเค้าไง คนที่คุณบอกว่าจะอยู่เคียงข้างเค้าตลอดเส้นทางที่เค้าไปไง
.......นั่นแหละ ลูกค้าคุณ...............ถ้าเป็นไปได้....... เปาไม่อยากจะเขียน และไม่อยากรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยครับ...............

klongla
11-09-2009, 13:10
และนี่คือเจ้าของรถคันที่ประสบอุบัติเหตุครับ
เขาอยากให้เรื่องนี้เป็นอุทธาหรณ์ครับเลยไม่ซีเรียสเรื่องปิดบังหน้าตา

IamDream
11-09-2009, 13:25
ชีวิตเราไ่ม่มีค่าพอเท่ากับกำไรก้อนโตของเขาหรอกครับ พี่น้องเราต้องรักษาเองเท่านั้นครับ

MUNIC
11-09-2009, 13:49
สติครับ ช่วยได้
ถึงรถจะดีแค่ไหน ระบบความปลอดภัยที่ใส่มาให้
ก็ใช่ว่าจะมั่นใจได้ เราขับรถเรา
เรียนรู้และเข้าใจ มีสติ ก็สามารถ ควบคุมรถได้


เคยขับจากรังสิตกลับบ้านประตูน้ำพระอินทร์
ขาออกจากกรุงเทพ ช่วงเลย ม.ธรรมศามสตร์บริเวณ ฝั่งตรงข้ามตลาดไท
คนที่ขับเส้นนี้ประจำจะรู้ว่าบริเวณนี้ถ้าฝนตกเมื่อไหร่ มูลนิธิกับประกันได้เหนื่อยกันแน่ๆ
ชนกันทีต่อแถวยาวเลย 4-5 คัน ถึงเป็น 10 คันก็มี
ขับธรรมดาความเร็ว เลนขวาสุด ไม่เกิน 60 ทิ้งระยะห่างประมาณ 2-3 ช่วงคันรถ
ในสภาพที่ฝนตกข้างหน้าเกิดอุบัติเหตุเลนขวา มองเห็นรถข้างหน้าเบรคเป็นแถว
แค่ถอนคันเร่งแตะเบรคเบา รู้เลยว่าล้อมันหยุดหมุนและไถลไปกับพื้นจึงถอนเบรค ลดเกียร์ต่ำ
มองกระจกทางซ้ายว่างจึงโยกออกไป มองที่กระจกหลังรถสปอร์ต Mr2 ที่ขับตามมาข้างหลัง
ซึ่งก็เห็นเค้าขับตามมาไม่ได้เร็วพอๆกัน รถเค้านะ ปัดเฉียงไป ประมาณ 45 องศาเลย


ดังนั้นจงมีสติครับ ถ้าง่วง ถ้าเบลอ พักซักหน่อย อาจจะช่วยได้ อย่าฝืนร่างกายครับ