PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : สอบถามเทคนิคขับลงเขา น้าๆในเว็บหน่อยคับ



pakenai
25-11-2012, 19:54
สอบถามเทคนิคขับลงเขา น้าๆในเว็บหน่อยคับ
จะพาครอบครัวไปเชียงใหม่ เดือนหน้า พอดีมีประสบการณ์ เบรคเกือบไหม้ มา

และขึ้นทางชันควรใช้น้ำมัน หรือ แก๊ส ขึ้นดีกว่า
ขอบคุณคับ

http://upic.me/i/43/d8900.jpg (http://upic.me/show/41393718)

choo1000
25-11-2012, 20:01
ใช้น้ำ้มันลงชันเกียร์ต่ำถ้ารอบสูงใช้เบรคช่วย:2 3:

pakenai
25-11-2012, 20:48
ใช้น้ำ้มันลงชันเกียร์ต่ำถ้ารอบสูงใช้เบรคช่วย:2 3:

สงสัยคับ ถ้าใส่เกียร์ต่ำลงเขามากๆ จะมีผมเสียอะไรเปล่าคับ

PanYaChon
25-11-2012, 21:14
ตอนลงใช้เกียร์ต่ำประมาณ 2-3 ปล่อยไหลลงมา รอบเครื่องมันจะกวาดขึ้นไป ไม่ต้องตกใจ
ตอนเบรคก็กดหนักๆ ทีนึงแบบเกือบรถหยุด แล้วยกเบรคปล่อยไหลต่อ
ที่สำคัญอย่าเหยียบแช่นะ เดี๋ยวเบรคไหม้
จังหวะลงเขา+โค้ง ก็กดเบรคหนักๆ ก่อนถึงโค้ง แล้วเอาเกียร์ดึงไหลเข้าโค้งไป ใช้แตรช่วยบอกเพื่อนที่สวนมาด้วยล่ะ

เด็กเมืองนกเขา
25-11-2012, 22:30
ตอนลงใช้เกียร์ต่ำประมาณ 2-3 ปล่อยไหลลงมา รอบเครื่องมันจะกวาดขึ้นไป ไม่ต้องตกใจ
ตอนเบรคก็กดหนักๆ ทีนึงแบบเกือบรถหยุด แล้วยกเบรคปล่อยไหลต่อ
ที่สำคัญอย่าเหยียบแช่นะ เดี๋ยวเบรคไหม้
จังหวะลงเขา+โค้ง ก็กดเบรคหนักๆ ก่อนถึงโค้ง แล้วเอาเกียร์ดึงไหลเข้าโค้งไป ใช้แตรช่วยบอกเพื่อนที่สวนมาด้วยล่ะ

แจ่มเลยยย

pakenai
26-11-2012, 08:48
ตอนลงใช้เกียร์ต่ำประมาณ 2-3 ปล่อยไหลลงมา รอบเครื่องมันจะกวาดขึ้นไป ไม่ต้องตกใจ
ตอนเบรคก็กดหนักๆ ทีนึงแบบเกือบรถหยุด แล้วยกเบรคปล่อยไหลต่อ
ที่สำคัญอย่าเหยียบแช่นะ เดี๋ยวเบรคไหม้
จังหวะลงเขา+โค้ง ก็กดเบรคหนักๆ ก่อนถึงโค้ง แล้วเอาเกียร์ดึงไหลเข้าโค้งไป ใช้แตรช่วยบอกเพื่อนที่สวนมาด้วยล่ะ

สอบถามคับ
ถ้าทางชันมาก ใช้เกียร์ 2 หรือ 3 ปล่อยไหลลงดีกว่า และปลอดภัยกว่าคับ

PanYaChon
26-11-2012, 11:04
สอบถามคับ
ถ้าทางชันมาก ใช้เกียร์ 2 หรือ 3 ปล่อยไหลลงดีกว่า และปลอดภัยกว่าคับ

ยิ่งลงชันมากๆ เกียร์ยิ่งต่ำครับ ลดเกียร์มาที่ 2 เลย ยกคลัชท์ปล่อยไหลลง พอความเร็วเริ่มสูง ประเมินว่าคุมรถเริ่มยาก ก็กดเบรคหนักๆ ซักทีนึง เอาแบบเกือบหยุดเลยนะ
แล้วยกเบรคให้มันไหลลงต่อ ระบายคามร้อนเบรคไปในตัวด้วย

ตอนไหลลง+ตอนเบรค คลัชท์ไม่ต้องแตะเลยนะ ถ้าแตะคลัชท์มันจะตัดแรงหน่วงจากเกียร์ รถจะไหลลงเร็วกว่าเดิมอีก เดี๋ยวเบรคจะเอาไม่อยู่ซะก่อน

PanYaChon
26-11-2012, 11:10
ส่วนอันนี้เป็นเทคนิคส่วนตัวของผมเวลาขึ้นเขาครับ

Plus 4D เบนซิล+LPG ยก 2" 265/75R16 BF All / อุด EGR ตัด CAT ใส่ท่อพักกลางใหม่

วิ่งเกียร์ 2-3 เป็นหลัก หาจังหวะส่งดีๆ เลี้ยงรอบอยู่ประมาณ 2000-2500 (แล้วแต่เกียร์)
บางจังหวะเจอรถช้า ก็ตามๆ กันไปแต่รอบต้องไม่ต่ำกว่า 2000 ไม่งั้นเหมือนไม่มีกำลัง (ทอร์คจะตก ต้องลดเกียร์ช่วยดึงรอบขึ้นมา)

ถ้าเจอรถหนักวิ่งช้าจนต้องคลาน ก็เหยียบคลัชท์เบิ้ลรอบขึ้นไปรอไว้ที่ 3-4 พันก่อนแล้วค่อยลดเกียร์ เลี้ยงคลัชท์นิดนึง ส่งต่อได้เลยสบายๆ

kamyu
26-11-2012, 12:40
​ดริฟเลยครับ 555

pakenai
26-11-2012, 15:02
ยิ่งลงชันมากๆ เกียร์ยิ่งต่ำครับ ลดเกียร์มาที่ 2 เลย ยกคลัชท์ปล่อยไหลลง พอความเร็วเริ่มสูง ประเมินว่าคุมรถเริ่มยาก ก็กดเบรคหนักๆ ซักทีนึง เอาแบบเกือบหยุดเลยนะ
แล้วยกเบรคให้มันไหลลงต่อ ระบายคามร้อนเบรคไปในตัวด้วย

ตอนไหลลง+ตอนเบรค คลัชท์ไม่ต้องแตะเลยนะ ถ้าแตะคลัชท์มันจะตัดแรงหน่วงจากเกียร์ รถจะไหลลงเร็วกว่าเดิมอีก เดี๋ยวเบรคจะเอาไม่อยู่ซะก่อน

ได้ความรู้เยาะคับ
ส่วนตัวพอแตะเบรค จะเหยียบคลัชท์ตาม กลัวเครื่องเบาจะดับ และชอบเลี้ยงคลัชท์
ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่

pakenai
26-11-2012, 15:05
​ดริฟเลยครับ 555

เหอ อันนี้คงไม่ไหวคับ

แต่ถ้าเป็นเกมส์ เจอกันได้

Chaphat
26-11-2012, 15:13
ตอนลงเขาหรือขึ้นเขานี่ผมต้องอยู่ด้านหน้าคันอื่นเสมอครับ 555 เสียวหลัง

ปอร์
29-11-2012, 09:11
เทคนิคการใช้เกียร์ตามน้าๆ ข้างบนละครับใช้เกียร์ต่ำๆ ไว้ แต่ขับรถขึ้น-ลงเขามันจะมีขึ้น-ลง-ทางโค้ง-หักศอก มันไม่ได้ขึ้น-ลง ทางตรงโล่งๆ ขับให้มีสมาธิจะคุมรถได้ไม่ต้องขับเร็วถ้ามีรถจี้ตูดปล่อยไปเค้าจะแซงไปเองไม่ต้องกดดัน ทำตามน้าๆ ข้างบนใช้แก็สได้ไม่ต่างจากน้ำมันครับ

decskong
29-11-2012, 09:45
ตามน้า ๆ ข้างบนเลยครับ

iamday
29-11-2012, 10:21
ได้ความรู้เยาะคับ
ส่วนตัวพอแตะเบรค จะเหยียบคลัชท์ตาม กลัวเครื่องเบาจะดับ และชอบเลี้ยงคลัชท์
ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่

แสดงว่าตอนขี่มอไซต์ ชอบเบิ้ลๆๆๆๆ ครับ อิอิ

ส่วนเวลาขับรถตอนบนเขากลางคืน
ถ้าเป็นไปได้ หารถทะเบียนเจ้าถิ่น ที่คิดว่าเจ๋งๆ ขับความเร็วที่เราพอตามได้

จากนั้นก็ขับตาม อาศัยรถคันหน้าคันนั้นส่องไฟให้
ถ้ามันตกเขาอย่าตามมันไปหล่ะ เว้นระยะห่างนิดนึ่งด้วยครับ ๕๕๕

pakenai
10-12-2012, 20:21
ยิ่งลงชันมากๆ เกียร์ยิ่งต่ำครับ ลดเกียร์มาที่ 2 เลย ยกคลัชท์ปล่อยไหลลง พอความเร็วเริ่มสูง ประเมินว่าคุมรถเริ่มยาก ก็กดเบรคหนักๆ ซักทีนึง เอาแบบเกือบหยุดเลยนะ
แล้วยกเบรคให้มันไหลลงต่อ ระบายคามร้อนเบรคไปในตัวด้วย

ตอนไหลลง+ตอนเบรค คลัชท์ไม่ต้องแตะเลยนะ ถ้าแตะคลัชท์มันจะตัดแรงหน่วงจากเกียร์ รถจะไหลลงเร็วกว่าเดิมอีก เดี๋ยวเบรคจะเอาไม่อยู่ซะก่อน


ลุยมาแล้ว เชียงใหม่ เชียงราย พึ่งกลับมาคับ
ตอนลุยเขา ทั้งขึ้นทั้งลง 5วัน รู้สึกสงสาร รถตัวเองไงไม่รู้

สอบถามอีกนิดคับ ว่ากลับมาควรมาเช็คระบบเบรคไหมคับ
เพราะรู้สึกว่าตัวเอง แตะเบรคหนักๆ บ่อยมาก
ยิ่งลงทางชัน ยิ่งแตะแบบจึกๆ เลยกลัวเบรคไหม้ ไม่กล้าแตะค้างนาน

แตะเบรคหนักๆ บ่อยๆ จะมีปัญหากับระบบเบรคเปล่าคับ

noobombam
11-12-2012, 15:56
ผมขอถามน้าหน่อยนะครับ ว่าผมลงทางชัน รอบเครื่องไม่ควรเกินเท่าไหร่ครับถึงเพิ่มเกีย คือผมลงบางทีเกีย1รอบเกิน3000แล้วกลัวมากไปก็เลยเปลี่ยน2

ผมอยากทราบอ่ะครับว่า3000รอบนี่มากไปไหมหรือว่าประมาณนี้ แล้วถ้าลงเขายาวๆแบบเกียเดียวไม่เปลี่ยนเลยจะเป็นไรไหมครับ

daeng
11-12-2012, 16:19
ส่วนใหญ่เหมือนน้าๆข้างบน แต่ผมจะแยกเป็นข้อๆให้

เกียร์ธรรมดา
1.ขับรถขึ้นเข้า ดูวัดรอบเป็นหลักนะครับอย่าดูความเร็ว ความเร็วใช้ความรู้สึก แรงบิดสูงสุดของไทรทัน จะอยู่ประมาณ 2500-3000 เลี้ยงรอบไว้ประมาณนี้
2.ท่านต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อยๆเพื่อรักษารอบเครื่องเอาไว้นะครับ
3.เมื่อขับลงเข้า อย่าใช้เบรคอย่าเอาเท้าราไว้ที่เบรค ให้ใช้เกียร์ต่ำช่วย อย่าเหยียบครัทเล่นเด็ดขาดเพราะขณะลง ถ้าท่านเหยียบครัท รถจะพุ่งลงเลย จะตกใจเอา รอบเครื่องจะขึ้นสูงก็ไม่เป็นไรถ้าทางลงชันมากอย่าเปลี่ยนเกียร์ เพราะจังหวะเหยียบครัทอาจทำให้ท่านตกใจเพราะรถจะพุ่ง หรือถ้ามันดึงรอบสูงมากให้เปลี่ยนเกียร์สูงขึ้นโดยจังหวะเปลี่ยนเกียร์อาจใช่เบรคช่วยนิดหน่อย เมื่อเปลี่ยนเกียร์แล้ว ความเร็วเริ่มมากขึ้นก็เปลี่ยนลงเกียร์ต่ำสลับกันไป
เกียร์ออโต
1.ถ้าทางเริ่มชัน ให้เลื่อนตำแหน่งเกียรมาที่ 2 ป้องกันเกียร์เปลี่ยนเป็นเกียร์สูง เพราะถ้าเป็นตัว d เมื่อท่านเหยีบคันเร่งลงไปเรื่อยๆเพราะรู้สึกว่าทางชันและรถเริ่มไม่มีกำลังเกียร์มันกลับจะพยายามเปลี่ยนเป็นเกียร์สูงขึ้น ทำให้รอบเครื่องยิ่งตกกำลังยิ่งหาย (ยกเว้นท่านที่ใช้คันเร่ง คิกดาวน์เป็น จะใส่ตัว d ไว้ก็ได้)
2.เมื่อท่านล็อคเกียร์ไว้ที่ 2 ถ้ารอบเครื่องขึ้นสูงท่านก็เลื่อนมาเป็นตัว d สลับกันไป รถจะมีแรงไต่ทางชันไปตลอด
3.เวลาลงเข้า ก็ขับตามปรกติ ใช้เบรคบ้างตามสภาพ แต่อย่าราเบรค เมื่อทางลงเริ่มชันขึ้น ให้เปลี่ยนเกียร์ลงเลข 2 หรือ 1 (ถ้าชันมาก) เกียร์ ออโตหลีกเลี่ยงการใช้เยรคไม่ได้ครับ ท่านต้องใช้เบรคช่วย แต่อย่าแช่ บางจังหวะ ปล่อยเท้าจากคันเร่งเลย รถมันจะไม่วิ่งเร็วขึ้น ยกเว้นเริ่มชันมากๆ ก็ใช้เบรคช่วยเป็นจังหวะๆไป

ข้อควรระวัง อย่าลากเกียร์สูงขึ้นทางชันและแช่ไว้จนรถหมดกำลัง ท่านจะค้างอยู่กลางทาง ถ้าไม่มีประสบการณ์มากพอ ท่านจะเหงื่อแตกอยู่ตรงนั้น จะขึ้นต่อพอปล่อยครัท รถก็ไหลถ่อยหลัง จะถอยหลังลงมาก็อันตราย ดังนั้น ถ้าเราอยู่เกียร์ 4 กำลังขึ้นทางชัน รอบตกลงมาเหลือสัก 2500 ให้เรียบเปลี่ยนลง 3 แล้วเหยียบต่อ ..2....บางทีต้องลง 1 ก็มี .......เที่ยวให้สนุกครับ

namo
11-12-2012, 18:04
ส่วนใหญ่เหมือนน้าๆข้างบน แต่ผมจะแยกเป็นข้อๆให้

เกียร์ธรรมดา
1.ขับรถขึ้นเข้า ดูวัดรอบเป็นหลักนะครับอย่าดูความเร็ว ความเร็วใช้ความรู้สึก แรงบิดสูงสุดของไทรทัน จะอยู่ประมาณ 2500-3000 เลี้ยงรอบไว้ประมาณนี้
2.ท่านต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อยๆเพื่อรักษารอบเครื่องเอาไว้นะครับ
3.เมื่อขับลงเข้า อย่าใช้เบรคอย่าเอาเท้าราไว้ที่เบรค ให้ใช้เกียร์ต่ำช่วย อย่าเหยียบครัทเล่นเด็ดขาดเพราะขณะลง ถ้าท่านเหยียบครัท รถจะพุ่งลงเลย จะตกใจเอา รอบเครื่องจะขึ้นสูงก็ไม่เป็นไรถ้าทางลงชันมากอย่าเปลี่ยนเกียร์ เพราะจังหวะเหยียบครัทอาจทำให้ท่านตกใจเพราะรถจะพุ่ง หรือถ้ามันดึงรอบสูงมากให้เปลี่ยนเกียร์สูงขึ้นโดยจังหวะเปลี่ยนเกียร์อาจใช่เบรคช่วยนิดหน่อย เมื่อเปลี่ยนเกียร์แล้ว ความเร็วเริ่มมากขึ้นก็เปลี่ยนลงเกียร์ต่ำสลับกันไป
เกียร์ออโต
1.ถ้าทางเริ่มชัน ให้เลื่อนตำแหน่งเกียรมาที่ 2 ป้องกันเกียร์เปลี่ยนเป็นเกียร์สูง เพราะถ้าเป็นตัว d เมื่อท่านเหยีบคันเร่งลงไปเรื่อยๆเพราะรู้สึกว่าทางชันและรถเริ่มไม่มีกำลังเกียร์มันกลับจะพยายามเปลี่ยนเป็นเกียร์สูงขึ้น ทำให้รอบเครื่องยิ่งตกกำลังยิ่งหาย (ยกเว้นท่านที่ใช้คันเร่ง คิกดาวน์เป็น จะใส่ตัว d ไว้ก็ได้)
2.เมื่อท่านล็อคเกียร์ไว้ที่ 2 ถ้ารอบเครื่องขึ้นสูงท่านก็เลื่อนมาเป็นตัว d สลับกันไป รถจะมีแรงไต่ทางชันไปตลอด
3.เวลาลงเข้า ก็ขับตามปรกติ ใช้เบรคบ้างตามสภาพ แต่อย่าราเบรค เมื่อทางลงเริ่มชันขึ้น ให้เปลี่ยนเกียร์ลงเลข 2 หรือ 1 (ถ้าชันมาก) เกียร์ ออโตหลีกเลี่ยงการใช้เยรคไม่ได้ครับ ท่านต้องใช้เบรคช่วย แต่อย่าแช่ บางจังหวะ ปล่อยเท้าจากคันเร่งเลย รถมันจะไม่วิ่งเร็วขึ้น ยกเว้นเริ่มชันมากๆ ก็ใช้เบรคช่วยเป็นจังหวะๆไป

ข้อควรระวัง อย่าลากเกียร์สูงขึ้นทางชันและแช่ไว้จนรถหมดกำลัง ท่านจะค้างอยู่กลางทาง ถ้าไม่มีประสบการณ์มากพอ ท่านจะเหงื่อแตกอยู่ตรงนั้น จะขึ้นต่อพอปล่อยครัท รถก็ไหลถ่อยหลัง จะถอยหลังลงมาก็อันตราย ดังนั้น ถ้าเราอยู่เกียร์ 4 กำลังขึ้นทางชัน รอบตกลงมาเหลือสัก 2500 ให้เรียบเปลี่ยนลง 3 แล้วเหยียบต่อ ..2....บางทีต้องลง 1 ก็มี .......เที่ยวให้สนุกครับ

เป็นความรู้และประสบการณ์สำหรับมือใหม่อย่างผมเลยครับ

youjea
11-12-2012, 18:17
Plus 4Dr ผมรถหนักทุกประชากรไป 5 คน + ผมคนขับเป็น 6
ไปเขาตะเกียบ ใช้เกียร์ 2 ขึ้นไปได้ครึ่งทางหมดแรง
เหยียบคลัชกดเบรคสุดกำลัง นิ่งอยู่กลางทาง ทุกคนในรถผวากันหมด
ผมบอก อุ้ย! หมดแรง แล้วสับเกียร์ 1 ลากขึ้นไปถึงโดยสวัสดิภาพ 555
(เป็นอีกครั้งที่บอกตัวเองว่า รู้งี้ถอยตัว 4x4 มาก็ดีอ่ะ)

ภูรีภัทร
11-12-2012, 18:39
ขอเสริมละกันครับ......ทางลง=เปิดแอร์ให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานจะช่วยฉุดกำลังเครื่อง ทำให้รอบไหลขึ้นช้ากว่าเดิม ช่วยเบรคได้อีกทาง

ifrog
11-12-2012, 19:02
plus 4dr ผมรถหนักทุกประชากรไป 5 คน + ผมคนขับเป็น 6
ไปเขาตะเกียบ ใช้เกียร์ 2 ขึ้นไปได้ครึ่งทางหมดแรง
เหยียบคลัชกดเบรคสุดกำลัง นิ่งอยู่กลางทาง ทุกคนในรถผวากันหมด
ผมบอก อุ้ย! หมดแรง แล้วสับเกียร์ 1 ลากขึ้นไปถึงโดยสวัสดิภาพ 555
(เป็นอีกครั้งที่บอกตัวเองว่า รู้งี้ถอยตัว 4x4 มาก็ดีอ่ะ)

น้าครับพอดีผมมือใหม่อยากทราบว่า 4*4เวลาขึ้นเขาลงเขามันมีผลด้วยหรอครับ หรือใช้เกียร์4h ขึ้นและลงเอา มันมีผลต่างแบบไหนอ่าครับ

PanYaChon
12-12-2012, 14:45
ลุยมาแล้ว เชียงใหม่ เชียงราย พึ่งกลับมาคับ
ตอนลุยเขา ทั้งขึ้นทั้งลง 5วัน รู้สึกสงสาร รถตัวเองไงไม่รู้

สอบถามอีกนิดคับ ว่ากลับมาควรมาเช็คระบบเบรคไหมคับ
เพราะรู้สึกว่าตัวเอง แตะเบรคหนักๆ บ่อยมาก
ยิ่งลงทางชัน ยิ่งแตะแบบจึกๆ เลยกลัวเบรคไหม้ ไม่กล้าแตะค้างนาน

แตะเบรคหนักๆ บ่อยๆ จะมีปัญหากับระบบเบรคเปล่าคับ

ขณะที่ใช้เบรคบนเขา ถ้าไม่ได้กลิ่มไหม้ ก็หายห่วงครับ
แต่เช็คซักหน่อยก็ดีครับ เพื่อความปลอดภัยของตัวเรา

การกดเบรคหนักๆ แบบจึกๆ ดีกว่าแบบแตะค้างนะครับ เพราะจังหวะที่เราปล่อยเบรค ผ้าเบรคจะมีโอกาสคายความร้อน
แต่ถ้าเรากดแช่ ถึงแม้กดไม่หนักก็ตาม ผ้าเบรคจะสัมผัสกับจานตลอดเวลา ทำให้เกิดความร้อนสะสม ตัวการที่ทำให้ไหม้แหละครับ

PanYaChon
12-12-2012, 14:53
ผมขอถามน้าหน่อยนะครับ ว่าผมลงทางชัน รอบเครื่องไม่ควรเกินเท่าไหร่ครับถึงเพิ่มเกีย คือผมลงบางทีเกีย1รอบเกิน3000แล้วกลัวมากไปก็เลยเปลี่ยน2

ผมอยากทราบอ่ะครับว่า3000รอบนี่มากไปไหมหรือว่าประมาณนี้ แล้วถ้าลงเขายาวๆแบบเกียเดียวไม่เปลี่ยนเลยจะเป็นไรไหมครับ

จังหวะไหลลงเข้าเกียร์ค้างไว้ ไม่ต้องเหยียบคลัชท์ ส่วนเบรคก็ดูจังหวะกดเอาเอง
รอบเครื่องจะกวาดขึ้นไปสูงช่างมัน เสียงมันจะดังอื้อไปหมดปล่อยมัน ไม่พังครับ
รถผมบางจังหวะกวาดขึ้นไป 4-5 พันรอบแน่ะ

ถ้ากังวล (ขณะที่รอบเครื่องกวาดไปเกือบ 5 พัน) ก็แก้โดย
- กดเบรคหนักๆ จนเกือบหยุด
- เหยียบคลัชท์ เพิ่มเกียร์
- ยกคลัชท์ ยกเบรค ไหลลงต่อ
(พอเพิ่มเกียร์ แล้วไหลลงที่ทางลาดเดิม รอบเครื่องจะกวาดน้อยลง ตามอัตราทดเกียร์)

mr.noname
12-12-2012, 15:48
ขอสงสัยนิดหน่อยครับ (เป็นคนชอบสงสัยครับ ไม่ว่ากันนะครับ)
และผมก็เป็นมือใหม่เหมือนกันครับ


- เราๆ ท่านๆ ทราบกันว่าไทรทันเรา แรงบิดจะสูงสุดที่ 2500-3000 รอบ หรือราวๆนี้ สำหรับ vg mt จะได้ถึง 400n-m


หากตอนขึ้นเขา เราไม่สามารถรักษารอบไว้ได้ (มือใหม่)
บังเอิญว่ารอบส่วนใหญ่จะป้วนเปี้ยนแถวๆ 2000-2500 รอบ เกียร์วนไปมาแถวๆ 1-3
ซึ่งเป็นผลให้แรงบิดมาน้อยกว่าที่ควร(< 400n-m)
แต่ว่า แรงบิดเหล่านั้น ก็ยังมากกว่า แรงบิดสูงสุดของรถรุ่นคุณพ่อ หรือมากกว่าของรถรุ่นอื่นๆในวัยเดียวกัน
จะถือว่าเพียงพอต่อการไต่ขึ้นเขาหรือไม่ครับ
เพราะหากดูแรงบิด ยังไงไทรทัน(vg mt) ก็น่าจะเยอะกว่าอยู่แล้ว


ด้วยความสงสัยจริงๆครับ

daeng
12-12-2012, 16:24
จริงๆแล้ว เราต้องดูทั้งรอบเครื่องและความเร็วของตัวรถเองด้วยว่ามันช้าลงมากหรือมันเร็วและยังมีแรงอยู่ เวลาขับขึ้นเขา เราวิ่งมาบนพื้นราบ เกียร์อาจจะอยู่ที่ 5 พอรถเริ่มขึ้นทางชัน ความเร็วและรอบจะเริ่มตกลง เราก็เปลี่ยนลง 4 แล้ววิ่งต่อไปตามปรกติ เมื่อรอบและความเร็วเริ่มลดลงอีก ก็เปลี่ยนลง 3 แล้วก็เหยียบคันเร่งวิ่งต่อไป คราวนี้คนทั่วไปมักจะหยุดที่เกียร์3 ถ้ารถยังขึ้นทางชันอยู่ ถ้าเหยียบคันเร่งแล้วรถไม่วิ่งเร็วขึ้น เหลือบมองวัดรอบ ถ้ารอบไม่ขึ้นหรือขึ้นช้าแสดงว่า รถเริ่มหมดแรงที่เกียร์ 3 แล้ว ต้องเปลี่ยนเกียร์ลง 2 แล้วเหยียบคันเร่งรอบจะกลับมาและรถจะมีแรงวิ่งต่อไป ทางขึ้นเขาส่วนใหญ่ถ้ารถไม่ติด เกียร์2 ก็เพียงพอที่จะขึ้นได้แล้วครับ ที่สำคัญอย่าลากเกียร์ขึ้นเขาที่เกียร์เดียวจนรถหมดกำลัง เมื่อท่านเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำแล้วต้องเหยียบคันเร่งเพิ่มนะครับ เหยียบเข้าไป....

MiNi_XXL
12-12-2012, 16:44
ของผมตามสันชาตญาณในการขับรถเลยครับ ตอนขึ้นเข้าก็ 1-2-3 บางจังหวะก็มี 4 บ้าง แต่ส่วนใหญ่ จะใช้ 2-3 เลี้ยงรอบประมาณ 2000 รอบขึ้นไป ส่วนตอนลงเข้า จะใช้แค่เกียร์ 2-3-4 ครับ ขึ้นอยู่กับรอบเครื่องและเส้นทางในขณะนั้น ส่วนการเบรคผมจะใช้การแตะ ๆ เบรค จะไม่เลียเบรค และย้ำอีกนึงครั้ง ก่อนเข้าโค้ง สับเกียร์ลงมา 1 เกียร์ แล้วเหยียบส่งต่อเข้าโค้งในครับ ผมลงจากแม่สอดมา 2 คัน เมื่อวันก่อน ความเร็วประมาณ 80-100 ครับ ในแต่ละโค้ง ที่สำคัญต้องดูโค้งให้ออกด้วยล่ะ

PanYaChon
12-12-2012, 16:54
ขอสงสัยนิดหน่อยครับ (เป็นคนชอบสงสัยครับ ไม่ว่ากันนะครับ)
และผมก็เป็นมือใหม่เหมือนกันครับ


- เราๆ ท่านๆ ทราบกันว่าไทรทันเรา แรงบิดจะสูงสุดที่ 2500-3000 รอบ หรือราวๆนี้ สำหรับ vg mt จะได้ถึง 400n-m


หากตอนขึ้นเขา เราไม่สามารถรักษารอบไว้ได้ (มือใหม่)
บังเอิญว่ารอบส่วนใหญ่จะป้วนเปี้ยนแถวๆ 2000-2500 รอบ เกียร์วนไปมาแถวๆ 1-3
ซึ่งเป็นผลให้แรงบิดมาน้อยกว่าที่ควร(< 400n-m)
แต่ว่า แรงบิดเหล่านั้น ก็ยังมากกว่า แรงบิดสูงสุดของรถรุ่นคุณพ่อ หรือมากกว่าของรถรุ่นอื่นๆในวัยเดียวกัน
จะถือว่าเพียงพอต่อการไต่ขึ้นเขาหรือไม่ครับ
เพราะหากดูแรงบิด ยังไงไทรทัน(vg mt) ก็น่าจะเยอะกว่าอยู่แล้ว


ด้วยความสงสัยจริงๆครับ

ขอตอบแบบชาวบ้านนะครับ อาจไม่ตรงตามภาษาวิชาการเท่าไหร่

คืองี้ครับ Specification ของเครื่อง ทรอค หรือ แรงบิดจะสูงสุดที่ 2500-3000 รอบ หรือราวๆนี้ สำหรับ vg mt จะได้ถึง 400n-m
นั่นหมายความว่า รีดกำลังฉุดลาก (ไม่ใช่แรงม้านะ) ได้สูงสุด 400 นิวตันเมตร ตามรอบเครื่องนั้นๆ (รอบสูงไป/ต่ำไป ก็ไม่ได้กำลังตามนั้น)

ในความเป็นจริง การลากรถขึ้นเขาไม่จำเป็นต้องใช้กำลังสูงสุดขนาดนั้นครับ อาจใช้เพียง 40-60-80% ของกำลังสูงสุดที่เครื่องปั่นได้
(ถ้าลากที่กำลังสูงสุด 100% แช่ยาวๆ สงสารเครื่องครับ กลัวจะพังเอา ยิ่งขึ้นเขารถเอียงด้วย การดูดน้ำมันเครื่องขึ้นไปเลี้ยงเครื่องอาจไม่ดีพอเหมือนทางราบ)

การลากรถขึ้นเขา ผมสนใจที่รอบเครื่องครับ ไม่ได้สนใจที่ความเร็ว ผมจะเลี้ยงรอบให้ป้วนเปี้ยนแถวๆ กำลังประมาณ 60%
สังเกตุจากรถยังมีแรงฉุดลากขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
ถ้าย้ำคันเร่งลงไปอีก ยังมีแรงดึงได้อีก (ใช้กำลังฉุดลากประมาณ 80%) รอบจะสูงขึ้น เครื่องทำงานหนักขึ้น แต่ไม่มีประโยชน์อะไร (เก็บไว้เผื่อแซงดีกว่า)
ถ้าทางชันเพิ่มขึ้น รอบเริ่มตก ความเร็วเริ่มตก (กำลังฉุดลดลงเหลือประมาณ 40%) ผมก็จะลดเกียร์เรียกรอบขึ้นมา เพื่อให้เครื่องปั่นแรงบิดกลับมาอยู่ที่ 50-60% ตามเดิม

ทั้งนี้ % ต่างๆ นั้นอยู่ที่ความรู้สึกนะครับ ขณะลากรถขึ้นเขาคงไม่มีตัววัดแรงบิดที่ชัดเจน
อาศัยความรู้สึกว่ารถยังมีกำลัง มีแรงดึง เราพารถไปนะครับ อย่าให้รถพาเราไป

ไม่แน่ใจว่าตอบตรงคำถามหรือไม่ครับ ถ้าไม่ตรงขออภัย ถามเพิ่มก็ได้ครับ แชร์กัน มีอีกหลายอย่างที่ผมก็ไม่รู้ครับ

PanYaChon
12-12-2012, 17:04
ของผมตามสันชาตญาณในการขับรถเลยครับ ตอนขึ้นเข้าก็ 1-2-3 บางจังหวะก็มี 4 บ้าง แต่ส่วนใหญ่ จะใช้ 2-3 เลี้ยงรอบประมาณ 2000 รอบขึ้นไป ส่วนตอนลงเข้า จะใช้แค่เกียร์ 2-3-4 ครับ ขึ้นอยู่กับรอบเครื่องและเส้นทางในขณะนั้น ส่วนการเบรคผมจะใช้การแตะ ๆ เบรค จะไม่เลียเบรค และย้ำอีกนึงครั้ง ก่อนเข้าโค้ง สับเกียร์ลงมา 1 เกียร์ แล้วเหยียบส่งต่อเข้าโค้งในครับ ผมลงจากแม่สอดมา 2 คัน เมื่อวันก่อน ความเร็วประมาณ 80-100 ครับ ในแต่ละโค้ง ที่สำคัญต้องดูโค้งให้ออกด้วยล่ะ

เยี่ยมครับ !!!
สำคัญเลย ต้องอ่านไลน์ให้เป็น การอ่านไลน์ ต้องอ่านให้สุดเท่าตาเห็น
โค้งไหนตัดได้ ตัด เพื่อลดอาการดื้อโค้ง และท้ายเหวี่ยง ออกโค้งก็ไม่เสียกำลัง

ต้องรู้จังหวะส่ง ถ้าหน้าโล่งลงเนิน กดคันเร่งส่งต่อเลย ตุนแรงไว้ในเนินลูกหน้า

mr.noname
12-12-2012, 17:53
ขอบคุณครับ น้า PanYaChon


ผมหมายถึงอย่างนั้นล่ะครับ
คือเราใช้กำลังฉุดลากไม่เต็ม 400n-m
แต่รู้สึกได้ว่า ถ้าเหยียบลงไปอีก มันฉุดอีกแน่นอนครับ


แบบว่าพฤติกรรมการขับรถของผม จะเป็นแบบนี้ครับ (วิ่งบนทางราบ )
- ผมจะเปลี่ยนเกียร์สูงขึ้นเมื่อเครื่องยนต์รู้สึกได้ว่ามีเสียงมากกว่าปกติ และรอบจะแตะ 2000 (บางทีไม่ถึง2000 ก็เปลี่ยนครับ ถ้าลงเนิน)
- ในทางกลับกันครับ ถ้ารถชะลอจนรู้สึกได้ว่าเครื่องเริ่มสั่น ผมจะเหยียบคลัทช์ลดเกียร์เลยครับ


วิ่งกลับบ้าน ตจว. นี่ รอบแทบไม่เคยแตะ 2500 รอบเลยครับ (ยกเว้นตอนแซง)


ผมเองไม่เคยขึ้นเขาลาดชันครับ
เคยผ่านภูเขาก็แต่วิ่งเส้นมิตรภาพ สระบุรี-โคราช เท่านั้นครับ ซึ่งถือว่าไมชัน


ที่ชันๆจริงๆ ก็มีขึ้นห้างครับ วนด้วย แต่ก็ไม่เคยจะถึง 2000 รอบอยู่ดี (เกียร์ 1บางที 2 ขับขึ้นช้าๆ ชัวร์ๆ)




ขอสงสัยเพิ่มเติมนะครับ สำหรับการลงทางชัน (จากห้าง)
- ผมเข้าเกียร์ 1 บางทีก็ 2 ขับลงช้าๆ (เหมือนตอนขึ้น)
- ถ้ารอบมันจะวิ่งสูงขึ้น(ไม่เคยจะถึง 2500 รอบ ด้วยซ้ำ) ผมเหยียบคลัทช์เลยครับ พร้อมแตะเบรค
- ถ้าแตะเบรคแล้ว เหลือความเร็วเท่ากับหรือพอๆกับความเร็วจากการวิ่งในเกียร์ปกติ ผมจะปล่อยเบรคให้วิ่งด้วยเกียร์
- ทำแบบนี้วนไปมาเรื่อยๆ ครับ


(แตะเบรค คือ แตะในลักษณะที่เกือบเรียกว่าเลียเบรคครับ คล้ายๆ ใกล้จะติดไฟแดงอะครับ ถ้าล้อล็อค คงหน้าคะมำ)


ที่ผมทำเช่นนี้ เพราะทางลงห้างเป็นทางวนรัศมีแคบ ลงเร็วไม่ได้อยู่แล้วนะครับ
แต่อยากถามว่า
ผมทำถูกต้องแล้วหรือไม่ อย่างไร ครับ หากจะนำไปประยุกต์ในการขึ้น-ลงเขา ที่ชัน และระยะทางมากกว่านี้


เข้าใจว่าไม่ตรงกับที่ น้าๆหลายท่านแนะนำครับ


ด้วยความเคารพ

MEAW_SAN
12-12-2012, 18:03
Plus 4Dr ผมรถหนักทุกประชากรไป 5 คน + ผมคนขับเป็น 6
ไปเขาตะเกียบ ใช้เกียร์ 2 ขึ้นไปได้ครึ่งทางหมดแรง
เหยียบคลัชกดเบรคสุดกำลัง นิ่งอยู่กลางทาง ทุกคนในรถผวากันหมด
ผมบอก อุ้ย! หมดแรง แล้วสับเกียร์ 1 ลากขึ้นไปถึงโดยสวัสดิภาพ 555
(เป็นอีกครั้งที่บอกตัวเองว่า รู้งี้ถอยตัว 4x4 มาก็ดีอ่ะ)
:86 2:

PanYaChon
12-12-2012, 20:51
ขอสงสัยเพิ่มเติมนะครับ สำหรับการลงทางชัน (จากห้าง)
- ผมเข้าเกียร์ 1 บางทีก็ 2 ขับลงช้าๆ (เหมือนตอนขึ้น)
- ถ้ารอบมันจะวิ่งสูงขึ้น(ไม่เคยจะถึง 2500 รอบ ด้วยซ้ำ) ผมเหยียบคลัทช์เลยครับ พร้อมแตะเบรค
- ถ้าแตะเบรคแล้ว เหลือความเร็วเท่ากับหรือพอๆกับความเร็วจากการวิ่งในเกียร์ปกติ ผมจะปล่อยเบรคให้วิ่งด้วยเกียร์
- ทำแบบนี้วนไปมาเรื่อยๆ ครับ


(แตะเบรค คือ แตะในลักษณะที่เกือบเรียกว่าเลียเบรคครับ คล้ายๆ ใกล้จะติดไฟแดงอะครับ ถ้าล้อล็อค คงหน้าคะมำ)




น้า mr.noname ท่านทำอย่างนั้น ถูกต้องแล้วครับ
การลงห้างฯ มันชันก็จริง แต่เป็นระยะสั้นๆ เท่านั้น มันไม่ยาวพอให้เบรคสะสมความร้อนครับ อาการเบรคไหม้ไม่เกิดแน่นอน
เวลาผมลงห้าง ก็ขับเหมือนน้าแหละครับ บางทีเหยียบคลัชท์แช่ตลอดด้วย แล้วกดเบรคเพื่อชลอความเร็ว ระยะทางสั้นๆ อนุโลมครับ

ส่วนการไหลลงเขา มันจะต่างกับการไหลลงห้างครับ
การไหลลงเขาระยะมันยาว มันไหลลงด้วยความเร็ว + แรงเฉือยสะสม เมื่อกดเบรคจนรถชลอมากแล้ว เกือบหยุด รอบจะตกตามช้าๆ เหลือประมาณ 1 พัน (แต่ยังไม่ดับ ไม่สะอึก)
ผมจะไม่เหยียบคลัชท์เด็ดขาด แต่ยกเบรคแทน เพื่อให้เบรคคายความร้อน และรถไหลลงต่อ รวมถึงการดึงรอบขึ้นไปอีกครับ ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
ทำอย่างนี้วนไปเรื่อยๆ จนสุดทางลง หรือเจอโค้ง ก็จับจังหวะ สับเกียร์แล้วกดคันเร่งส่งต่อครับ

แต่การไหลลงห้างฯ ระยะมันสั้น ไม่มีช่วงให้เล่นเยอะครับ
จริงๆ แล้วพื้นฐานการขับเดียวกัน แต่ต้องประยุกต์ ตามสถานะการณ์ครับ

chaiyasit
12-12-2012, 20:58
ใช้เกียร์ต่ำตามป้ายบอกทาง+อย่าตัดโค้ง อันตรายครับ

PanYaChon
12-12-2012, 21:08
เทคนิคอีกเรื่องนึงที่สำคัญนะครับ คือ เราต้องรู้จังหวะ "คลัชท์"
หาจังหวะให้เจอ ว่า จังหวะไหน "จับ" และเริ่มส่งกำลังจากเครื่องไปที่เกียร์

ผมยกตัวอย่าง อย่างนี้ สมมุติว่า เหยียบสุดคือตำแหน่ง 0 , ปล่อยสุดคือตำแหน่ง 9 / ระยะหรือช่วงชักของการเหยียบคลัชท์ คือ 0-1-2-3-4-5-6-7-8-9
เราต้องหาให้เจอว่า ระยะไหนคลัชท์เริ่มจับ คือเมื่อยกคลัชท์ รถเริ่มไหล เพราะรถแต่ละคันตั้งคลัชท์ สูง-ต่ำ ไม่เท่ากัน (อย่านึกถึง Hi-low นะ มันไม่ดี)

เช่น เมื่อเราเหยียบสุดที่ตำแหน่ง 0 , เข้าเกียร์ , ยกเท้าลากยาวมาถึงตำแหน่งที่ 5 รถก็เริ่มไหล เป็นต้น
(ส่วนตัวผมชอบคลัชท์ต่ำๆ รถผมตั้งไว้ที่ตำแหน่งประมาณ 2-3 คือยกนิดเดียวรถก็ไหลแล้ว ระยะเหยียบก็สั้น ไม่เมื่อยดี)

ถ้าเรารู้จังหวะแล้ว กรณีฉุกเฉินต้องจอดนิ่งๆ บนทางลาดเอียงขึ้น เราจะออกตัวได้ไม่ดับ และไม่ต้องเลี้ยงคลัชท์มาก (ใช้เบิ้ลรอบช่วยนิดหน่อย)
เช่น กรณีกำลังลากเกียร์ขึ้นเขาช่วงปีใหม่ รถติดแต่นอน บางทีต้องหยุดนิ่งๆ บนทางชันขาขึ้น ผมจะใช้วิธีคือ
- ดึงเบรคมือ ล็อคล้อไว้ก่อน
- ตอนออกตัวก็เหยียบคลัชท์ เข้าเกียร์ 1 เลี้ยงคันเร่ง หรือเบิ้ลรอบไว้
- ยกคลัชท์ช้าๆ มาที่จังหวะ "จับ" พร้อมกับลดเบรคมือช้าๆ (เบิ้ลรอบช่วยกรณีที่รอบตก)
รถจะค่อยๆ ไหลขึ้นไปเอง ไม่ไหลลงไปแปะไฟหน้าคันหลังหรอกครับ

daeng
12-12-2012, 21:23
ขอสงสัยเพิ่มเติมนะครับ สำหรับการลงทางชัน (จากห้าง)
- ผมเข้าเกียร์ 1 บางทีก็ 2 ขับลงช้าๆ (เหมือนตอนขึ้น)
- ถ้ารอบมันจะวิ่งสูงขึ้น(ไม่เคยจะถึง 2500 รอบ ด้วยซ้ำ) ผมเหยียบคลัทช์เลยครับ พร้อมแตะเบรค
- ถ้าแตะเบรคแล้ว เหลือความเร็วเท่ากับหรือพอๆกับความเร็วจากการวิ่งใน เกียร์ปกติ ผมจะปล่อยเบรคให้วิ่งด้วยเกียร์
- ทำแบบนี้วนไปมาเรื่อยๆ ครับ

1 ถูกครับ
2 เหยียบเบรคก่อนเหยียบคลัทครับ ถ้าเหยียบคลัทก่อน ล้อจะหมดแรงดึงการเบรคต้องใช้แรงมากขึ้น เวลาคับขับเดี๋ยวจะเบรคไม่ทันครับ เริ่มเหยียบเบรคลงไปพอเริ่มจับก็เหยียบคลัทตามครับห่างกันแป๊บเดียว

noobombam
13-12-2012, 20:33
อยากถามน้าๆนะครับว่า รถที่มีแรงบิดมากเวลาลงเขารถจะไหลลงช้ากว่ารถที่มีแร งบิดน้อยใช่ไหมครับ

PanYaChon
13-12-2012, 21:13
อยากถามน้าๆนะครับว่า รถที่มีแรงบิดมากเวลาลงเขารถจะไหลลงช้ากว่ารถที่มีแร งบิดน้อยใช่ไหมครับ

รถที่มีแรงบิดมากหรือน้อย ไม่มีผลต่อการไหลลงเขาครับ

ถ้าปัจจัยแวดล้อมเดียวกัน คือ รถคันเดิม น้ำหนักบรรทุกเท่าเดิม ล้อเท่าเดิม ทางลาดชันเดิม
การไหลลงช้า-เร็วนั้น ตัวแปลอยู่ที่เกียร์ที่คอยดึง และเบรคครับ

กล่าวคือ รถจะไหลลงตามแรงโน้มถ่วงของโลกแหละ เรามีหน้าที่สร้างแรงเสียดทานระหว่างล้อกับพื้นถนน เพื่อให้อยู่ในความเร็วที่เหมาะสม
การสร้างแรงเสียดทานทำได้ 2 กรณีคือ
- เหยียบเบรค เพื่อพยายามหยุดการหมุนของล้อ
- เข้าเกียร์ไว้ เพื่อสร้างแรงหน่วง ไม่ให้ล้อหมุนลงอย่างอิสระ

(ล้อจะต่อไปที่เพลา เพลาต่อไปที่เกียร์ เกียร์ต่อไปที่เครื่องโดยมีคลัชท์เป็นตัวตัดต่อกำลัง เมื่อล้อหมุนขณะลงเขามันจะสัมพันธ์ต่อเนื่องมาถึงเครื่อง
ทำให้เครื่องปั่นรอบสูงขึ้นไปเอง โดยที่เราไม่ได้เหยียบคันเร่ง จริงๆแล้วตัวสร้างแรงหน่วงคือเครื่องนั่นเอง สังเกตุง่ายๆ ถ้าเหยียบคลัชท์ตัดกำลังซะ
รอบเครื่องจะตก ล้อจะหมุนอิสระขึ้น รถไหลลงเร็วขั้นนั่นเอง จึงเป็นที่มาว่าต้องเข้าเกียร์ปล่อยคลัชท์ เพื่อคอยดึงรถหรือสร้างแรงหน่วง/หนืด/เสียดทาน ไม่ให้รถไหลลงอิสระนั่นเอง)

noobombam
13-12-2012, 21:45
รถที่มีแรงบิดมากหรือน้อย ไม่มีผลต่อการไหลลงเขาครับ

ถ้าปัจจัยแวดล้อมเดียวกัน คือ รถคันเดิม น้ำหนักบรรทุกเท่าเดิม ล้อเท่าเดิม ทางลาดชันเดิม
การไหลลงช้า-เร็วนั้น ตัวแปลอยู่ที่เกียร์ที่คอยดึง และเบรคครับ

กล่าวคือ รถจะไหลลงตามแรงโน้มถ่วงของโลกแหละ เรามีหน้าที่สร้างแรงเสียดทานระหว่างล้อกับพื้นถนน เพื่อให้อยู่ในความเร็วที่เหมาะสม
การสร้างแรงเสียดทานทำได้ 2 กรณีคือ
- เหยียบเบรค เพื่อพยายามหยุดการหมุนของล้อ
- เข้าเกียร์ไว้ เพื่อสร้างแรงหน่วง ไม่ให้ล้อหมุนลงอย่างอิสระ

(ล้อจะต่อไปที่เพลา เพลาต่อไปที่เกียร์ เกียร์ต่อไปที่เครื่องโดยมีคลัชท์เป็นตัวตัดต่อกำลัง เมื่อล้อหมุนขณะลงเขามันจะสัมพันธ์ต่อเนื่องมาถึงเครื่อง
ทำให้เครื่องปั่นรอบสูงขึ้นไปเอง โดยที่เราไม่ได้เหยียบคันเร่ง จริงๆแล้วตัวสร้างแรงหน่วงคือเครื่องนั่นเอง สังเกตุง่ายๆ ถ้าเหยียบคลัชท์ตัดกำลังซะ
รอบเครื่องจะตก ล้อจะหมุนอิสระขึ้น รถไหลลงเร็วขั้นนั่นเอง จึงเป็นที่มาว่าต้องเข้าเกียร์ปล่อยคลัชท์ เพื่อคอยดึงรถหรือสร้างแรงหน่วง/หนืด/เสียดทาน ไม่ให้รถไหลลงอิสระนั่นเอง)
ก็เท่ากับว่า ดีเซลหรือเบนซิน ลงเขาเร็วเท่ากันใช่ไหมครับ

PanYaChon
13-12-2012, 21:54
ก็เท่ากับว่า ดีเซลหรือเบนซิน ลงเขาเร็วเท่ากันใช่ไหมครับ

ขาลง ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับแรงบิดครับ อยู่ที่เบรค กับอัตราทดเกียร์ ที่คอยทดสร้างแรงเสียดทางจากเครื่องไปหน่วงล้อครับ

doraemon_ud
31-01-2013, 10:59
ตอนลงใช้เกียร์ต่ำประมาณ 2-3 ปล่อยไหลลงมา รอบเครื่องมันจะกวาดขึ้นไป ไม่ต้องตกใจ
ตอนเบรคก็กดหนักๆ ทีนึงแบบเกือบรถหยุด แล้วยกเบรคปล่อยไหลต่อ
ที่สำคัญอย่าเหยียบแช่นะ เดี๋ยวเบรคไหม้
จังหวะลงเขา+โค้ง ก็กดเบรคหนักๆ ก่อนถึงโค้ง แล้วเอาเกียร์ดึงไหลเข้าโค้งไป ใช้แตรช่วยบอกเพื่อนที่สวนมาด้วยล่ะตามนั้นครับ อิอิ