Protron
14-07-2013, 20:08
ไม่ทราบเป็นรถของน้าๆในคลับเราหรือเปล่าครับ
เครดิิต:เพจชุมชนเขวาสินรินทร์(จ.สุรินทร์)
https://m.facebook.com/photo.php?fbid=560949760612843&id=137609536280203&set=a.195962730444883.38898.137609536280203&refid=17
เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นขณะ ด.ต.อมร พานวงศ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ทำหน้าที่เข้าเวรที่ตู้ยามแยก กม.14 ขณะนั้นช่วงเวลาประมาณ 02.00 น.เศษได้รับแจ้งจากทางวิทยุว่าในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดมีเหตุ ขโมยรถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ ไทรทัน พร้อมกับหมายเลขทะเบียนดังกล่าว หลังจากจดรายละเอียดแล้ว ด.ต.อมร ก็ยังคงอยู่เวรตู้ยามปกติ โดยเลือกนั่งพักในเก้าอี้ ลุกบ้างเดินบ้างเพื่อไม่ให้เกิดอาการง่วง จนเวลาผ่านเลยไปเมื่อประมาณเวลา 05.00 น.เศษ เขาก็เลยเดินออกมาเล่นนอกตู้ยาม ปราฏว่าเหลือบไปเห็นรถต้องสงสัยที่ได้รับแจ้งทางวิทยุในไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับรูปพรรณ ยี่ห้อรถ พร้อมกับป้ายทะเบียนที่แจ้งหายดังกล่าว เขาจึงตัดสินใจในช่วงนั้นจากรวดเร็ว หยิบอาวุธประจำกายพร้อมรถจักรยานยนต์แล้วขี่ไล่ตามรถคนร้ายเพื่อให้ทันและไม่ให้ละสายตา จากกม. 14 ถึงแยกแกใหญ่เข้าตัวเมืองสุรินทร์ ช่วงนั้นห่างประมาณ 11 กม. ที่เขาตัดสินใจไล่ล่าคนร้าย และรถต้องสงสัย ด.ต.อมร พานวงศ์ ใช้สติและปฏิภาณไหวพริบในช่วงนั้น ที่ตัดสินใจแซงรถคนร้าย แล้วเอารถจักรยานยนต์ไปสกัดที่ตรงสี่แยกไฟแดงบ้านแกใหญ่ จากนั้นเมื่อรถยนต์คันแรกหยุดเขารีบวิ่งไปบอกรถที่จอดคันแรกว่า มีคนร้ายอยู่รถคันหลังประมาณคันที่ 4 บอกให้หยุดไม่ว่าจะเป็นไฟเขียวหรือไฟแดง จนกว่าจะสกัดจับคนร้ายไว้ได้ จากแผนการดังกล่าวรถที่วิ่งตามคันหลังก็มาติดตรงแยกไฟแดง จนถึงรถคนร้ายคันที่ 4 ช่วงนั้น ด.ต.อมร พานวงศ์ได้แจ้งให้ทางพนักงานวิทยุศรีไผท หรือสภ.เมืองสุรินทร์ให้ทราบและขอกำลังเสริม เพราะอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองสุรินทร์ ในวินาทีนั้นเองเขาตัดสินใจด้วยหัวใจของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ วิ่งไปรถเป้าหมายทางประตูด้านคนขับ หยิบอาวุธปืนที่พกติดตัว เล็งไปยังคนขับพร้อมกับตะโกนบอกให้ยกมือขึ้นแล้วมอบตัว ครั้งนั้นเขาต้องใช้สมาธิและความกล้าหาญสูงเพราะไม่ทราบว่าคนในรถมีกี่คน จากนั้นเมื่อเปิดประตูก็เห็นเป็นชายราววัย 40 ปี และเพื่อนสาวที่นั่งมาด้วย เมื่อทางตำรวจจากสภ.เมืองสุรินทร์มาถึงจึงได้ประสานให้ทางสภ.เมืองสุรินทร์ดำเนินการต่อไปเพราะอยู่ในเขตของสภ.เมืองสุรินทร์ เพื่อประสานไปยังตำรวจที่ร้อยเอ็ดในพื้นที่เกิดเหตุ .......จากประสบการณ์ครั้งนั้น ด.ต.อมร พานวงศ์รู้สึกได้ถึงความภูมิใจว่าตัวเองทำหน้าที่ได้อย่างสมเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นตำรวจไทย ....ชุมชนเขวาสินรินทร์ขอชื่นชมและกดไลน์ให้ร้อยคะแนนเต็มคร๊าบบบบบ
เครดิิต:เพจชุมชนเขวาสินรินทร์(จ.สุรินทร์)
https://m.facebook.com/photo.php?fbid=560949760612843&id=137609536280203&set=a.195962730444883.38898.137609536280203&refid=17
เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นขณะ ด.ต.อมร พานวงศ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ทำหน้าที่เข้าเวรที่ตู้ยามแยก กม.14 ขณะนั้นช่วงเวลาประมาณ 02.00 น.เศษได้รับแจ้งจากทางวิทยุว่าในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดมีเหตุ ขโมยรถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ ไทรทัน พร้อมกับหมายเลขทะเบียนดังกล่าว หลังจากจดรายละเอียดแล้ว ด.ต.อมร ก็ยังคงอยู่เวรตู้ยามปกติ โดยเลือกนั่งพักในเก้าอี้ ลุกบ้างเดินบ้างเพื่อไม่ให้เกิดอาการง่วง จนเวลาผ่านเลยไปเมื่อประมาณเวลา 05.00 น.เศษ เขาก็เลยเดินออกมาเล่นนอกตู้ยาม ปราฏว่าเหลือบไปเห็นรถต้องสงสัยที่ได้รับแจ้งทางวิทยุในไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับรูปพรรณ ยี่ห้อรถ พร้อมกับป้ายทะเบียนที่แจ้งหายดังกล่าว เขาจึงตัดสินใจในช่วงนั้นจากรวดเร็ว หยิบอาวุธประจำกายพร้อมรถจักรยานยนต์แล้วขี่ไล่ตามรถคนร้ายเพื่อให้ทันและไม่ให้ละสายตา จากกม. 14 ถึงแยกแกใหญ่เข้าตัวเมืองสุรินทร์ ช่วงนั้นห่างประมาณ 11 กม. ที่เขาตัดสินใจไล่ล่าคนร้าย และรถต้องสงสัย ด.ต.อมร พานวงศ์ ใช้สติและปฏิภาณไหวพริบในช่วงนั้น ที่ตัดสินใจแซงรถคนร้าย แล้วเอารถจักรยานยนต์ไปสกัดที่ตรงสี่แยกไฟแดงบ้านแกใหญ่ จากนั้นเมื่อรถยนต์คันแรกหยุดเขารีบวิ่งไปบอกรถที่จอดคันแรกว่า มีคนร้ายอยู่รถคันหลังประมาณคันที่ 4 บอกให้หยุดไม่ว่าจะเป็นไฟเขียวหรือไฟแดง จนกว่าจะสกัดจับคนร้ายไว้ได้ จากแผนการดังกล่าวรถที่วิ่งตามคันหลังก็มาติดตรงแยกไฟแดง จนถึงรถคนร้ายคันที่ 4 ช่วงนั้น ด.ต.อมร พานวงศ์ได้แจ้งให้ทางพนักงานวิทยุศรีไผท หรือสภ.เมืองสุรินทร์ให้ทราบและขอกำลังเสริม เพราะอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองสุรินทร์ ในวินาทีนั้นเองเขาตัดสินใจด้วยหัวใจของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ วิ่งไปรถเป้าหมายทางประตูด้านคนขับ หยิบอาวุธปืนที่พกติดตัว เล็งไปยังคนขับพร้อมกับตะโกนบอกให้ยกมือขึ้นแล้วมอบตัว ครั้งนั้นเขาต้องใช้สมาธิและความกล้าหาญสูงเพราะไม่ทราบว่าคนในรถมีกี่คน จากนั้นเมื่อเปิดประตูก็เห็นเป็นชายราววัย 40 ปี และเพื่อนสาวที่นั่งมาด้วย เมื่อทางตำรวจจากสภ.เมืองสุรินทร์มาถึงจึงได้ประสานให้ทางสภ.เมืองสุรินทร์ดำเนินการต่อไปเพราะอยู่ในเขตของสภ.เมืองสุรินทร์ เพื่อประสานไปยังตำรวจที่ร้อยเอ็ดในพื้นที่เกิดเหตุ .......จากประสบการณ์ครั้งนั้น ด.ต.อมร พานวงศ์รู้สึกได้ถึงความภูมิใจว่าตัวเองทำหน้าที่ได้อย่างสมเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นตำรวจไทย ....ชุมชนเขวาสินรินทร์ขอชื่นชมและกดไลน์ให้ร้อยคะแนนเต็มคร๊าบบบบบ