แอร์รถยนต์เหม็นอับจากสาเหตุอะไร

ในการบำรุงรักษาระบบปรับอากาศนั้น วิทยากรในรายการวิทยุ หรือในรายการทีวี.มักจะแนะนำให้ใช้วิธีเป่าให้แห้ง โดยบอกให้ปิด AC ก่อนเข้าบ้าน 5-10 นาที ซึ่งมีวิธีดังนี้ เปิดสปีดพัดลมและน้ำยาให้แรงที่สุด แล้วค่อยปิดสวิตช์ AC ก่อนถึงบ้าน 5-10 นาที เพื่อให้ลมแรง ๆ เป่ารังผึ้งคอยล์เย็นให้แห้ง ซึ่งช่วยให้รังผึ้งคอยล์เย็นไม่ผุ

สำหรับวิธีนี้แพร่หลายมานานแล้ว แต่เสียงต่อต้านจากผู้ใช้ก็ยังคงเหมือนเดิม และตู้รังผึ้งแอร์ก็ยังมีอายุสั้นเหมือนเดิม ทำให้เป็นที่คลางแคลงใจตลอดมา ผมเองได้รับคำถามนี้ตลอดมาเช่นกัน จากเหตุผลที่ผมเองก็ค้นหาความจริงเรื่อยมา และล่าสุดได้ไปคุยกับผู้เชี่ยวชาญจากร้านประเสริฐแอร์ ย่านประชาชื่น ก็ได้รับการอธิบายว่า ถ้าเป็นตู้แอร์ยุคก่อนที่ติดตั้งกันเองจะเรียกว่าตู้แขวน ถ้าติดตั้งไม่ดีก็มีความเป็นไปได้ว่าน้ำจะท่วมรังผึ้ง และทำให้เกิดกลิ่นอับ


แต่ถ้าเป็นแอร์ยุคใหม่ ตั้งแต่ปี 90 เรื่อยมา ได้พัฒนาระบบเป็นอัตโนมัติหมดแล้ว โดยมีระบบควบคุมความเย็นที่ได้ผลและมีระบบน้ำทิ้งที่จะไม่ขังอยู่ภายในตู้ มีระบบหน่วงเวลา เวลาที่สตาร์ตเครื่องยนต์แอร์จะไม่หมุน ไม่หนักแรงเครื่องยนต์ โดยผู้ใช้ควรเปิดสวิตช์น้ำยาไว้กลาง ๆ ก็พอพร้อมสปีดพัดลมที่เบอร์ 1-2 และปุ่ม AC ก็ให้อยู่ในจังหวะเปิดตลอด ส่วนผู้ใช้รถมีหน้าที่ติดเครื่องใช้งาน ดับเครื่องเมื่อถึงบ้าน โดยไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับแอร์อีกเลย

และในเหตุผลที่แอร์เหม็นอับนั้น เกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่ง หรือจะเรียกว่าเชื้อโรคก็ได้ ซึ่งเชื้อราจะเกิดได้ต่อเมื่อคอยล์เย็นมีความแห้งไม่สนิท คือ มีความชื้นนั้นเอง โดยคอยล์เย็นของแอร์จะต้องเป็นไปตามธรรมชาติ จะต้องเกิดหยดน้ำเมื่อแอร์มีความเย็น และหยดน้ำจะไหลชำระฝุ่นผงไปในตัว เรียกว่าล้างฝุ่นผงด้วยตนเอง


และฝุ่นผงจะไม่เกาะถ้าไม่ไปปิด AC นาน ๆ จากการที่ปิด AC ความเย็นจะลดลงทันที น้ำจะถูกเป่าออกไป พอแห้งหมาด ๆ เมื่อไหร่จะกลายเป็นความเหนียวที่จะให้ฝุ่นผงมาเกาะได้ง่ายและต้องไม่ลืมว่า พอกลับถึงบ้านและดับเครื่องความเย็นที่หลงเหลือภายในจะเกิดความชื้นของอากาศ เพราะตอนที่ปิด AC อากาศในรถจะร้อนอบอ้าว

พอจอดรถความร้อนจะไปจับเกาะกับรังผึ้งได้อีก พร้อมทั้งฝุ่นผงนี่แหละ หรือจะเป็นฝุ่นจากภายนอก กลิ่นตัว กลิ่นอาหารเพราะเวลา 5-10 นาทีที่ปิด AC นั้น ถ้ายิ่งเปิดกระจกเท่ากับเปิดรับเอาอากาศภายนอกเข้ามาในรถ ท้ายสุดเชื้อราก็จะเกิดขึ้นที่รังผึ้งแอร์ ถ้าทำตามวิทยากรในรายวิทยุที่กล่าวข้างต้น นั่นแหละกลิ่นจะเหม็นอับ และตู้จะผุเร็วดังนั้นจึงควรทำอย่างที่แนะนำไปให้ดับเครื่องตามปรกติ ไม่ต้องไปยุ่งกับอะไร และพอจอดรถจะเห็นน้ำหยดไหลทิ้งนั่นแหละคือการล้างฝุ่นผงแบบธรรมชาติ


ปิดท้ายในการจอดรถข้ามคืนควรจะแย้มกระจกลงเล็กน้อยหรือจะเปิดช่องลมข้างๆ ที่ช่องแอร์ก็ได้ เพื่อให้อากาศภายในได้มีการถ่ายเท และอีกอย่างที่อยากจะแนะนำ พวกน้ำหอมต่าง ๆ การบูรจะเป็นสาเหตุให้แอร์อุดตันที่รังผึ้ง และควรดูแลด้วยการล้างตู้แอร์

ที่มา http://www.jabchai.com/main/news_view.php?id=5036

แปลว่าไม่ควรปิดสวิชพัดลมกับแอร์ ก่อนดับเครื่องเหรอครับ..

แหล่ๆขอบคุณมากมายครับ

นี่ผมทำผิดมาตลอดเลยเหรอเนี้ย

หุๆ เราผิดมาตั้งแต่ต้นเลย...

ผมก็ไม่เคยลองทำอ่ะคับ แต่เคยเห็นน้ำหยดอยู่

ขอบคูณสำหรับความรู้คับ

อ้างอิง:

---

โพสต้นฉบับโดยคุณ foxcox

ในการบำรุงรักษาระบบปรับอากาศนั้น วิทยากรในรายการวิทยุ หรือในรายการทีวี.มักจะแนะนำให้ใช้วิธีเป่าให้แห้ง โดยบอกให้ปิด AC ก่อนเข้าบ้าน 5-10 นาที ซึ่งมีวิธีดังนี้ เปิดสปีดพัดลมและน้ำยาให้แรงที่สุด แล้วค่อยปิดสวิตช์ AC ก่อนถึงบ้าน 5-10 นาที เพื่อให้ลมแรง ๆ เป่ารังผึ้งคอยล์เย็นให้แห้ง ซึ่งช่วยให้รังผึ้งคอยล์เย็นไม่ผุ

สำหรับวิธีนี้แพร่หลายมานานแล้ว แต่เสียงต่อต้านจากผู้ใช้ก็ยังคงเหมือนเดิม และตู้รังผึ้งแอร์ก็ยังมีอายุสั้นเหมือนเดิม ทำให้เป็นที่คลางแคลงใจตลอดมา ผมเองได้รับคำถามนี้ตลอดมาเช่นกัน จากเหตุผลที่ผมเองก็ค้นหาความจริงเรื่อยมา และล่าสุดได้ไปคุยกับผู้เชี่ยวชาญจากร้านประเสริฐแอร์ ย่านประชาชื่น ก็ได้รับการอธิบายว่า ถ้าเป็นตู้แอร์ยุคก่อนที่ติดตั้งกันเองจะเรียกว่าตู้แขวน ถ้าติดตั้งไม่ดีก็มีความเป็นไปได้ว่าน้ำจะท่วมรังผึ้ง และทำให้เกิดกลิ่นอับ


แต่ถ้าเป็นแอร์ยุคใหม่ ตั้งแต่ปี 90 เรื่อยมา ได้พัฒนาระบบเป็นอัตโนมัติหมดแล้ว โดยมีระบบควบคุมความเย็นที่ได้ผลและมีระบบน้ำทิ้งที่จะไม่ขังอยู่ภายในตู้ มีระบบหน่วงเวลา เวลาที่สตาร์ตเครื่องยนต์แอร์จะไม่หมุน ไม่หนักแรงเครื่องยนต์ โดยผู้ใช้ควรเปิดสวิตช์น้ำยาไว้กลาง ๆ ก็พอพร้อมสปีดพัดลมที่เบอร์ 1-2 และปุ่ม AC ก็ให้อยู่ในจังหวะเปิดตลอด ส่วนผู้ใช้รถมีหน้าที่ติดเครื่องใช้งาน ดับเครื่องเมื่อถึงบ้าน โดยไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับแอร์อีกเลย

และในเหตุผลที่แอร์เหม็นอับนั้น เกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่ง หรือจะเรียกว่าเชื้อโรคก็ได้ ซึ่งเชื้อราจะเกิดได้ต่อเมื่อคอยล์เย็นมีความแห้งไม่สนิท คือ มีความชื้นนั้นเอง โดยคอยล์เย็นของแอร์จะต้องเป็นไปตามธรรมชาติ จะต้องเกิดหยดน้ำเมื่อแอร์มีความเย็น และหยดน้ำจะไหลชำระฝุ่นผงไปในตัว เรียกว่าล้างฝุ่นผงด้วยตนเอง


และฝุ่นผงจะไม่เกาะถ้าไม่ไปปิด AC นาน ๆ จากการที่ปิด AC ความเย็นจะลดลงทันที น้ำจะถูกเป่าออกไป พอแห้งหมาด ๆ เมื่อไหร่จะกลายเป็นความเหนียวที่จะให้ฝุ่นผงมาเกาะได้ง่ายและต้องไม่ลืมว่า พอกลับถึงบ้านและดับเครื่องความเย็นที่หลงเหลือภายในจะเกิดความชื้นของอากาศ เพราะตอนที่ปิด AC อากาศในรถจะร้อนอบอ้าว

พอจอดรถความร้อนจะไปจับเกาะกับรังผึ้งได้อีก พร้อมทั้งฝุ่นผงนี่แหละ หรือจะเป็นฝุ่นจากภายนอก กลิ่นตัว กลิ่นอาหารเพราะเวลา 5-10 นาทีที่ปิด AC นั้น ถ้ายิ่งเปิดกระจกเท่ากับเปิดรับเอาอากาศภายนอกเข้ามาในรถ ท้ายสุดเชื้อราก็จะเกิดขึ้นที่รังผึ้งแอร์ ถ้าทำตามวิทยากรในรายวิทยุที่กล่าวข้างต้น นั่นแหละกลิ่นจะเหม็นอับ และตู้จะผุเร็วดังนั้นจึงควรทำอย่างที่แนะนำไปให้ดับเครื่องตามปรกติ ไม่ต้องไปยุ่งกับอะไร และพอจอดรถจะเห็นน้ำหยดไหลทิ้งนั่นแหละคือการล้างฝุ่นผงแบบธรรมชาติ


ปิดท้ายในการจอดรถข้ามคืนควรจะแย้มกระจกลงเล็กน้อยหรือจะเปิดช่องลมข้างๆ ที่ช่องแอร์ก็ได้ เพื่อให้อากาศภายในได้มีการถ่ายเท และอีกอย่างที่อยากจะแนะนำ พวกน้ำหอมต่าง ๆ การบูรจะเป็นสาเหตุให้แอร์อุดตันที่รังผึ้ง และควรดูแลด้วยการล้างตู้แอร์

ที่มา http://www.jabchai.com/main/news_view.php?id=5036

---

น้องผมนี่เก่งแหะมีสาระกะเค้าด้วย :emo012eu7:สรุปแล้วคือ เปิดน้ำยาระดับกลาง เปิดแอร์ใช้งานปกติ โดยไม่ต้องไปปรับอะไรมันถูกปะคร้าบบบ:i40:...ชอบปรับเวลามันหนาวอ่ะ :emo016zo1::emo085if7:

ขอบคุณครับบบบบบ งงแล้วสิที่นี้

ตกลงปิดไม่ดี เราก็หลงทํามาต้องนานๆๆๆ

งั้นเราทำถูกไหมนี่ เปิดหลังสต๊ารท และปิดหลังดับเครื่อง

ข้อมูลไหนถูกต้อง เริ่ม งง แล้วสิ

อิอิอิ ใช้แอร์ผิดมาตั้งนาน

ช่างเคยบอกผมไว้ ว่าปรับ เทอร์โมบ่อย ๆ มันไม่ดีคับ


แล้วเวลานั่งรถคนอื่น ผมสังเกตว่า เวลาดับรถ เค้าจะปิดแต่พัดลมทั้งนั้นเลยคับ

ชักงงๆ อันไหนดีหว่า

ส่วนของผม มันเหม็นอับ+กลิ่นสาบ เวลาเปิดแอร์ตอนแรกๆ ว่าจะให้ช่างที่ศูนย์ดูตอน 15,000โล เพราะมันเหม็นตั้งแต่ออกมาและ แต่ปลอบใจตัวเองเรื่อยมาว่า เดี๋ยวคงหาย แต่ถ้าจะไม่หาย (ผมปิด A/C ก่อนถึงที่หมายตลอด)

ส่วนเรื่องปิดแอร์ก่อนถึงที่หมาย ผมเห็น honda เค้าก็ยังโฆษณาอยู่นะครับ เพื่อช่วยประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง ส่วนตัวรถผมอีกคัน ซีวิค ไดเมนชั่น 03 ช่างที่ศูนย์เค้าก็บอกให้ปิด A/C แล้วเปิดพัดลม ก่อนถึงที่หมายสักพัก เพื่อไล่ความชื้น

แล้วตกลงแบบไหนดีครับ พี่น้อง *-*/:4-9:

ปิดแค่พัดลม .....แอร์ไม่ต้องปิด
ถ้าจะปิดแอร์......ต้องปิดพัดลมด้วย

มีใครไหม ที่จะออกมาฟันธงได้บ้าง?