ช่วยแชร์เคล็ดลับการประหยัดน้ำมันของเพื่อนๆด้วยครับ

สวัสดีครับทุกท่าน ผมออกรถมาเดือนกว่าครับ(ป้ายแดงอยู่) ของผม 4x2 4d ECU V3 (UP ทีหลัง) ความเร็ว 100-120 ได้ที่ 12.5 ถ้าในเมือง 12 ครับ :kapook-17193-7653: อยากถามเคล็ดลับเพื่อนๆพี่ๆ หรือผู้เชี่ยวชาญที่ได้ค้ันพบวิธีประหยัดน้ำมันทั้งที่เหมาะกับเจ้าเหมียว และอุปนิสัยการขับขี่ทั่วไปที่ทำให้ประหยัดด้วยครับ

นี่เป็นสิ่งที่ผมทำอยู่ ไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำถูกหรือไม่ วานเพื่อนๆช่วยแนะนำด้วย

1.ดูรอบเครื่องกับความเร็ว
ผมใช้ เกียร์/ความเร็วคือ 2(ออกก็ 2 เลยครับอิอิ)/20,3/40,4/60,5/? (ความเร็วสุดของเกียร์นั้นๆ)
2.ลม ผมเิติมคู่หน้า 36 หลัง 38 (ไม่บรรทุก)
3.แอร์ ผมพยายามไม่เร่งลมเยอะ(เบอร์1 เลย) แต่ปรับอุณหภูมิเย็นหน่อย (ไม่รู้ว่าระหว่างเร่งพัดลมกับเร่งอุณหภูมิ อันไหนมีผลกินน้ำมันมากกว่ากันครับ)
4.อันนี้นิสัยส่วนตัวครับ คือว่าบางครั้งถ้าผ่อนคันเร่งแล้วรอบไม่สูงมาก ผมจะชอบเหยียบครัชครับ เพราะรู้สึกรถมันไหลลื่นดีครับ

เรื่องการปรับแต่งหรือดัดแปลงสภาพเครื่องยนต์ขอให้ช่วยหมายเหตุด้วยนะครับ :kapook-17195-8823:

อ้างอิง:

---

โพสต้นฉบับโดยคุณ benzcom99

สวัสดีครับทุกท่าน ผมออกรถมาเดือนกว่าครับ(ป้ายแดงอยู่) ของผม 4x2 4d ECU V3 (UP ทีหลัง) ความเร็ว 100-120 ได้ที่ 12.5 ถ้าในเมือง 12 ครับ :kapook-17193-7653: อยากถามเคล็ดลับเพื่อนๆพี่ๆ หรือผู้เชี่ยวชาญที่ได้ค้ันพบวิธีประหยัดน้ำมันทั้งที่เหมาะกับเจ้าเหมียว และอุปนิสัยการขับขี่ทั่วไปที่ทำให้ประหยัดด้วยครับ

นี่เป็นสิ่งที่ผมทำอยู่ ไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำถูกหรือไม่ วานเพื่อนๆช่วยแนะนำด้วย

1.ดูรอบเครื่องกับความเร็ว
ผมใช้ เกียร์/ความเร็วคือ 2(ออกก็ 2 เลยครับอิอิ)/20,3/40,4/60,5/? (ความเร็วสุดของเกียร์นั้นๆ)
2.ลม ผมเิติมคู่หน้า 36 หลัง 38 (ไม่บรรทุก)
3.แอร์ ผมพยายามไม่เร่งลมเยอะ(เบอร์1 เลย) แต่ปรับอุณหภูมิเย็นหน่อย (ไม่รู้ว่าระหว่างเร่งพัดลมกับเร่งอุณหภูมิ อันไหนมีผลกินน้ำมันมากกว่ากันครับ)
4.อันนี้นิสัยส่วนตัวครับ คือว่าบางครั้งถ้าผ่อนคันเร่งแล้วรอบไม่สูงมาก ผมจะชอบเหยียบครัชครับ เพราะรู้สึกรถมันไหลลื่นดีครับ

เรื่องการปรับแต่งหรือดัดแปลงสภาพเครื่องยนต์ขอให้ช่วยหมายเหตุด้วยนะครับ :kapook-17195-8823:

---

ตอบเป็นข้อๆ นะครับ
1.การออกรถด้วยเกียร์สอง เปลืองน้ำมัน เพราะต้องเหยียบคันเร่งเยอะกว่าเดิม
ให้เปลี่ยนเป็นออกด้วยเกียร์ 1 แทน
2.แข็งไปเปล่าครับ รถพลัสผม หน้า 32 หลัง 30 ครับ
3.พัดลมแอร์เปิดเบอร์อะไร ไม่เกี่ยวกับน้ำมันครับ สวิทช์เร่งน้ำยานั้น สำคัญกว่า
เปิดที่ 11 โมง ดีกว่าครับ ได้อุณหภูมิ ประมาณ 25 องศาครับ
4.ไม่ควรทำอย่างยิ่งครับ ขับรถสไตล์มอไซค์เลย ผิดมากๆครับ
-เครื่องยนต์เสียกำลัง เพราะต้องออกแรงใหม่เมื่อต้องการเร่ง
-เอ็นจิ้นเบรคไม่มี ทำให้เบรคทำงานหนัก
-เพิ่มภาระให้กับชุดคลัตช์ ต้องตัดต่อกำลังบ่อยๆ

เรื่องรอบเครื่องกับความเร็ว แนะนำว่า เปลี่ยนเกียร์ที่ 1800-2200 รตน.
ประหยัดน้ำมันแน่ๆๆ แต่การเร่งความเร็วแบบปรู๊ดปร๊าด แล้วเปลี่ยนเกียร์ที่รอบเท่าเดิมจะไม่เกิดประโยชน์อันใดเลย แถมเปลืองกว่าเดิมด้วยซ้ำ
กรณีอย่างเร่งแซงแรง ให้ลากเกียร์ยาวไป 3200-3600 รตน.เลยดีกว่า
เร่งทีเดียว เปลืองทีเดียว ดีกว่าอยู่ที่เกียร์สูงๆ แล้วเร่งไปครับ

การเหยียบคันเร่ง ผมว่า เหยียบแค่ 1ใน 3 พอแล้วครับ
พารถไปได้ระดับ 140-150 แล้วด้วย

จำง่ายๆครับ อยากแรง กดให้ถึงทีเดียวแล้วรักษาระดับ
ขับเรื่อยๆ กดนิดๆ ไปเย็นๆ ครับ
รับรองประหยัดแน่ๆ

วิธีผมนี้ ขับวีออสในเมืองได้ระดับ 18 โล ลิตร มาแล้วครับ
และวีโก้ 15 โล ลิตร ครับ
ส่วนพลัส ในเมืองผมได้เต็มที่ ที่ 11.8 กม ลิตรครับ (ออโต้)

ตอนออกตัว ต้อง เกียร์ 1 ครับ ถ้าออกเกียร์ 2 เครื่องจะทำงานหนักครับกินเยอะ
เปลี่ยนเกียร์ 2,20 / 3,40 / 4,60 / 5,80 ครับ
ลมยางประมาณ 30 - 32 ครับถ้าไม่บรรทุก
แอร์ถ้าร้อนก็เปิดไปเถอะครับ เบอร์ 2 เบอร์ 3 เพราะไทรทันประหยัดกับการใช้งานจริงครับ

ดีครับ จะได้เข้าใจเสียใหม่ ขอบคุณนะครับ ท่านอื่นก็ช่วยแนะนำต่อได้นะครับ

:kapook-17324-3522:เพื่อนผมขับดีแมคแนะนำผมมาอีกทีครับ ผมกำลังทดลองอยู่ว่าประหยัดน้ำมันได้จริงหรือเปล่า ทุกท่านมีความคิดเห็นยังไงช่วยแนะนำด้วยนะครับ
1.เติมลม40ทั้ง4ล้อ เพราะจะช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างหน้ายางกับพื้นถนน
2.เติมน้ำมันครั้งละไม่เกินครึ่งถัง เพื่อลดภาระในการแบกรับน้ำหนักของน้ำมัน
3.ถ้าวิ่งอยู่ในเมืองไม่ได้เดินทางไกลมาก ให้ถอดยางอะไหล่ออก
4.ทำความสะอาดกรองแอร์สม่ำเสมอ
5.ใช้น้ำมันเครื่อง10w30
6.เปลี่ยนเกียร์ที่2000รอบและอย่าลากเกียร์
7.พยายามเหยียบคันเร่งให้สม่ำเสมอ ไม่ใช่เดี๋ยวเร่งเดี๋ยวเบา
8.อุด egrเพื่อให้เครื่องยนต์สะอาดเผาไหม้หมดจดขึ้น
9.ถอดแคทตาไลซ์เซอร์ที่ท่อไอเสียออก เพื่อให้ไอเสียระบายได้สะดวกขึ้น

อ้างอิง:

---

โพสต้นฉบับโดยคุณ tong

:kapook-17324-3522:เพื่อนผมขับดีแมคแนะนำผมมาอีกทีครับ ผมกำลังทดลองอยู่ว่าประหยัดน้ำมันได้จริงหรือเปล่า ทุกท่านมีความคิดเห็นยังไงช่วยแนะนำด้วยนะครับ
1.เติมลม40ทั้ง4ล้อ เพราะจะช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างหน้ายางกับพื้นถนน
2.เติมน้ำมันครั้งละไม่เกินครึ่งถัง เพื่อลดภาระในการแบกรับน้ำหนักของน้ำมัน
3.ถ้าวิ่งอยู่ในเมืองไม่ได้เดินทางไกลมาก ให้ถอดยางอะไหล่ออก
4.ทำความสะอาดกรองแอร์สม่ำเสมอ
5.ใช้น้ำมันเครื่อง10w30
6.เปลี่ยนเกียร์ที่2000รอบและอย่าลากเกียร์
7.พยายามเหยียบคันเร่งให้สม่ำเสมอ ไม่ใช่เดี๋ยวเร่งเดี๋ยวเบา
8.อุด egrเพื่อให้เครื่องยนต์สะอาดเผาไหม้หมดจดขึ้น
9.ถอดแคทตาไลซ์เซอร์ที่ท่อไอเสียออก เพื่อให้ไอเสียระบายได้สะดวกขึ้น

---

ข้อ 8 นี่ป้ายแดงๆ จะเสียประกันหรือเปล่า
ข้อ 9 โลกจะร้อนหรือเปล่า

ของผมใช้เท่าที่จำเป็น เป็นมาใช้รถเมล์มากขึ้น

จอดรถไว้ใช้ของเพื่อนประหยัดที่สุด

สิ่งของที่ไม่จำเป็นเอาออกจากรถซะ เช่น เมียเอาออกซะ แล้วเอากิ๊กหน้าแฉล้มหุ่นเพียวลมน้ำหนักเบากว่านั่งแทน อิอิ

ของป๋าเด็ดมากครับ สิ่งของที่ไม่จำเป็นเอาออกจากรถซะ เช่น "ปิ๊ปๆ" (เซ็นเซอร์) 555


ผมไปอ่านกระทู้นี้ของคุณ เจ้าพายุ มาครับ ดีมากๆเลยครับ ขออนุญาติก๊อปมาอีกทีครับ


โดย ผู้จัดการออนไลน์ 8 มีนาคม 2551 12:55 น.

ปัจจุบันนี้ผู้ขับรถรุ่นใหม่ทั้งหลายนิยมขับรถแบบเกี ยร์อัตโนมัติเป็นส่วนใหญ่เนื่องด้วยความสะดวกและง่าย ในการควบคุมรถ แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยนิยมขับเกียร์ธรรมดาเพรา ะขับสนุกกว่าหลายเท่า แต่ทั้งนี้จะต้องเหยียบคลัทซ์ควบคู่ด้วยเสมอไม่ว่าจะ เป็นการเบารถ เหยียบเบรก เลี้ยวรถ แถมบางคนยังได้รับการบอกต่อๆกันมาว่าถ้ากลัวเครื่องย นต์ดับก็ให้เยียบคลัทซ์ไว้

ในการไปสอบใบขับขี่จากทางราชการก็เช่นเดียวกัน เจ้าหน้าที่จะไม่ดูพฤติกรรมการัขบรถของผู้เข้าทดสอบใ นเรื่องการใช้คลัทซ์เลย ความจริงแล้ว"คลัทซ์"นั้นคือมหันตภัยที่ก่อให้เกิดอุ บัติเหตุใหญ่หลวงหากผู้ขับใช้บ่อยอย่างพร่ำเพรื่อเกิ นไป การเหยียบคลัทซ์แล้วปล่อยให้รถวิ่งไปมีค่าเท่ากับปล่ อยเกียร์ว่างเช่นเดียวกับที่เรียกว่า "Coasting"ในการสอบใบขับขี่สำหรับประเทศที่มาตรฐานสู งอย่างประเทศอังกฤษจะให้ผู้ที่มีพฤติกรรมแบบนี้สอบตก ทันที

เกียร์ไปยังล้อรถยนต์ ขณะที่รถวิ่งและยังอยู่ในเกียร์แรงฉุดจากเครื่องยนต์ จะถ่ายทอดกำลังไปกดที่ล้อรถเพื่อช่วยให้ล้อเกาะติดถก ับพื้นถนน ดังนั้นในเมื่อขับรถอยู่หากผู้ขับไปเหยียบคลัทซ์เข้า ไม่ว่าจะเป็นจากความเคยชินหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์จะท ำให้แรงกดถนนจากเครื่องยนต์ถูกตัดขาดไป รถจะไม่เกาะถนน หากถนนลื่นหรือมีการหักเลี้ยวรถจะหมุนโดยทันทีโดยเฉพ าะกับผู้ที่เคยชินกับการเบรกพร้อมกับเหยียบคลัทซ์ไปด ้วยจะทำให้รถพุ่งไปข้างหน้าเร็วขึ้นเพราะแรงฉุดจากเค รื่องยนต์ได้ถูกตัดขาดไป การเบรกก็จะยากขึ้นอีกเท่าตัว

อุบัติเหตุทางรถยนต์ทุกวันนี้สาเหตุหนึ่งก็คือการใช้ คลัทซ์เกินความจำเป็นนั่นเอง อาทิ จะเบรกก็เหยียบคลัทซ์ รถขึ้นเขา-เลี้ยงคัลทซ์ สิ่งเหล่านี้เรียกนี้ว่า "Coasting" จึงมีข้อแนะนำให้ผู้ใช้รถลองเปลี่ยนอุปนิสัยการใช้คล ัทซ์ใหม่ อย่างเช่นลองเหยียบคลัทซ์ต่อเมื่อเปลี่ยนเกียร์หรือข ับช้าเพื่อเข้าที่แคบๆเท่านั้นเอง หรืออีกแบบขณะที่ขับรถมามีเหตุให้ต้องเบารถก็เพียงแค ่ยกคันเร่งรถก็จะเบาลง หากเมื่อยกคันเร่งแล้วความเร็วยังไม่ลดตามที่ต้องการ ก็ใช้เท้าขวาแตะเบรกเบาๆแต่ห้ามไปเหยียบคลัทซ์เป็นอั นขาด

หากจำเป็นจะต้องหยุดรถโดยทันทีให้เหยียบเบรกลงไปอย่า งแรงและไม่ต้องเหยียบคลัทซ์จนรถหยุดเกือบสนิทแล้วจึง เหยียบคลัทซ์พร้อมกับปลดเกียร์ว่าง ซึ่งการฝึกแบบนี้จะช่วยให้ควบคุมรถง่ายขึ้นไม่ปัดซ้า ยขวาถึงแม้ถนนลื่น อย่างไรก็ตามควรระวังเท้าซ้ายเพราะเป็นเท้าที่เหยียบ คลัทซ์เมื่อรถออกตัวเต็มที่ให้เอาเท้าซ้ายวางไว้ที่พ ื้น ไม่ต้องไปเหยียบคลัทซ์

พฤติกรรมแบบนี้ผู้ขับจะต้องฝึกบ่อยๆและสลัดของเก่าๆท ี่เคยชินออกไปเมื่อนั้นก็จะเป็นนักขับที่ถูกต้องลดอั นตรายลงไปมาก เห็นไหมครับว่าคลัทซ์นั้นมีทั้งประโยชน์และโทษเท่าๆก ัน เพียงแต่เราต้องใช้ให้ถูกวิธืเท่านั้นเอง.......

ข้อมูลจาก - ยางมิชลิน
__________________

-->> http://www.thaitritonclub.com/forum/...ead.php?t=2495

อ้างอิง:

---

โพสต้นฉบับโดยคุณ Alongkorn

จอดรถไว้ใช้ของเพื่อนประหยัดที่สุด

สิ่งของที่ไม่จำเป็นเอาออกจากรถซะ เช่น เมียเอาออกซะ แล้วเอากิ๊กหน้าแฉล้มหุ่นเพียวลมน้ำหนักเบากว่านั่งแทน อิอิ

---

แหะๆๆๆ....อันนี้ผมว่ากินตังค์มากกว่าเดิมอีกนะป๋า...คริกกกๆๆๆๆ....:i39:

อ้างอิง:

---

โพสต้นฉบับโดยคุณ Alongkorn

จอดรถไว้ใช้ของเพื่อนประหยัดที่สุด

สิ่งของที่ไม่จำเป็นเอาออกจากรถซะ เช่น เมียเอาออกซะ แล้วเอากิ๊กหน้าแฉล้มหุ่นเพียวลมน้ำหนักเบากว่านั่งแทน อิอิ

---

สุดยอดความคิดครับ..ขอหนับหนุนเพื่อการประหยัดครับผม

การขัยรถอย่างประหยัดมิวิธีง่ายๆดังนี้
เฉพาะเกียร์ธรรมดา
1. ออกตัวด้วยเกียร์ 1 เท่านั้นทั้งรถเปล่าและรถที่กำลังบรรทุกของ เพื่อช่วยให้เครื่องยนต์ออกกำลังในการขับเคลื่อนรถน้อยลง
2. ใช้ความเร็วให้เหมาะสมกับตำแหน่งเกียร์ ไม่ลากรอบเครื่องจนถึงขีดแดงแล้วค่อยเปลี่ยนเกียร์
3. กรณีเดินทางไกลให้ขับรถความเร็วสูง (110-120 km/h) กับความเร็วปานกลาง (90-100 กม/ชม.) สลับกันไป ไม่ควรใช้ความเร็วสูงตลอดระยะทาง เพราะจะทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็วและสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น
เท่านี้ก็ช่วยให้ท่านประหยัดน้ำมันได้แล้วครับ

ของผมมันปรกติเปล่าเนี้ยยยในเมือง 9โลต่อลิตรนอกเมือง10โลต่อลิตรขับเฉลี่ย90กม.ต่อชม.เกียร์ธรรมดา

อ้างอิง:

---

โพสต้นฉบับโดยคุณ rafa

ของผมมันปรกติเปล่าเนี้ยยยในเมือง 9โลต่อลิตรนอกเมือง10โลต่อลิตรขับเฉลี่ย90กม.ต่อชม.เกียร์ธรรมดา

---

เป็นประเภทสูบพิเศษแล้วมั้งครับ ผมออโต้ในเมือง10 นอกเมือง12-13 :kapook-17341-9479:

ตอนนี้ได้เปลี่ยนพฤติกรรมการขับรถใหม่ ปัจจุบันเป็นตัว 2.5 2Wd. 4Dr. M/T ยาง Maxxis 225x70 R15อัตราการกินน้ำมันสามารถทำได้ 17-18 กม./ลิตร
1. คงความเร็ว 80-90 ให้นิ่งที่สุด
2. ไม่เร่งความเร็ว หรือค่อยๆเร่ง
3. ไม่แซงโดยไม่จำเป็น
4. เปลี่ยนเกียรให้เหมาะสมกับความเร็วที่ 2,000 รอบ
5. ใช้เบรคและครัชให้น้อยที่สุด
6. อุปกรณ์ตกแต่งบางชิ้นควรเอาออกซะ เช่น แร็คหลังคา บันไดข้าง เตะแมลง กันชนหน้า เป็นต้น
7. ใช้ผ้าใบปิดกระบะ
8. ไปทางเดียวกันนั่งรถดีก่า หุหุ เช่น อาศัยนั่งรถเพื่อนตอนไปมิ้ตติ้ง ไปเที่ยว (อันนี้ทำประจำ คิคิ)
9. ไม่ควรใช้ยางรถใหญ่กว่ายางเดิมที่ติดมากับรถ
10. ระยะทางสั้นๆ 5-10 กม. ให้ใช้จักรยานแทนรถ
11. เช็คน้ำมันเครื่องอย่าให้เกินกว่าขีดบนสุดของก้านวัด (นมค.ขาดดีกว่าเกิน)
12. เปลี่ยนมาใช้แก็ส NGV หรือ LPG หรือใช้ไบโอดีเซล แทน
13. กำหนดน้ำหนักภรรเมียห้ามเกินกว่า 45 กก. หากเกินจะถูก Delete และเปลี่ยนคนใหม่ทันที
14. ขับจี้ท้ายรถคันหน้าอาศัยลมดูดตลอดการเดินทาง ถ้าทำได้รับรองประหยัดกว่าเดิมมากว่า 20% (ถ้าใจถึงพอ 555+)
15. ขายรถทิ้ง เลิกใช้เด็ดขาด เปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้า เรือพาย จักรยาน เดินแทนดีก่า หุหุ :i41:
16. หากทำไม่ได้ให้คิดเสียว่าได้ใช้ของดีราคาแพง

ผมมีเคล็ดไม่ลับที่ประหยัดเงินในกระเป๋าคุณได้ชัวร์ ง่ายๆคือให้ลดความเร็วในการขับลงมา จากเมื่อก่อนขับ 100ก็ลดลงมาเหลือ80 ยังไงก็ประหยัดเงินได้แน่

ผมทำมาทุกวิธีแล้วยังไงก็ได้ 12-14 กิโลลิตร

วิธีประหยัดที่ทุกๆคนได้กล่าวมาข้างต้นล้วนแล้วแต่เป็นวิธีที่ดีๆและถูกต้องกันทั้งนั้น แต่อาจจะลืมไปอีกข้อหนึงขอเสริมไว้ในที่นี้ นั้นก็คือภาระการแบกน้ำหนักของรถ ที่นี้ก็สำรวจในรถของทานดูว่ามีสิ่งของที่มีน้ำหนักและไม่จำเป็นอยู่ในรถหรือไม่ เรื่องนี้ก็สำคัญนะครับ

ไม่จำเป็น
ก็
จอด

nuk_black-triton ผมใช้วิธีแบบท่านเลย ครับ เคยใช้ วีออส แบบท่านด้วย แต่น้ำมัน ไม่เคยได้ 18 โล/ลิตร สักกะที อาจเพราะ ผมขับในเมือง ขับ ในเมืองก็เท่าๆกับ ไทรทัน ตัวนี้ที่ใช้ ครับ ตกประมาณ 12-13 กม./ลิตร ผมก็ ขับกดคันเร่งไม่เคยมิดสักที ไร่อยๆปล่อยให้ ระดับความเร็วค่อยๆขึ้น นะครับ