อ่านเจอในเว็ปคาร์ออดิโอเค้าบอกว่าชาจไฟได้100% 150แอมป์ในรอบเครื่องเดินเบา เลยอยากจะใส่ในไทรทรันครับแทนของเดิม มีใครใช้อยู่บ้างครับ มันปั่นไฟดีแต่มันจะปั่นลมเข้าหม้อลมเบรคพอหรือเปล่าครับ
Printable View
อ่านเจอในเว็ปคาร์ออดิโอเค้าบอกว่าชาจไฟได้100% 150แอมป์ในรอบเครื่องเดินเบา เลยอยากจะใส่ในไทรทรันครับแทนของเดิม มีใครใช้อยู่บ้างครับ มันปั่นไฟดีแต่มันจะปั่นลมเข้าหม้อลมเบรคพอหรือเปล่าครับ
เรื่องไฟไม่รู้ครับ รู้แต่ว่าในไทรทั่นและสตราด้าเรามันแยกปั้มลมอิสระจากไดส์ชาร์จแบบโบราณมานานแล้วครับ
แบบที่ป๋าว่าอ่ะครับ ผมเคยเจอใน tfr คันเก่าผม สายพานขาด เบรคไม่ทำงานครับ เกือบงานเข้ามาแล้วอ้างอิง:
โพสต้นฉบับโดยคุณ coppy42
น้าครับแล้วเอาลมมาจากไหนครับ อยากทราบไว้เป็นข้อมูล ไม่รู้เรื่องเลยผม ขับมาตั้งหลายปีและอ้างอิง:
โพสต้นฉบับโดยคุณ coppy42
ลมมาจากท่อไอดีเลยครับมีวาวล์กันกลับอยู่ที่ท่อลมเข้าหม้อเบรคครับอ้างอิง:
โพสต้นฉบับโดยคุณ toang
ถ้าอยากศึกษาก็ลองตามไล่สายลมจากหม้อลมเบรคกลับมาปั้มดูเล่นๆครับ เครื่องตัวดีเซลใช้ปั้มตัวนี้ที่ฝังมาจากหน้าเครื่อง ลมยังถูกเอาไปใช้หลายตำแหน่งทั้งยิงดูดสลักเพลาหน้าของตัวขับ4อ้างอิง:
โพสต้นฉบับโดยคุณ toang
ถ้าเครื่องเบนซิลก็แบบน้าเชษฐ์ว่ามาครับอ้างอิง:
โพสต้นฉบับโดยคุณ MUNIC
เอ้ามีตัวปั่นลมแยกมาเหรอนี่ นานละไม่ค่อยจะเห็นห้องเครื่อง ดีเซล ขอบคุณครับป๋า
อ้างอิง:
โพสต้นฉบับโดยคุณ decskong
อย่างน้าภาณุว่านั่นละครับน้าเชษฐ์ เครื่องสมัยก่อนอาศัยปั่นลมกันที่ตูดไดส์ชาร์จ เวลาลงลุยน้ำสายพานเปียกฟรีจบกัน ลมไม่เข้าหม้อไม่พอเบรคอ้างอิง:
โพสต้นฉบับโดยคุณ MUNIC
ฮ๊า.....รถป๋า..ไม่มีกระปอกน้ำมันครัทซ์..แล้วเปลี่ยนเกียร์ยังไงครับ..
อ้าวตายละครับน้ารงค์ โรงงานลืมใส่มาให้ผมได้ไงเนี่ย 555555อ้างอิง:
โพสต้นฉบับโดยคุณ รณรงค์
ฮาฮาฮาฮา....ก่อนนอนครับป๋า...ที่ป่วยหายดีแล้วยังครับ..คิดถึงมากมายครับ..อ้างอิง:
โพสต้นฉบับโดยคุณ coppy42
ขอบคุณครับ