รถยนต์: ว่าด้วยความสบาย การเป็นหนี้ และการลงทุน

ซื้อ รถมา ทำงาน หาเงิน กำไร=? หาบของขาย=? พ่อค้า ตลาดนัด ครองถม บอกมา 555555

ถูกทุกข้อ ทุกความเห็นครับ คิดแบบใหนก็ทำแบบนั้น ไม่มีมาตรฐาน ไม่มีกฏเกณฑ์
บ้างก็คิดว่ามีเงินซื้อสดเลยดีกว่า ก็ถูก
บ้างก็ว่าผ่อนเอาเงินที่เหลือไว้ลงทุนดีกว่า ก็ถูก
บ้างก็ว่าเงินไม่เยอะถ้ารอมีเงินพอแล้วค่อยซื้อคงอีกนานหรืออาจไม่มีโอกาสเลยงั้นผ่อนเลยดีกว่า ก็ถูก
บ้างก็ว่าเงินก็ไม่เยอะรายได้ก็น้อยซื้อมาทำไมให้เป็นภาระขึ้นรถโดยสารดีกว่า ก็ถูก
บ้างก็ว่ามีคันเดียวไม่พอใช้เอาอีกซักคันดีกว่า ก็ถูก
บ้างก็ว่า........... อีกหลายความคิดครับ ผมว่า ชอบแบบใหนก็ทำแบบนั้นอย่าให้เดือดร้อนคนอื่นพอ
ความคิดเราไม่ผิดหรอกครับ ความคิดคนอื่นก็ไม่ผิดเหมือนกัน

มาแอบดู มีประโยชน์

โฆษณาชิ้นนี้ไม่ได้บอกว่าไม่ให้เราซื้อรถน่ะครับ เพียงแต่บอกว่าการที่จะเอาเงินสดไปซื้อรถเป็นการลงทุนที่ผิด ควรจะซื้อผ่อนเพื่อที่ธนาคารเค้าจะได้รายได้(ดอกเบี้ย)..
ความคิดเห็นของผมกลับมองว่า การมีรถยนต์ใช้ ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น
1. รายได้ (สำคัญมากเลย)
2. ความจำเป็นในการเดินทาง (อาศัยอยู่ในเมืองหรือการเดินทางมีรถประจำทาง รถไฟฟ้า บ้านกับที่ทำงานอยู่ใกล้กัน ก็ไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์)
การจะซื้อรถเงินสดหรือเงินผ่อน ยังไงมันก็เงินเรา รายได้น้อย รายได้เยอะ (ขอแค่ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินใคร ก็พอ)
ถ้าเรามีกำลังทรัพย์ ที่จะซื้อสด จะดาว์น จะผ่อน และพอสำหรับรายจ่ายที่จะตามมา ทั้งค่าบำรุงรักษา ดอกเบี้ย ค่าน้ำมัน ประกัน ภาษี ฯลฯ ที่จะตามมา
และเหลือสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประวัน มีเงินเก็บ เงินออม มีรถยนต์แล้วไม่เดือดร้อนใคร ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วสำหรับการซื้อรถยนต์..

คิดมากปวดหัว คิดหาทางเอาตังมาส่งรถดีกว่า

ยังไงก็ซื้อมาแล้ว เอามาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด:113:

อ้างอิง:

---

โพสต้นฉบับโดยคุณ MEAW_SAN

เอาน่า ขำๆ แชร์กัน ผมชอบ ความคิดแปลกดีในอีกมุมมอง ซึ่งเป็นไปได้จริง เพียงแต่อีกมุมม มองที่น้าๆหลายท่านด้านบนกล่าว ไม่ได้ถูกกล่าวถึง มันก็อยู่ที่ความจำเป็นและไม่จำเป็นส่วนบุคคล เพื่อนผมคนนึงหน้าที่การงานฐานะดี(เรื่องจริงเลยนะ) แต่งงานมีครอบครัว ทำงานที่เดียวกันกับเมียเขาและผม เมื่อ 5 ปีก่อน เขาไม่มีรถยนต์ ไม่มีมอเตอไซด์ มีแค่จักรยานคันเดียว เขาก็ปั่นไปทำงานเช่าห้องหักเล็กๆใกล้บริษัท 4 ปีที่ผมรู้จักเขา ปั่นจักรยาน จนเมียท้องได้ลูก 1 คน ปัจจุบันโตแล้วเห็นรูปในเฟส และลาออกจากงานไปอยู่บ้านนอกแล้วทำงาน 4 ปีเก็บเงิน ซื้อ ควาย ให้ที่บ้านต่างจังหวัดเลี้ยงไว้ร่วม 20 กว่า ตัว คูนตัว ละ 20000 เข้าไปครับ ที่นาอีกหลายสิบไร่ แต่เขามีแค่จักรยานคันเดียว ส่วนผม เริ่มงานพร้อมๆเขา ผมมีมอไซ 1 เก๋ง 1 ขายแล้ว เอาไทรทันมา จนจะขายอีกแล้วไปดาวคันใหม่ แต่ผมไม่มีทรัพสินมากมายแบบเขาถ้าเทียบกันคงไม่ถึงครึ่ง นี่แค่ 4-5 ปีที่ผ่านมาเองนะครับ และมันเป็นเรื่องจริง ที่น้าๆอาจจะหวัเราะเยาะว่า เพื่อนผมคนนี้ปั่นจักรยานซ้อนเมียไปทำงานตั้งแต่ไม่รู้ตัวว่าท้อง จน ถึงวันที่ลาคลอดอะครับ
สังคมออนไลน์ มันมีทั้งบวกทั้งลบ เก็บแต่สิ่งที่ควรเก็บ จำแต่สิ่งที่ควรจำ ไม่ดี ไม่เวิคก็อย่าไปทำตามแค่เราพยายามค้นหาสิ่งดีๆที่คนทำเค้าพยายามสื่อให้ฟังเท่านั้นเอง จะได้มากได้น้อยก็อยู่ที่ตัวคุณเอง ครับ

---

ได้สติดีครับน้า +++

แบบนี้ก็เศรษฐกิจพอเพียงครับ น่านับถือครับ:Banane03:

อ้างอิง:

---

โพสต้นฉบับโดยคุณ MEAW_SAN

เอาน่า ขำๆ แชร์กัน ผมชอบ ความคิดแปลกดีในอีกมุมมอง ซึ่งเป็นไปได้จริง เพียงแต่อีกมุมม มองที่น้าๆหลายท่านด้านบนกล่าว ไม่ได้ถูกกล่าวถึง มันก็อยู่ที่ความจำเป็นและไม่จำเป็นส่วนบุคคล เพื่อนผมคนนึงหน้าที่การงานฐานะดี(เรื่องจริงเลยนะ) แต่งงานมีครอบครัว ทำงานที่เดียวกันกับเมียเขาและผม เมื่อ 5 ปีก่อน เขาไม่มีรถยนต์ ไม่มีมอเตอไซด์ มีแค่จักรยานคันเดียว เขาก็ปั่นไปทำงานเช่าห้องหักเล็กๆใกล้บริษัท 4 ปีที่ผมรู้จักเขา ปั่นจักรยาน จนเมียท้องได้ลูก 1 คน ปัจจุบันโตแล้วเห็นรูปในเฟส และลาออกจากงานไปอยู่บ้านนอกแล้วทำงาน 4 ปีเก็บเงิน ซื้อ ควาย ให้ที่บ้านต่างจังหวัดเลี้ยงไว้ร่วม 20 กว่า ตัว คูนตัว ละ 20000 เข้าไปครับ ที่นาอีกหลายสิบไร่ แต่เขามีแค่จักรยานคันเดียว ส่วนผม เริ่มงานพร้อมๆเขา ผมมีมอไซ 1 เก๋ง 1 ขายแล้ว เอาไทรทันมา จนจะขายอีกแล้วไปดาวคันใหม่ แต่ผมไม่มีทรัพสินมากมายแบบเขาถ้าเทียบกันคงไม่ถึงครึ่ง นี่แค่ 4-5 ปีที่ผ่านมาเองนะครับ และมันเป็นเรื่องจริง ที่น้าๆอาจจะหวัเราะเยาะว่า เพื่อนผมคนนี้ปั่นจักรยานซ้อนเมียไปทำงานตั้งแต่ไม่รู้ตัวว่าท้อง จน ถึงวันที่ลาคลอดอะครับ
สังคมออนไลน์ มันมีทั้งบวกทั้งลบ เก็บแต่สิ่งที่ควรเก็บ จำแต่สิ่งที่ควรจำ ไม่ดี ไม่เวิคก็อย่าไปทำตามแค่เราพยายามค้นหาสิ่งดีๆที่คนทำเค้าพยายามสื่อให้ฟังเท่านั้นเอง จะได้มากได้น้อยก็อยู่ที่ตัวคุณเอง ครับ

---

กระทืบไลทืพันครั้งครับน้า อยู่ที่ว่าความชอบ และความจำเป็นของแต่ล่ะคน มุมมองชีวิตต่างกัน ความจำเป็นและวิถีชีวิตต่างกัน แต่อย่างน้อย ก็สามารถเสนอมุมมองของตัวเอง เพื่อเสนอและแชร์สิ่งต่างให้กันและกัน เพื่อให้เพื่อนๆหลายๆคนที่จะตัดสินใจได้คิดและพิจารณาให้ลึกซึ้ง เผื่อมีบางประเด็นที่อาจมองข้ามไป จะได้เป็นแนวทางให้ใช้ชีวิตให้ประมาทน้อยที่สุด......ด้วยความเคารพครับ

อัดแน่นไปด้วยความรู้

อืมๆๆ ผมว่าหลักการกำเนินชิวิตแต่ละคนต่างกันอยู่แล้ว แต่ผมว่านะ ถ้าเราไม่เริ่มนับหนึ่ง ก้ไม่มีวันถึงร้อยนะคับ ผมว่าไคอยากทำไรก้ทำ แค่อคิดไห้มาก ก่อนตัดสินไจ แล้วยอมรับผลของมันดีกว่า [นี่ก้แค่ความคิดผมนะ ใคไม่เห็นด้วยก้ขออภัยคับ]