-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
Update: Nissan e-NV200
เตรียมเริ่มสายการผลิตในปี 2014
http://image.free.in.th/z/in/nissannv200evfedex01.jpg
FedEx Express และ นิสสัน ขยับขยายโปรแกรมทดสอบ NV200 EV prototype ที่เวลานี้ได้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า e-NV200 โดยคราวนี้จะข้ามฝั่งกลับมาทดสอบกันในแถบโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น ประมาณ 1 เดือน ซึ่งก่อนหน้านี้ นิสสัน ก็ทำการทดสอบ e-NV200 ร่วมกับ AEON Retail Co. ในแถบชิบะอยู่ก่อนหน้า
กำหนดการผลิตคร่าวๆ สำหรับรถเพื่อการพาณิชย์พลังไฟฟ้ารุ่นนี้ น่าจะมีขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคม 2014 ระบบขับเคลื่อนยังคงเป็นชุดเดิมของ Nissan Leaf และอาจได้รับการปรับปรุงบางส่วนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับกับการใช้งานอย่างต่อเนื่องในเชิงพาณิชย์
อย่างไรก็ตาม นิสสัน ยังไม่เผยข้อมูลสำคัญอย่างการจัดการกับน้ำหนักตัว + น้ำหนักบรรทุก ว่าต้องมีการเพิ่มขนาดความจุของแบตเตอรี่แพคให้ e-NV200 ตัวจริงหรือไม่
นอกจากนี้ นิสสัน ยังเตรียมลงทุนเพิ่มเติมอีกประมาณ 125 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อปรับปรุงสายการผลิตให้โรงงานในบาร์เซโลน่า ให้สามารถเปิดสายการผลิต e-NV200 ได้สะดวกขึ้นในอนาคต
http://image.free.in.th/z/iu/nissannv200evfedex02.jpg
Credit By : www.motortrivia.com
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
Toyota
ต่อสัญญา Cristiano Ronaldo เป็นพรีเซนเตอร์ Hilux Vigo Champ
http://image.free.in.th/z/in/ronaldo...iluxvigo02.jpg
มร. เคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ลงนามในสัญญาร่วมกับนักฟุตบอลระดับโลก คริสเตียโน โรนัลโด กัปตันทีมชาติโปรตุเกส และแชมป์การแข่งขันฟุตบอลลาลีก้าสเปนในทีม Real Madrid เพื่อเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาชุดใหม่ ให้กับรถกระบะยอดนิยมคุณภาพระดับโลก Toyota Hilux Vigo Champ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2555 ที่ ห้องลอนดอน โรงแรมพลาซาแอทธินี ถนนวิทยุ
นับเป็นความสำเร็จของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ในการนำพรีเซนเตอร์ระดับโลกอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด เข้ามาเสริมภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้กับ ไฮลักซ์ วีโก้ สำหรับการปรับปรุงโฉมครั้งใหญ่ พร้อมกับชื่อใหม่ ไฮลักซ์ วีโก้ แชมป์ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 ทำให้ประสบความสำเร็จ เป็นรถกระบะที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างแพร่หลาย ครองตำแหน่งแชมป์ยอดขายอย่างต่อเนื่องถึง 6 ปีซ้อน ด้วยยอดจำหน่าย 121,887 คัน ครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 37.2% ในปี 2554
มร. เคียวอิจิ ทานาดะ กล่าวว่า "ไฮลักซ์ วีโก้ แชมป์ เป็นรถกระบะที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูงในระดับสากล และประสบความสำเร็จครองตำแหน่งแชมป์ยอดขาย 6 ปีซ้อน สำหรับตลาดภายในประเทศ จึงนับว่าเป็นความเหมาะสมอย่างยิ่ง ที่ได้นักฟุตบอลระดับโลกอย่างคริสเตียโน โรนัลโด มาเป็นพรีเซนเตอร์ เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ของการเป็น 'รถกระบะคุณภาพระดับโลก' รวมทั้งภาพลักษณ์ของความคล่องแคล่ว เกาะถนน เช่นเดียวกับความสามารถในการเล่นฟุตบอลของคริสเตียโน โรนัลโด ที่ได้รับการยอมรับในระดับ World class
http://image.free.in.th/z/ij/ronaldo...iluxvigo03.jpg
เอื้อเฟื้อข้อมูลโดย www.motortrivia.com
สามารถอ่านข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
Lamina
ยอดขายโตเกินคาดในปีนี้ คาดส่วนแบ่งตลาดฟิล์มทดแทนทะลุ 35%
นางสาวจันทร์นภา สายสมร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์ และฟิล์มกรองแสงอาคาร ลามิน่า ฟิล์มกลุ่มพิเศษ ลูม่าร์ ผลิตโดยซีพีฟิล์มอิงค์ สหรัฐอเมริกา มาตรฐาน ISO 9001 รวมถึงอุปกรณ์บรรทุกสัมภาระ THULE จากสวีเดน เผยว่าภาพรวมตลาดฟิล์มกรองแสงทดแทนในปีนี้ มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น ตามการเติบโตของตลาดรถยนต์มือสอง
ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่า ตลาดรถยนต์มือสองที่ปกติแล้วมีขนาดของตลาดราว 3 เท่าของตลาดรถยนต์ใหม่นั้น ปีนี้ยังมีแนวโน้มที่สดใส จากผลกระทบการส่งมอบรถยนต์ใหม่ที่คาดว่าจะชะลอ หลังจากที่ผู้ผลิตรถยนต์ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติในช่วงปลายปี 2554 ที่ผ่านมา และถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับตลาดรถยนต์มือสอง ที่น่าจะเติบโตอย่างมากในปีนี้
การเติบโตของตลาดรถยนต์มือสอง จะทำให้ธุรกิจอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ได้รับอานิสงส์ที่ดีเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในกลุ่มฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ที่ผู้บริโภคมักนำรถยนต์มือสองที่ซื้อมา ทำการตกแต่งด้วยการติดฟิล์มกรองแสงใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ผู้บริโภคกลุ่มนี้มีความต้องการสินค้าคุณภาพดี ที่มีมาตรฐานและได้รับการรับรอง ทำให้ ลามิน่า เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคกลุ่มนี้
"เราเชื่อว่ากลุ่มลูกค้ารถยนต์มือสอง มีความต้องการสินค้าที่มีคุณภาพเช่นเดียวกับลูกค้ารถยนต์ใหม่ ซึ่งลามิน่ามีสินค้าที่หลากหลาย ให้กับลูกค้าทุกกลุ่มเลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสม ทำให้เราเป็นตัวแทนจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน และได้รับรางวัลยืนยันความสำเร็จมาอย่างมากมาย"
การเติบโตของตลาดรถยนต์มือสองในปีนี้ จะทำให้สัดส่วนฟิล์มกรองแสงทดแทน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนฟิล์มของผู้ใช้รถนั้น ปรับเพิ่มมากขึ้นเป็น 35% ของยอดจำหน่ายของ ลามิน่า จากปกติที่อยู่ที่ระดับ 30% ซึ่งเป็นการเติบโตตามการคาดการณ์การขยายตัวของตลาดรถยนต์มือสอง และตลาดฟิล์มกรองแสงในประเทศไทย
http://image.free.in.th/z/ij/laminas...port201201.jpg
Credit By : www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/Aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
Honda Jazz Hybrid
... ไฮบริดรุ่นแรกในรถคลาสซับคอมแพคท์
ฮอนด้า ประเทศไทย เปิดตัว Honda Jazz เวอร์ชั่นไฮบริด ซึ่งนับเป็นรถไฮบริดรุ่นแรกในกลุ่มรถคลาส ซับคอมแพคท์ ในประเทศไทย ทำตลาดภายใต้คอนเซปท์ 'เรียบ' และ 'ล้ำสมัย' กระจังหน้า ไฟหน้า และไฟท้าย ออกแบบใหม่ จุดเด่นอยู่ที่เทคโนโลยีอัจฉริยะ Eco Assist ระบบช่วยการขับขี่แบบประหยัด พร้อมมาตรวัดแสดงผลการขับขี่แบบประหยัด ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 768,000 บาท
คุณพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "แจ๊ซ ไฮบริด ที่เปิดตัวในประเทศไทยวันนี้ นับเป็นหนึ่งในนวัตกรรมของฮอนด้าที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริด ผสานการทำงานร่วมกับเครื่องยนต์อัจฉริยะ i-VTEC ขนาด 1.3 ลิตร ทำให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และถือเป็นยนตรกรรมไฮบริดในรถซับคอมแพคท์รุ่นแรก และรุ่นเดียวที่มีจำหน่ายในประเทศไทยในปัจจุบัน"
"ฮอนด้าเชื่อมั่นว่า แจ๊ซ ไฮบริด จะได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากลูกค้าชาวไทย ที่กำลังมองหารถยนต์ไฮบริดที่มีความลงตัวสำหรับการใช้งาน เปี่ยมด้วยสมรรถนะ ขับสนุก ควบคุมได้ดั่งใจ ประหยัดน้ำมัน ใช้งานได้หลากหลาย มีพื้นที่ห้องโดยสารใหญ่กว่ารถในระดับเดียวกัน และประการสำคัญ ยังเป็นรถไฮบริดที่ทุกคนก็สามารถเป็นเจ้าของได้
Credit By : www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/Aeroklasthailand
http://image.free.in.th/z/il/hondajazzhybrid06.jpg
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
แอร์โรคลาสสยายปีกบุกตลาดโลก
นายภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ตะวันออกโปลิเมอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ประดับยนต์ที่ผลิตจากพลาสติกภายใต้แบรนด์ "แอร์โรคลาส" เปิดเผย ถึงแผนการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทในปีนี้ว่า บริษัทมีแผนงานที่จะขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศให้มากขึ้น โดยมุ่งเน้นการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีการเติบโต ค่อนข้างสูง
โดยปีนี้ได้เตรียมงบประมาณสำหรับการลงทุนไว้ที่มูลค่า 400-500 ล้านบาท แบ่งเป็นการเข้าไปลงทุนตั้งโรงงานผลิตไลเนอร์ หรือพื้นปูกระบะที่ประเทศตุรกี ให้กับค่าย "ฟอร์ด" ซึ่งจะลงทุนมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท แบ่งเป็นเฟส 1 มูลค่ากว่า 150 ล้านบาท และในเฟสที่ 2 อีกมูลค่า 200 ล้านบาท โดยในช่วงแรกของการลงทุนนั้น บริษัทจะเข้าไปเช่าโรงงาน เพื่อผลิตและประกอบไลเนอร์ก่อน โดยคาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 6-7 ล้านยูโร หรือประมาณ 200 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าการเติบโตในปี 2556 ไว้อีก 10% และการลงทุน เพื่อขยายโรงงานที่มีอยู่เดิมในส่วนของประเทศจีน, อินเดีย และอเมริกา
http://image.free.in.th/z/ir/turkey_...ags_110412.jpg
ส่วนการลงทุนในประเทศนั้น บริษัทจะมีการขยายการลงทุนในส่วนของการผลิต พ่นพลาสติก สำหรับปูบ่อ ขนาดกว้าง 7 เมตรด้วย สำหรับผลประกอบการของปี 2554 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ 7-8% หรือจากเดิมที่ 11,000 ล้านบาท โดยทำได้ที่ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจรถยนต์ 2,500 ล้านบาท, ธุรกิจฉนวนกันความร้อน 3,200 ล้านบาท รายได้จากบริษัทร่วมทุน 3,200 ล้านบาท, ธุรกิจชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์เครื่องถ่ายเอกสาร 500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ
สาเหตุที่ทำให้รายได้ของกลุ่มบริษัทต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ มีสาเหตุหลักมาจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทย เมื่อช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจรถยนต์ และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ต้องหยุดชะงัก หลังจากในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี ภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มสดใส
ส่วนปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นที่ 10-15% เนื่องจากบริษัทมั่นใจว่า อุตสาหกรรมยานยนต์จะมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง หลังจากปีที่ผ่านมายังมีความต้องการค่อนข้างสูง แต่ไม่มีสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยปีนี้คาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะมีการผลิตรถยนต์อยู่ในระดับ 1.8-2 ล้านคัน และยังมีความต้องการ หรือดีมานด์จากปี 2554 ที่หายไปอีกเกือบ 200,000-300,000 คันด้วย ทำให้เชื่อว่าความต้องการใช้รถยนต์ของปีนี้จะมีความต้องการค่อนข้างสูง
ขณะที่ปัจจัยที่ยังต้องจับตาเป็นพิเศษ คือ เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในยุโรปที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ขณะที่อเมริกาเริ่มฟื้น ส่วนประเทศไทยเองเชื่อว่า หากการเมืองมีเสถียรภาพ ทุกอย่างน่าจะขับเคลื่อนไปได้ดี "ปีนี้จะเป็นปีที่ดีของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ซึ่งเราเองก็จะเกาะกลุ่มและโตตามอุตสาหกรรมยานยนต์ จะเห็นได้ว่าเราลงทุนที่ตุรกีเพื่อรองรับฟอร์ด หรืออย่างในจีนเอง เราก็มีการลงทุนต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองลูกค้าหลัก อย่างจีเอ็มและโฟล์ก รวมทั้งรถยนต์แบรนด์ของเมืองจีนอีกหลายยี่ห้อ ส่วนประเทศไทยเชื่อว่า ตัวพื้นปูกระบะและฝาปิดท้ายจะเป็นตัวทำตลาดได้ดีเช่นเดียวกัน" นายภวัฒน์กล่าว (ฉบับประจำวันที่ 19-22 ม.ค.55)
Credit By :www.prachachat.net
http://image.free.in.th/z/iy/gmain.jpg
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
http://image.free.in.th/z/ib/volvo.jpg
Volvo S40
เปิดโปรโมชั่น ปลอดดาวน์ ปลอดดอก ปลอดภัย
Volvo S40 ซีดานขนาดกลางยอดนิยม อัดโปรโมชั่นแรง บุกตลาดไตรมาส 3 'ปลอดเงินดาวน์ ปลอดดอกเบี้ย' แต่ยังคงปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐาน วอลโว่ ที่ได้รับการยกย่องและยอมรับทั่วโลก เปิดให้ลูกค้าเป็นเจ้าของ S40 ได้ง่ายๆ เพียงแวะมาชมและตัดสินใจเป็นเจ้าของ พร้อมรับรถได้ทันที ที่ผู้แทนจำหน่าย วอลโว่ ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ถึง 28 กันยายน 2555 นี้เท่านั้น
วอลโว่ S40 เป็นซีดานหรูขนาดกระทัดรัด ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์หรู เรียบ ทันสมัย สไตล์สแกนดิเนเวียน เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร พร้อมระบบเกียร์เพาเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด ที่ให้ความเร็วต่อเนื่องในทุกรอบเครื่อง ให้พลังแรงแต่ประหยัดเชื้อเพลิง มาพร้อมระบบความปลอดภัยระดับโลกตามมาตรฐาน วอลโว่ อาทิ ระบบกล้องและสัญญาณเตือนมุมอับสายตา - Blind Spot Information System: BLIS, ระบบปกป้องจากการบาดเจ็บจากการสะบัดของศีรษะ - Whiplash protection system : WHIPS และระบบการกระจายแรงกระแทกจากการชนด้านข้าง Side Impact Protection System : SIPS
Credit By : www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.aeroklasthailand.com
-
ตอบ: Re: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
Mazda ยอดขายเดือน 7 ทะลุ 7 พันคัน มาสด้า เผยตัวเลขยอดขายเดือนกรกฎาคม ผ่าน 7,000 คันเป็นครั้งแรก Mazda2 ยอดขายสูงสุด 3,340 คัน ส่วน BT-50 PRO เกือบ 3,000 คัน มร. โชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แม้ว่าตลาดจะเข้าสู่ช่วงของโลว์ซีซั่น แต่ มาสด้า ยังได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยอดจำหน่ายเฉพาะเดือนกรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมา Mazda2 ทั้ง 4 และ 5 ประตู รวม 3,340 คัน เพิ่มขึ้น 52% Mazda3 763 คัน เพิ่มขึ้น 14% และ Mazda BT-50 PRO เติบโตสูงสุด 273% ยอดขาย 2,959 คัน เดือนกรกฎาคมถือเป็นเดือนที่ มาสด้า ทำลายทุกสถิติของตัวเองด้วยตัวเลขยอดขายสูงสุดถึง 7,065 คัน สูงสุดในประวัติศาสตร์การขายรถของ มาสด้า ในประเทศไทย และมีอัตราการเติบโต 93% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะที่ยอดขายรถยนต์รวมของประเทศไทยในเดือนกรกฎาคมเพิ่มสูงขึ้นถึง 130,766 คัน มาสด้า สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดในปีนี้ 5.4% แบ่งเป็น Mazda2 11% ในตลาดบีคาร์ Mazda BT-50 PRO 5.7% จากยอดรวมของตลาดปิกอัพ 52,085 คัน และ Mazda3 6.1% จากยอดขายรวมของตลาดซีคาร์ 12,561 คัน "การที่เราสามารถทำสถิติยอดขายเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากระดับ 3,000 คัน มาจนถึง 7,000 คัน ในปีนี้ แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ของมาสด้า นอกจากการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดแล้ว การบริการหลังขายเป็นสิ่งสำคัญที่มาสด้ายึดมั่นมาโดยตลอด เราให้ความสำคัญอย่างมากกับการขยายเครือข่ายของศูนย์บริการทั่วประเทศ รวมทั้งคุณภาพของการบริการที่ต้องเป็นเลิศ และเหนือกว่าความคาดหวังของลูกค้า" http://image.free.in.th/z/il/mazdasa...2012july01.jpg Credit By : www.motortrivia.com สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
2013 Lexus LS
4 รุ่นใหม่ตระกูล LS พร้อมไฮไลท์จากแผนก Lexus F
http://image.free.in.th/z/ic/2013lexusls01.jpg
เลกซัส เปิดตัวรถธงตระกูล LS รุ่นปี 2013 ซึ่งเป็นการปรับปรุงจาก LS ตัวถังซีรี่ส์ XF40 ที่ใช้งานมาตั้งแต่ช่วงปี 2006 ประกอบไปด้วย Lexus LS 460, LS 460L, LS 600hL hybrid และถือเป็นครั้งแรกกับการเปิดตัวรุ่นแรงของแผนก Lexus F ในไลน์ LS ด้วยรุ่นไฮไลท์ Lexus LS 460 F Sport
LS 460 และ LS 460L จะมีทางเลือกระบบขับเคลื่อนให้ทั้งแบบ RWD และ AWD ส่วน LS 600hL hybrid จะมากับระบบขับเคลื่อน AWD แบบฟูล-ไทม์ และแน่นอนว่าทุกรุ่นมากับเอกลักษณ์ใหม่อย่างกระจังหน้าทรงบิดเกลียว spindle grill ที่เริ่มใช้ในต้นแบบ GS และถือเป็นตัวแทนยุคใหม่ของ เลกซัส ฝีมือของ มร.คัทสึฮิโกะ อินาโทมิ หัวหน้าทีมออกแบบ GS ที่มีจุดกำเนิดมาจากการปั้นแบบด้วยดินเหนียวเล่นๆ ในสตูดิโอที่ Toyota City
LS 460 F Sport ซึ่งเป็นรุ่นไฮไลท์ มีรูปลักษณ์ที่ดุดันกว่า 460 รุ่นพื้นฐาน ภายในตกแต่งด้วยเบาะสปอร์ต พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อมแพดเดิลชิฟท์ ช่วงล่างปรับระดับด้วยถุงลม หรือ Air Suspension จูนแบบสปอร์ต ลดความสูงลงได้ 0.4 นิ้ว รุ่นขับเคลื่อนล้อหลังมีลิมิเต็ดสลิป แบบ Torsen ให้ใช้งาน พร้อมทั้งเพิ่มความมั่นใจในการหยุดรถด้วยชุดเบรค Brembo คาลิเปอร์ 6 สูบ เสริมเท่ด้วยล้อขนาด 19 นิ้ว ขึ้นรูปแบบฟอร์จ
http://image.free.in.th/z/ig/2013lexusls02.jpg
Credit By : www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
http://image.free.in.th/z/iv/2012minidieseldsd04.jpg
INI Diesel D/SD
400 กิโลเมตร กับมินิดีเซล
ทิ้งช่วงหลัง การเปิดตัว ประมาณ 1 เดือน ม
ินิ ก็จัดการทดสอบ มินิ ดีเซล แบบกรุ๊ปเทสต์ในระหว่างวันที่ 16-17 สิงหาคมที่ผ่านมา มีรถให้ทดลองขับทั้งหมด 7 คัน แบ่งเป็น คูเปอร์ D 2 คัน SD 1 คัน, คูเป้ ซึ่งมีเฉพาะรุ่น SD 1 คัน, คันทรีแมน D 1 คัน และ SD 2 คันแต่ละคันนั่ง 2 คนเพื่อสลับกันขับ มีวิทยุสื่อสารและจีพีเอสประจำรถ
นัดหมายกันที่ All Season Place ถนนวิทยุในช่วงเช้าโดยได้รับเกียรติจาก คุณจตุพล พุทธวิบูลย์ ผู้จัดการทั่วไป มินิ ประเทศไทยก ล่าวต้อนรับ แต่ไม่ได้เดินทางไปด้วยเนื่องจากติดภาระกิจ และ คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ป ประเทศไทย บรรยายสรุปและร่วมเดินทางไปด้วย
ช่วงแรกของการเดินทางเป็นการวัดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง มีจุดบันทึกข้อมูล2 จุด คือ ปั๊ม ปตท. กบินทร์บุรี และ โรงแรมคันทารี ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดการทดสอบอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและทานอาหารกลางวัน ช่วงแรกนี้ไม่ต้องขับเป็นขบวนและไม่มีรถนำ ทุกคันต้องบริหารเวลาเอง เพื่อให้ถึงโรงแรมคันทารีก่อนเที่ยง ระยะทางประมาณ 175 กิโลเมตร กับเวลากว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง ใช้ทางด่วนเป็นหลักจึงไม่น่ามีปัญหาไปไม่ทัน ถ้าไม่ขับช้าเกินไปหรือหลงทาง
คูเปอร์ D เกินพอกับการใช้งานทั่วไป
เปอร์ D แม้แรงม้าจะดูน้อยไปนิด โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรุ่น คูเปอร์ เครื่องยนต์เบนซิน 1,600 ซีซี ไม่มีระบบอัดอากาศ ที่ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แต่ก็ชดเชยด้วยแรงบิดสูงในรอบต่ำ เหนือว่ารุ่นเบนซินที่มีเพียง 16.3 กก.-ม. ที่ 4,250 รอบต่อนาที ถ้าดูจากสเปคจะพบว่าระหว่าง คูเปอร์ D และ คูเปอร์ เบนซิน มีอัตราเร่งและความเร็วปลายที่ไม่ต่างกันนัก แต่ในการใช้งานจริง เครื่องยนต์ดีเซลที่มีแรงบิดสูงกว่า ที่รอบเครื่องยนต์ต่ำกว่า และเป็นแบบ Flat Torque ทำให้การขับใช้งานทั่วไปมีความยืดหยุ่นสูง การเพิ่มความเร็วไม่จำเป็นต้องกดคันเร่งมิดเพื่อคิ๊กดาวน์หรือลากรอบ แค่เพิ่มน้ำหนักเท้าขวาลงไปก็จะได้อัตราเร่งที่ทันใจ โดยไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ
ข้อได้เปรียบสำคัญของเครื่องยนต์ดีเซลคือ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำกว่าเครื่องยนต์เบนซินในระดับสมรรถนะเดียวกัน โดยเฉพาะการขับเดินทางไกล เครื่องยนต์ดีเซลจะประหยัดกว่าเบนซินอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ค่าเชื้อเพลิงก็ยังถูกกว่าอีกด้วย ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตรต่างกันมาก และเมื่อใช้น้ำมันเชื้อเพลิงน้อยกว่า การปล่อยมลพิษจึงน้อยกว่าด้วย โดยมีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดอ๊อคไซด์ 135 กรัมต่อกิโลเมตร (คูเปอร์ เบนซิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร)
Credit By : www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
http://image.free.in.th/z/ie/2012minidieseldsd02.jpg
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
Honda City CNG
ซีเอ็นจี จากโรงงานรุ่นแรกของฮอนด้า
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว Honda City CNG รถซีเอ็นจีจากโรงงานรุ่นแรกของ ฮอนด้า มาตรฐานใหม่ของชีวิตฉลาดเลือก กับความคุ้มค่าด้วยเครื่องยนต์ i-VTEC 1.5 ลิตร รองรับทั้งระบบน้ำมันเชื้อเพลิง และระบบก๊าซ CNG พร้อมระบบการจ่ายก๊าซแบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ และระบบกันสะเทือนที่ได้รับการออกแบบโดยเฉพาะ มั่นใจกับระบบความปลอดภัยด้วยกล่องควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ และคานเสริมความแข็งแกร่ง เพิ่มเสถียรภาพในการทรงตัว
ฮอนด้า ซิตี้ ซีเอ็นจี ได้รับการประกอบสำเร็จจากโรงงาน เพื่อให้มั่นใจในมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาตรฐาน Euro4 รับประกันคุณภาพสูงสุด 3 ปีหรือ 100,000 กม. พร้อมรับสิทธิประโยชน์คืนภาษีรถยนต์คันแรกสูงสุด 100,000 บาท ราคาเริ่มต้น 659,000 - 706,000 บาท พร้อมจำหน่ายแล้วที่โชว์รูม ฮอนด้า ทั่วประเทศ
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า "จากความมุ่งมั่นในการคิดค้นยนตรกรรมพลังงานสะอาด และการใช้พลังงานทางเลือก เพื่อตอบสนองนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม Blue Skies for Our Children ซึ่งฮอนด้าทั่วโลกต่างมุ่งมั่นในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลง 30% (เมื่อเทียบกับปี 2543) ในทุกผลิตภัณฑ์ให้ได้ภายในปี 2563 สอดคล้องกับปัญหาด้านราคาพลังงานเชื้อเพลิงที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา"
"ฮอนด้าตระหนักถึงภาระค่าใช้จ่ายของผู้ใช้รถ ควบคู่กับการคำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัย จึงได้นำฮอนด้า ซิตี้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของฮอนด้า เข้ามาเติมเต็มไลฟ์สไตล์ และความต้องการของลูกค้าชาวไทย ที่กำลังมองหารถยนต์พลังงานทางเลือก ให้สมรรถนะสูง ให้การประหยัดอย่างคุ้มค่า มาพัฒนาต่อยอดให้สามารถรองรับระบบก๊าซ CNG อย่างปลอดภัย ควบคู่ไปกับการรักษาจุดเด่นของรถซิตี้ไว้อย่างครบถ้วน ทั้งรูปลักษณ์ พื้นที่จัดเก็บสัมภาระที่คงความกว้างขวาง ความแข็งแกร่งและสมรรถนะที่เป็นเยี่ยม นับเป็นรถยนต์รุ่นแรกในกลุ่มรถยนต์ซับคอมแพคท์ ขนาดเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ที่สามารถใช้ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซ CNG เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่ให้ความคุ้มค่าสูงสุด นอกจากนี้ ซิตี้ ซีเอ็นจี ยังเป็นรถยนต์ที่ได้รับสิทธิคืนภาษีรถยนต์คันแรกสูงสุด 100,000 บาท"
ฮอนด้า ซิตี้ ซีเอ็นจี มากับเครื่องยนต์ i-VTEC 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 102 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 12.9 กก.-ม. ที่ 4,800 รอบต่อนาที รองรับพลังงาน 2 ระบบ ทั้งน้ำมันและก๊าซ CNG ได้มาตรฐานมลพิษระดับ Euro 4 ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การเลือกใช้พลังงานสะดวก และง่ายดาย เพียงปรับเปลี่ยนสวิตช์เลือกใช้ชนิดเชื้อเพลิง จะมีไฟแสดงสถานะการใช้เชื้อเพลิง และไฟแสดงปริมาณก๊าซ ควบคุมการทำงานด้วยกล่องควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (ECU) ประมวลผลอย่างแม่นยำในการจ่ายก๊าซอย่างเหมาะสม และตัดการจ่ายก๊าซในกรณีฉุกเฉิน
ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์คุณภาพสูง และท่อนำก๊าซแรงดันสูง ผลิตจากสแตนเลสที่มีความทนทาน และอุปกรณ์ลดแรงดันก๊าซ ทำหน้าที่ปรับลดแรงดันก๊าซให้เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด การติดตั้งหัวรับเชื้อเพลิง CNG ใกล้จุดเติมน้ำมัน พร้อมลิ้นป้องกันการไหลย้อนกลับของก๊าซ ถังก๊าซความจุ 65 ลิตร พร้อมแผงกั้นแบ่งพื้นที่ติดตั้งถังก๊าซ และห้องสัมภาระด้านท้าย เพื่อความสวยงาม และป้องกันการกระแทกบริเวณห้องสัมภาระด้านท้าย
Credit By : www.motortrivia.com
รับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
http://image.free.in.th/z/ik/2012hondacitycng01.jpg
http://image.free.in.th/z/id/2012hondacitycng02.jpg
http://image.free.in.th/z/if/2012hondacitycng03.jpg
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
Chevrolet
เพิ่มรถ 3 รุ่น เตรียมเปิดตัวในปารีส
หลังการเปิดตัว Trax เอสยูวีขนาดเล็กเป็น
ครั้งแรกของโลก เชฟโรเลต เตรียมบุกต่อเนื่องในปารีส มอเตอร์โชว์ 29 กันยายน - 14 ตุลาคมที่จะถึงนี้ ด้วยการเตรียมเปิดตัวรถใหม่ 3 รุ่น ประกอบด้วยรุ่นปรับโฉมของ Spark รวมทั้งการเพิ่มเครื่องยนต์ใหม่ให้เอ็มพีวีรุ่น Orlando และซีดาน Malibu
Spark ปรับโฉมในส่วนของกระจังหน้า Dual-Port และกันชนหน้า รวมทั้งการปรับชุดกรอบไฟหน้าและสปอตไลต์ ล้อแม็กลายใหม่ขนาด 14 และ 15 นิ้ว สปอยเลอร์หลังติดตั้งไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ภายในปรับการตกแต่งและปรับคอนโซลกลางใหม่โดยเพิ่มที่เก็บของ ในยุโรปจะทำตลาดด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1,000 ซีซี 68 แรงม้า และ 1,200 ซีซี 82 แรงม้า จิบน้ำมันเฉลี่ย 20 กิโลเมตรต่อลิตร และปล่อยคาร์บอนไดอ๊อคไซด์ 118 กรัมต่อกิโลเมตร
เอ็มพีวี Malibu เพิ่มรุ่นเบนซินเทอร์โบ 1,400 ซีซี 140 แรงม้า (PS) แรงบิด 20.38 กก.-ม. ทำตลาดควบคู่กับเครื่องยนต์ 4 สูบเดิม ทั้งเบนซิน 1,800 ซีซี และดีเซล 2,000 ซีซี มาพร้อมฟังก์ชั่น Start/Stop และเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 16.12 กิโลเมตรต่อลิตรในรุ่นดีเซล เพิ่มพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า Electric Power Steering (EPS) และฟังก์ชั่น Start/Stop ซึ่ง เชฟโรเลต ระบุว่าช่วยประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น 11 เปอร์เซ็นต์
ส่วนออฟชั่นเสริมของ Orlando จะมีกล้องมองหลัง และเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับเอนราบได้ ปิดท้ายด้วย Malibu เพิ่มเครื่องยนต์ใหม่ดีเซล 2,000 ซีซี 160 แรงม้า (PS) ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 35.66 กก.-ม. ที่ 1,750 รอบต่อนาที
Credit By : www.motortrivia.com
http://image.free.in.th/z/iq/chevrol...aris201201.jpg
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
Chevrolet Cruze 2.0 LTZ
เครื่องยนต์ใหม่ในบอดี้เดิม
เชฟโรเลต แสดงความมุ่งมั่นในการทำตลาดรถไซส์คอมแพกต์เครื่องยนต์ดีเซล ด้วยการเปลี่ยนเค
รื่องยนต์ใหม่ให้ Cruze รุ่นสูงสุด 2.0 LTZ เป็นบล็อกเดียวกับ แคปติวา ไมเนอร์เชนจ์ ดีเซล ฝาสูบแบบ DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบแปรผัน 163 แรงม้า สมรรถนะ และอัตราสิ้นเปลืองจะเป็นอย่างไร และเมื่อถูกจำกัดด้วยเงื่อนไขของราคา จะสามารถจัดการกับจุดด้อยของเครื่องยนต์ดีเซลได้ดีแค่ไหน ทีมงาน มอเตอร์ทริเวีย มีคำตอบ
รูปลักษณ์ไม่เปลี่ยนแปลง
baภายนอกยังคงเหมือนรุ่นเครื่องยนต์เดิมทุกประการ เป็นสปอร์ตซีดานที่เน้นความเฉียบคมของเหลี่ยมสันและเส้นสาย ด้านหน้าโชว์เอกลักษณ์กระจัง Dual Port พื้นกระจังลายรังผึ้งสปอร์ต ประกบด้วยโคมไฟหน้าทรงเหลี่ยมเฉียงให้ความรู้สึกดุดัน ด้านล่างมีสปอตไลต์ทรงกลม ฝากระโปรงหน้ายกสันและออกแบบขอบให้มีความหนาช่วยให้ดูแข็งแกร่ง
ด้านข้างดูปราดเปรียวด้วยเส้นคาดเหนือที่เปิดประตูจรดไฟท้าย รับกับเส้นโค้งบริเวณซุ้มล้อหน้า กระจกมองข้างทรงเพรียว ไฟเลี้ยวแยกไปติดตั้งบนตัวถัง ทะมัดทะแมงด้วยล้อแม็กลาย 5 ก้านขนาด 7x17 นิ้ว พร้อมยาง 225/50 R17
ชุดไฟท้ายทรงพริ้วโคมไฟภายในทรงกลม โดยส่วนที่ติดตั้งบนฝากระโปรงหลังเป็นไฟตัดหมอก ลองเปิดตอนกลางวันเพื่อถ่ายรูปยังรู้สึกว่าแยงตา จึงควรเปิดในสถานการณ์ที่เหมาะสม เชื่อมต่อชุดไฟท้ายด้วยคิ้วโครเมียมเหนือช่องใส่ป้ายทะเบียน กันชนท้ายดูเรียบไปนิดโดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับกันชนหน้า
มิติตัวถังมีความยาว 4,600 มิลลิเมตร กว้าง 1,790 มิลลิเมตร สูง 1,475 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,685 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,545/1,560 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,455 กิโลกรัม
เครื่องยนต์ใหม่ไฮไลต์ของรุ่น
เครื่องยนต์เดิมของ ครูซ ดีเซลรุ่นก่อน เป็นแบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว 1,991 ซีซี 150 แรงม้า แรงบิด 32.7 กก.-ม. ส่วนในรุ่นปัจจุบันใช้ฝาสูบแบบ DOHC 16 วาล์ว 1,998 ซีซี แรงดันในการส่งเชื้อเพลิง 1,800 บาร์ แต่งพอร์ตไอดีเพิ่มประสิทธิภาพการนำอากาศเข้าเครื่องยนต์ ปรับเพลาถ่วงสมดุลเพื่อลดเสียงและความสั่นสะเทือน มีกำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 36.7 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบต่อนาที ผ่านมาตรฐานยูโร 4 ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ Driver Shift Control พร้อมโหมด +/-
การทำงานของเครื่องยนต์ลื่นไหลและราบเรียบ ใกล้เคียงรถยุโรปราคาแพง อัตราเร่งมาแบบนุ่มนวลและต่อเนื่องตั้งแต่รอบต่ำ จึงช่วยให้ขับง่าย ไม่จำเป็นต้องลากรอบสูงก็มีแรงบิดเกินพอที่จะสร้างความกระฉับกระเฉง ส่งผลให้มีความคล่องตัวขณะใช้งานในเมือง ส่วนการขับทางไกลด้วยความเร็วตามกฎหมายประมาณ 110 - 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะใช้รอบระหว่าง 1,700 - 1,900 รอบต่อนาที จึงให้ความประหยัด และมีการสึกหรอต่ำ หรือถ้านึกสนุกแค่เร่งไปที่ 2,200 รอบต่อนาที ก็จะได้ความเร็วตามชุดมาตรวัดที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Credit By : www.motortrivia.com
สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : www.facebook.com/Aeroklasthailand
http://image.free.in.th/z/is/chevrol...998ccltz02.jpg
http://image.free.in.th/z/il/chevrol...998ccltz03.jpg
http://image.free.in.th/z/iw/chevrol...998ccltz05.jpg
http://image.free.in.th/z/iv/chevrol...998ccltz06.jpg
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
2013 Ford Fiesta
เวอร์ชั่นยุโรปทั้ง 3 และ 5 ประตู ปรับโฉม เพิ่มเทคโนโลยี
http://image.free.in.th/z/id/2011fordfiesta1.jpg
ฟอร์ด ปรับโฉมให้ซับคอมแพคท์รุ่นเด่นเจนเนอเรชั่นที่ 6 ของค่าย ทั้งตัวถัง 3 และ 5 ประตู ด้วยกระจังหน้าใหม่ลายขวาง มองดูคล้ายสไตล์ของ Aston Martin ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับที่ใช้ใน Ford Fusion/Modeo รุ่นใหม่ หรือ Ford Focus Electric โดยการเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในงาน 2012 Paris Motor Show ปลายเดือนกันยายนนี้ หลังจากนั้นจะตีตราจำหน่ายเป็นรุ่นปี 2013
นอกจากกระจังหน้าใหม่แล้ว Fiesta 2013 ยังได้รับการปรับเปลี่ยนฝากระโปรงหน้าใหม่ ติดตั้งไฟ LED day time ใหม่ โดยรวมเข้าไปอยู่ในชุดโคมไฟหน้า ส่วนไฟท้ายก็ได้รับการเปลี่ยนลวดลายเพื่อให้ได้ความรู้สึกสดใหม่รอบคันด้วย
ในส่วนเทคโนโลยีเพิ่มเติม Fiesta 2013 จะติดตั้งแพคเกจระบบ Ford SYNC, ระบบช่วยหยุดรถที่ความเร็วต่ำ Active City Stop และระบบรักษาความปลอดภัย MyKey ที่อนุญาตให้ผู้ปกครองสามารถตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดของรถไว้ที่ 128 กม./ชม. จำกัดระดับความดังของวิทยุ และเปิดระบบเสียงเตือนให้คาดเข็มขัดนิรภัยใน 5 นาทีแรกหลังจากสตาร์ท โดยทุกๆ 1 นาที จะหยุดเสียงเพลง หรือวิทยุอัตโนมัติ และมีเสียงเตือน 6 วินาที
Credit By : www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิมเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Re: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
BMW 760iL
รุ่นพิเศษฉลอง 25 ปี เครื่องยนต์ V12
http://image.free.in.th/z/ii/bmwv1225yearsedition01.jpg
ในปี 1987 บีเอ็มดับเบิลยู เริ่มต้นก้าวสำคัญอีกครั้งด้วยการเปิดตัวเครื่องยนต์ V12 เป็นครั้งแรก ประเดิมด้วยรถรุ่น 750iL รหัสตัวถัง E32 จากนั้นไม่นานก็ตามมาด้วยรุ่น 850i ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เครื่องยนต์รุ่นนี้ใช้ร่วมกับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะในรถบ้านไม่ใช่รถแข่ง โดยเครื่องยนต์บล็อกนี้มีความจุ 5,000 ซีซี ไม่มีระบบอัดอากาศ กำลังสูงสุด 300 แรงม้า (PS) ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 45.85 กก.-ม. ที่ 4,100 รอบต่อนาที
http://image.free.in.th/z/iz/bmwv1225yearsedition02.jpg
ในโอกาสครบรอบ 25 ปีของเครื่องยนต์ V12 บีเอ็มดับเบิลยู จึงผลิตรถรุ่นพิเศษเพื่อเฉลิมฉลอง โดยเลือกรถซาลูนสุดหรูอย่าง ซีรีส์ 7 ในรุ่น 760iL V-12 25 Years Edition ต้องสั่งเป็นพิเศษพร้อมส่งมอบต้นปี 2013 ราคาในสหรัฐอเมริกาประมาณ 4.9 ล้านบาท มีเพียง 15 คันเท่านั้น ภายนอกพ่นสีพิเศษ Citrine Black เมทัลลิก พร้อมล้อแม็ก 20 นิ้ว ภายในตกแต่งด้วยหนังแท้เนื้อละเอียดและพรมปูพื้น กาบบันได หมอนรองศีรษะ และปุ่ม iDrive เพิ่มโลโก้ V-12 25 Years Edition
เครื่องยนต์เป็นแบบ V12 ทวินเทอร์โบ 6,000 ซีซี 535 แรงม้า แรงบิด 75.9 กก.-ม. เร่ง 0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 4.5 วินาที ท๊อปสปีดจำกัดไว้ที่ 209 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และถ้าติดตั้ง M Sport Package จะปลดล็อกเพิ่มเป็น 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Credit By: www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : www.facebook.com/aeroklasthailand
http://image.free.in.th/z/ia/bmwv1225yearsedition03.jpg
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ข่าวประจำวันที่ 14 กันยายน 2555
Mitsubishi Mirage
ยอดขาย มิ.ย.-สค. ขยับขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งอีโค คาร์ 5 เดือนกวาดยอดจองกว่า 36,000 คัน
http://image.free.in.th/z/iq/mitsubi...ttojapan01.jpg
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ส่ง Mitsubishi Mirage ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งกลุ่มรถอีโค คาร์ ประจำเดือนมิถุนายน ถึงสิงหาคมที่ผ่านมา ยอดจองรวม 5 เดือนสูงกว่า 36,000 คัน เร่งเพิ่มกำลังการผลิตรองรับตลาดโต ในขณะที่ยอดขาย มิตซูบิชิ รวมทุกรุ่นเดือนสิงหาคมทะลุ 1 หมื่นคัน ต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม
มร. โนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เผยถึงกระแสการตอบรับ Mitsubishi Mirage ว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างดี โดยในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา ได้ขยับมาเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มรถยนต์อีโค คาร์ ด้วยยอดขายเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 4,000 คัน และมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ประมาณ 30% ในขณะที่ยอดจองรวม ณ ปัจจุบัน มีมากกว่า 36,000 คัน ซึ่งสามารถส่งมอบให้กับลูกค้าแล้วประมาณ 13,000 คัน
"นับตั้งแต่เปิดตัวในเมืองไทยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ยอดขายมิตซูบิชิ มิราจใหม่ ก็เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันเราสามารถพูดได้ว่า มิราจ ใหม่ คือรถยนต์อีโค คาร์ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากลูกค้า เห็นได้จากการมีตัวเลขยอดขายสูงสุดในกลุ่มรถยนต์อีโค คาร์ ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยลูกค้าส่วนใหญ่พึงพอใจในความสะดวกสบาย การประหยัดน้ำมัน ความคุ้มค่า และความคล่องตัวในการขับขี่ของมิราจใหม่ ประกอบกับปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายรถคันแรกของรัฐบาล ซึ่งลูกค้าจะได้รับได้สิทธ์คืนภาษีรถยนต์คันแรกสูงสุดถึง 77,000 บาท ตลอดจนการจัดกิจกรรมโรดโชว์ ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้าและผู้ที่สนใจ สามารถสอบถามและทดสอบสมรรถนะ รวมทั้งเป็นเจ้าของมิราจ ได้ง่ายขึ้น"
"ทั้งนี้ในปัจจุบัน บริษัทฯ สามารถผลิตรถมิตซูบิชิ มิราจ สำหรับตลาดประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 4,000 คันต่อเดือน ทำให้ลูกค้าต้องรอรับรถประมาณ 4 เดือน สำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ในขณะที่รุ่นเกียร์ธรรมดาจะได้รับรถเร็วกว่านั้น ซึ่งเรากำลังพยายามจะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นเป็น 5,000 - 6,000 คัน เพื่อรองรับกับยอดขายที่เติบโตขึ้นดังกล่าวแล้ว"
"ในส่วนของการประกาศ เซอร์วิส แคมเปญ สำหรับรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ จำนวน 10,300 คัน หลังตรวจพบเกจ์วัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิงในรถบางคัน แสดงผลปริมาณน้ำมันคงเหลือคลาดเคลื่อนนั้น ตอนนี้เรากำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้กับลูกค้า ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการเรียบร้อยได้ในเวลาอันใกล้นี้ ทั้งนี้ภายหลังจากการประกาศเซอร์วิสแคมเปญดังกล่าวไป ปรากฎว่าผลตอบรับกลับเป็นที่น่าพอใจ โดยลูกค้าพึงพอใจในการแสดงความรับผิดชอบ และการดำเนินการแก้ไขของบริษัทฯ และไม่ได้มีผลกระทบกับกิจกรรมการขาย หรือยอดจองแต่อย่างใด ซึ่งผมต้องถือโอกาสนี้ขอบคุณลูกค้าชาวไทยทุกท่าน ที่ยังคงไว้วางใจ และเชื่อมั่นในคุณภาพของรถยนต์ของมิตซูบิชิ รวมทั้งเห็นถึงความตั้งใจจริงของเราในการนำเสนอรถยนต์ที่มีคุณภาพต่อผู้บริโภค"
"สำหรับกระแสการตอบรับมิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งบริษัทฯ ได้เริ่มส่งออกไปตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเปิดรับจองรถรุ่นดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน ที่ผ่านมา ก่อนจะเปิดขายอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม โดย ณ วันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมานั้น ปรากฎว่ามียอดจองสูงทั้งสิ้น 9,270 คัน และยอดขาย 1,792 คัน นับเป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงการได้รับการยอมรับในคุณภาพของมิตซูบิชิ มิราจ ที่ผลิตขึ้นจากฐานการผลิตในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี"
http://image.free.in.th/z/is/mitsubi...ttojapan02.jpg
ทั้งนี้ มร. มูราฮาชิ ยังได้กล่าวเสริมถึงยอดขายรถยนต์ มิตซูบิชิ ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาว่า มิตซูบิชิ มียอดขายรวมอยู่ที่ 11,653 คัน เติบโตขึ้น 77.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา และถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่า 10,000 คัน ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่ง ซึ่งได้แก่ Mitsubishi Mirage, Mitsubishi Lancer และ Mitsubishi Lacer EX มียอดขายรวมอยู่ที่ 4,131 คัน หรือเพิ่มขึ้น 580.6% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการแนะนำรถยนต์อีโค คาร์ Mirage ใหม่ในปีนี้
ทั้งนี้หากพิจารณาจากสัดส่วนการขายรถยนต์ของบริษัทฯ จะเห็นได้ว่า Mirage มีสัดส่วนการขายที่สูงถึง 33.46 % จึงถือเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลัก ที่ช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์รวมของ มิตซูบิชิ ได้เป็นอย่างดี ในขณะที่รถกระบะ Mitsubishi Triton มียอดขายอยู่ที่ 4,895 คัน หรือเพิ่มขึ้น 17.4% จากปีก่อน โดยปัจจุบันยอดจำหน่าย Triton ได้เพิ่มขึ้นจากเดือนละ 4,000 คันมาเป็น 5,000 คัน และในปีนี้ ทางบริษัทฯ ยังได้ตั้งเป้าจะเพิ่มยอดจำหน่ายของ Triton ขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของกลุ่มรถยนต์พีพีวี คือ Mitsubishi Pajero Sport นั้น มียอดขายอยู่ที่ 2,627 คัน หรือเพิ่มขึ้น 45.6% จากปีก่อน สะท้อนความต้องการในตลาดที่ยังคงสูงอยู่อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งล่าสุดบริษัทฯ ได้เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคด้วยการแนะนำ Pajero Sport เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร 6 สูบ MIVEC กับพละกำลังสูงสุด 219 แรงม้า สำหรับลูกค้าที่ชอบรถยนต์ที่มาพร้อมสมรรถนะ และความสะดวกสบายครบครัน
Credit By : www.motortrivia.com
และสามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Re: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ข่าวสารช่วงบ่าย วันที่ 14/9/2555
Aeroklas เข้าร่วมงาน Automechanika 2012, Frankfurt, Germany
http://image.free.in.th/z/if/automechanika2012.jpg
บริษัท แอร์โรคลาส จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ประดับยนต์มาตราฐานระดับโลกแบรนด์ Aeroklas (แอร์โรคลาส) ได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าอันดับหนึ่งทางด้าน ชิ้นส่วนยานยนต์ ผู้ผลิตรถยนต์ อุปกรณ์เสริม อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ และธุรกิจซ่อมบำรุงในงาน "Automechanika 2012" ณ เมือง แฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่วันที่ 11-16 กันยายน 2555 ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีผู้ประกอบการณ์อุตสาหกรรมยายนต์เข้าร่วมงานมากกว่า 4000 รายจาก 76 ประเทศ และจะมีผู้เข้าชมงานแฟร์ มากกว่า 150,000 คนจากกว่า 180 ประเทศ สำหรับสินค้าไฮไลท์ที่ บริษัท แอร์โรคลาส จำกัด ได้จัดแสดงภายในงานได้แก่ ฝาครอบกระบะแอร์โรคลาส (Aeroklas Deck Cover) หลังคากระบะแอร์โรคลาส (Aeroklas Canopy) พื้นปูกระบะแอร์โรคลาส (Aeroklas Bed Liner) และยังมีสินค้าอืนๆจากทางบริษัทอีกมากมาย มาร่วมจัดแสดงเช่นกัน
http://image.free.in.th/z/io/90photo.jpg
http://image.free.in.th/z/ik/65photo1.jpg
http://image.free.in.th/z/ir/46photo2.jpg
http://image.free.in.th/z/iw/2photo32.jpg
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 17 กันยายน 2555
Honda
เปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร
http://image.free.in.th/z/iq/hondane...selidtec01.jpg
หลังแนะนำเครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ 1,600 ซีซี ดีเซลเทอร์
โบ ในเจนีวา มอเตอร์โชว์ ล่าสุด ฮอนด้า พร้อมเปิดตัวอีกหนึ่งเครื่องยนต์บล็อกเล็กเพื่อใช้ใน ซีวิค แฮทช์แบ็ก โดยเป็นแบบ 1,600 ซีซี i-DTEC ซึ่งเป็นเครื่องยนต์รุ่นแรกของโครงการ Honda's Earth Dreams Technology ในยุโรป มีกำลังสูงสุด 120 แรงม้า (PS) ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 30.57 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบต่อนาที เมื่อวางในซีวิค จะมีอัตราสิ้นเปลือง 27.77 กิโลเมตรต่อลิตร ปล่อยคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ในไอเสีย 94 กรัมต่อกิโลเมตร (ในรุ่นล้อ 16 นิ้ว)
นอกจากการโชว์เครื่องยนต์ใหม่แล้ว ในปารีส มอเตอร์โชว์ ฮอนด้า ยังเตรียมนำรถมาจัดแสดงอีกหลายรุ่น เช่น รุ่นปรับโฉมของ CR-Z รวมทั้งต้นแบบพลังไฟฟ้า EV-Ster
Credit By : www.motortrivia.com
และสามารถรับชมข่าวสารอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ข่าวสารช่วงบ่ายวันที่ 18 กันยายน 2555 http://image.free.in.th/z/ie/landroveremporium01.jpg Land Rover ยกขบวนรถหรูกลับมาอวดโฉมอีกครั้ง ณ ดิ เอ็มโพเรี่ยม 19 - 25 กันยายน 2555 แลนด์โรเวอร์ ยกขบวนรถหรูมาเอาใจผู้ที่ชื่นชอบรถ SUV อีกครั้ง หลังได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม โดยเตรียมจัดแสดงยานยนต์ระดับลักชูรี่ สมรรถนะเหนือชั้น ที่การันตีด้วยรางวัลระดับโลกอย่างมากมาย ระหว่างวันที่ 19 - 25 กันยายน 2555 บริเวณชั้น G ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม นำทัพโดย Range Rover Evoque รถโฟร์วีลสุดฮอตที่คว้ารางวัลทั้งประเภทยานยนต์และงานดีไซน์มาแล้วกว่า 100 รางวัลทั่วโลก รวมถึง Range Rover Sport ยานยนต์เหนือระดับที่ได้รับการยกย่องในฐานะแบรนด์ 'รถโฟร์วีลที่ดีที่สุด' ซึ่งมาพร้อมกับข้อเสนอพิเศษสุดอีกครั้ง สำหรับลูกค้าที่สั่งจองรถยนต์ แลนด์โรเวอร์ ภายในงานเท่านั้น สิทธิประโยชน์สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ แลนด์โรเวอร์ ในงานนี้ ได้แก่ บริการซ่อมบำรุงฟรีนาน 3 ปี, บริการรถยกฉุกเฉิน 3 ปี, รับประกันตัวรถ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี พร้อมรับของขวัญพรีเมี่ยมล้ำค่า ปากกา ปาร์คเกอร์ รุ่น แลนด์โรเวอร์ และไวน์ชั้นเลิศ พิเศษเพื่อลูกค้าของยานยนต์อเนกประสงค์ชั้นหรูระดับโลกโดยเฉพาะ วิศรุต โลจนานนท์ ผู้จัดการทั่วไป บริการหลังการขาย บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด กล่าวว่า "บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์แลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการเพียงรายเดียวในประเทศไทย เตรียมนำ เรนจ์โรเวอร์ อีโวค และ เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต กลับมาให้ผู้ชื่นชอบสัมผัสอย่างใกล้ชิดอีกครั้ง หลังกระแสตอบรับดีเยี่ยมจากการจัดงานครั้งล่าสุดในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีทั้งกลุ่มลูกค้าเก่าและใหม่เข้ามาสอบถามข้อมูลอย่างมากมาย โดยครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีอีกครั้งหนึ่ง ในการนำเสนอรถยนต์ระดับลักชูรี่จากแลนด์โรเวอร์ ที่กวาดรางวัลและคำชื่นชมจากสถาบันยานยนต์มากมายทั่วโลก ให้แก่ผู้บริโภคชาวไทยให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น" หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อโชว์รูมและศูนย์บริการ แลนด์โรเวอร์ ถนนวิทยุ โทรศัพท์ 02-651-4545 หรือดูข้อมูลรถยนต์ แลนด์โรเวอร์ และ เรนจ์โรเวอร์ ได้ที่เว็บไซต์ www.landroverthailand.com • Credit By: www.motortrivia.com สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ข่าวสารช่วงบ่ายวันที่ 19 กันยายน 2555
http://image.free.in.th/z/ii/2012hondacrv04.jpg
Honda CR-V ใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 4
CR-V ใหม่ ออกแบบภายใต้แนวคิด Premium Smart SUV เน้นความลงตัวทั้งในด้านความห...รูหรา ความแข็งแกร่งในแบบรถ SUV และให้ความสะดวกสบายแบบเดียวกับรถซีดาน โดยให้ความสำคัญทั้ง 4 องค์ประกอบหลัก คือ รูปลักษณ์ภายนอก, การออกแบบภายใน, เทคโนโลยีล้ำสมัย และ ระบบความปลอดภัย
ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ดีไซน์ใหม่ กันชนหน้าแบบ 3 ชั้นพร้อมคิ้วโครเมียม ผสานเส้นสายบนกันชนให้มีความต่อเนื่องและลื่นไหล ออกแบบโดยคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์เป็นหลัก ไฟตัดหมอกวงรีแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ (ยกเว้นรุ่น 2.0S) ไฟท้ายและไฟเบรกแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ วางเป็นแนวตั้งขนานกับแนวเสาหลังคา
http://image.free.in.th/z/in/scrv2.jpg
การออกแบบภายใน
ห้องโดยสารของ CR-V ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิดให้เป็นรถ SUV ที่ผู้ขับเหมือนนั่งอยู่ในรถซีดาน โดยมีห้องโดยสารที่ใหญ่ที่สุด ให้ความสะดวกในการใช้งานมากที่สุด ไฮไลท์คือหน้าจอแสดงผลข้อมูลแบบอัจฉริยะ i-MID ระบบช่วยการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน Eco Assist และโหมดการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน ECON Mode ส่วนระบบนำทางจะมีติดตั้งเฉพาะรุ่น 2.4EL 2WD และ 2.4EL
เบาะนั่งด้านหลังพับจังหวะเดียว หรือ One Motion Seat ออกแบบให้พนักพิงหลังของเบาะนั่งด้านหลัง สามารถพับด้วยคันโยกที่ติดตั้งอยู่ใกล้กับฝากระโปรงท้ายเพียงจังหวะเดียว หรือดึงสายที่ติดตั้งอยู่ที่ด้านข้างของเบาะนั่งด้านหลัง ก็จะสามารถพับพนักพิงหลัง ซึ่งแยกด้านเป็นแบบ 60:40 ให้พับเก็บลงโดยอัตโนมัติ และพับลงมาเกือบแบนราบ เป็นระนาบเดียวกับพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายของรถ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการบรรทุกสัมภาระ และง่ายต่อการใช้งาน
http://image.free.in.th/z/io/kcrv3.jpg
2 ทางเลือกเครื่องยนต์ใหม่
CR-V ใหม่ มากับ 2 ทางเลือกเครื่องยนต์ บล็อคแรกคือ 4 สูบ 16 วาล์ว แบบ SOHC i-VTEC ความจุ 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 155 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 19.4 กก.-ม. ที่ 4,300 รอบ/นาที ระบบขับเคลื่อนมีให้ทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ บล๊อคถัดมาคือ 4 สูบ 16 วาล์ว แบบ DOHC i-VTEC ความจุ 2.4 ลิตร กำลังสูงสุด 170 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 22.4 กก.-ม. ที่ 4,300 รอบ/นาที ซึ่งมีระบบขับเคลื่อนให้เลือกทั้งแบบ 2 ล้อและ 4 ล้อ เช่นกัน
ทั้ง 2 รุ่น ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ทำงานร่วมกับระบบควบคุมการเปิด - ปิดลิ้นปีกผีเสื้อแบบอิเลคทรอนิคส์ DBW ในการควบคุมการถ่ายทอดกำลังระหว่างเกียร์ในตำแหน่งต่างๆ ให้มีความต่อเนื่อ งและนุ่มนวล ระบบ Grade Logic Control ช่วยควบคุมการทำงานของเกียร์ ทำหน้าที่ในการรักษาตำแหน่งเกียร์ที่เหมาะสมที่สุดในระหว่างการขับขี่บนเขาหรือทางชัน เพื่อลดการเปลี่ยนเกียร์โดยไม่จำเป็น
http://image.free.in.th/z/ie/5crv4.jpg
เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย
CR-V ติดตั้งระบบช่วยควบคุมการบังคับพวงมาลัย หรือ MA-EPS: Motion Adaptive EPS) ทำงานร่วมกับระบบควบคุมการทรงตัว VSA และระบบผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า ช่วยให้ผู้ขับสามารถบังคับเลี้ยวได้อย่างแม่นยำในขณะที่เข้าโค้ง หรือขณะที่ขับบนเส้นทางที่เปียกลื่น
CR-V ทุกคันมีอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยติดตั้งเป็นมาตรฐาน เช่น ระบบควบคุมการทรงตัว VSA ระบบป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบช่วยออกตัวเมื่ออยู่บนทางลาดชัน Hill Start Assist ซึ่งนับเป็นระบบใหม่ใน CR-V ป้องกันไม่ให้รถไหลขณะที่ถอนเท้าออกจากแป้นเบรคเพื่อกดคันเร่ง เวลาที่จอดติดอยู่บนทางลาดชัน นอกจากนี้ยังมีถุงลมป้องกันการกระแทกด้านข้างสำหรับเบาะคู่หน้า พร้อมระบบตรวจสอบตำแหน่งท่านั่งของผู้โดยสารด้านหน้า หรือ OPDS: Occupant Position Detection System ด้วย
Credit By: www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 20 กันยายน 2555
เบนซ์อมรรัชดา
ฉลอง 47 ปี อัดแคมเปญ - แจก Vespa ฝีมือ 'โลเล'
http://image.free.in.th/z/iz/benzamornvespa01.jpg
เบนซ์อมรรัชดา จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 47 ปี อัดแคมเปญ ดาวน์น้อย - ผ่อนนาน - ดอกเบี้ยถูก หรือรับเงินสดคืนหนึ่งแสนบาท ให้ลูกค้าตัดสินใจง่ายขึ้น แถมการรับประกันอะไหล่ 43 รายการฟรีหนึ่งปี รวมค่าแรง และไฮไลน์ของงานคือ Vespa Lx 125 ie Limited Edition ลายกราฟฟิคบนตัวรถจากฝีมือของศิลปิน - นักวาดภาพประกอบ โลเล - ทวีศักดิ์ ศรีทองดี เมื่อซื้อรถเบนซ์ภายในงาน มีสิทธิลุ้นเป็นเจ้าของ Vespa หนึ่งเดียวในโลกทันที
นางสาววรรณภา ตั้งบรรยงค์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบนซ์อมรรัชดา กรุ๊ป เผยว่า "จากธุรกิจขายรถมือสองเล็กๆ ภายใต้ชื่อ ห้างหุ้นส่วนจำกัด อมรบริการ จนก่อเกิดเป็นธุรกิจเต็มตัวในทุกวันนี้ เบนซ์อมรรัชดาต้องใช้ความพยายามในขับเคลื่อน ความภักดี ความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า จนทำให้กิจการของบริษัทเติบโต แตกหน่อธุรกิจ และกลายเป็นผู้นำตลาดรถเบนซ์มือสองในไทย ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบแทนลูกค้า บริษัทเบนซ์อมรรัชดาจึงจัดงานครบรอบ 47 ปี เบนซ์อมรรัชดา ระหว่างวันที่ 20 - 30 กันยายน ศกนี้"
"สำหรับแคมเปญที่บริษัทฯ เตรียมไว้ให้กับลูกค้าในวาระพิเศษนี้ มีทั้งการนำเบนซ์มือสองกว่า 50 คัน ที่ผ่านการคัดเลือกทั้งในแง่คุณภาพ และประสิทธิภาพการใช้งานอย่างดี มานำเสนอในราคาที่ลูกค้าสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ไม่ยากนัก อาทิ C 200 CGI ปี 2012 ราคา 2.29 ล้านบาท, E300 ปี 2010 ราคา 3.25 ล้านบาท, E250 CGI Estate 11 เดือน 3.75 ล้านบาท, E250 AMG Coupe ปี 2011 ราคา 3.49 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายภายในงานไว้ 20 คัน"
http://image.free.in.th/z/ix/benzamornvespa02.jpg
"ปัจจุบัน ตลาดรถมือสองยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรถเบนซ์ของบริษัทฯ ทั้งนี้เนื่องจากเรื่องของราคา ยังคงเป็นปัจจัยหลักของการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ดังนั้นบริษัทจึงเน้นเรื่องของราคาเป็นหลัก เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อหาและเป็นเจ้าของเบนซ์ทีมีสภาพดีได้ง่ายขึ้น"
"นอกจากนี้ ลูกค้าที่ซื้อภายในงาน จะได้รับการประกันอะไหล่ 43 รายการ เป็นเวลาหนึ่งปี รวมถึงการรับประกันค่าแรงฟรีตลอดอายุการใช้งาน ขณะเดียวกันยังจัดเตรียมโปรโมชั่นพิเศษสุดมากมาย เช่น จอง 100,000 บาท เลือกรับดอกเบี้ย 1.99% ผ่อนนาน 36 เดือน โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันกับ กรุงศรีฯ ออโต้ หรือเลือกรับเงินสดคืน 100,000 บาท แถมยังยืนหยัดการรับประกันอะไหล่ฟรีทุกชิ้น 3 เดือน หรือ 1,000 กิโลเมตร"
"เราให้ความสำคัญกับคุณภาพของรถ และการบริการ เรามีการดูแลลูกค้าด้วยการจัดกิจกรรมเพื่อให้ลูกค้าเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นสอนการออกกำลังกายอย่างถูกวิธี, นวดเพื่อสุขภาพ และฟังธรรมมะทุกเสาร์แรกของเดือน รวมถึงร่วมใจบริจาคโลหิตทุก 3 เดือน ซึ่งกิจกรรมอย่างหลัง ในวันงานจะมีการฉลองการบริจาคโลหิตที่ได้รับจากผู้ใจบุญ 1,700,400 ยูนิต"
http://image.free.in.th/z/iz/benzamornvespa03.jpg
สำหรับยอดขายในปีนี้ เบนซ์อมรรัชดา ตั้งเป้าเอาไว้ที่ 360 คัน หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 580 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายได้ 185 คัน
งานฉลองครบรอบ 47 ปี จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 - 30 กันยายน 2555 วันจันทร์ - เสาร์ เวลา 9.00 - 18.00 น. และเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 10.00 - 17.00 น. ณ ที่ทำการสำนักงานใหญ่ ถนนรัชดาภิเษก สำหรับการจับรางวัลผู้โชคดี Vespa Limited Edition จะมีขึ้นในวันที่ 3 ตุลาคม 2555 เวลา 14.00 - 15.00 น.
Credit By: www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 21 กันยายน 2555
http://image.free.in.th/z/im/2012lexuslfccconcept01.jpg
2012 Lexus LF-CC Concept
ต้นแบบคูเป้ 2+2 รุ่นใหม่เตรียมเยือนปารีสฯ
เลกซัส เตรียมเปิดตัวต้นแบบรุ่นใหม่ LF-CC ใน 2012 ปารีส มอเตอร์โชว์ โดยมากับขนาดตัวในคลาสของรถคูเป้ขนาดกลาง 2+2 ที่นั่ง รูปลักษณ์คลี่คลายมาจากต้นแบบรุ่นก่อนหน้า LF-LC ที่ใช้การดีไซน์เฉพาะตัวของ เลกซัส หรือ L-finesse design language เช่นเดียวกัน ทว่าเทียบกันแล้ว LF-CC ดูมีชีวิตชีวา ใกล้เคียงความเป็นโปรดัคชั่นคาร์มากกว่า
จุดเด่นยังคงเป็นกระจังหน้าแบบเกลียวหมุน หรือ spindle grille ซึ่งคราวนี้ให้ภาพลักษณ์ที่ดุดันกว่า LF-LC อย่างมาก มองดูแล้วราวกับเป็น LF-LC ที่สวมชุดแต่งสปอร์ตจากโรงงาน เอกลักษณ์อย่างไฟ LED โปรเจคเตอร์ 3 ดวงยังคงมีอยู่เช่นเดิม แต่ถูกจับมาวางเรียงเป็นแนวในชุดโคม โดยมีแนวไฟ day time แยกส่วนออกมาอยู่เหนือกันชน ซึ่งจุดนี้ เลกซัส ให้ข้อมูลว่าเป็นการออกแบบที่สดใหม่ที่สุด
สำหรับเครื่องยนต์ เลกซัส ระบุว่าชุดขับเคลื่อนพลังไฮบริดชุดนี้ เป็นชุดที่จะถูกใช้งานกับรถรุ่นอื่นๆ ในอนาคต โดยเป็นการจับคู่ระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร DOHC พร้อมเทคโนโลยีหัวฉีดไดเรคอินเจคชั่น D-4S กับมอเตอร์ไฟฟ้าแรงสูงแบบแม่เหล็กถาวร ระบายความร้อนด้วยน้ำ
อย่างไรก็ตาม แม้จะแลดูเป็นสปอร์ตพลังแรง แต่ เลกซัส ก็ยังให้คำมั่นว่าชุดระบบขับเคลื่อนไฮบริดชุดนี้ ไม่ได้มีให้เฉพาะกำลังอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีความประหยัดตามสไตล์รถไฮบริดด้วย
Credit By : www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ข่าวสารช่วงบ่ายวันที่ 24 กันยายน 2555
http://image.free.in.th/z/it/fordfiesta15ecodrive01.jpg
Ford Fiesta 1.5
พิสูจน์ความประหยัดน้ำมัน ได้ผลทดสอบ 23.14 กม./ลิตร
Ford Fiesta ประสบความสำเร็จอีกครั้งในการพิสูจน์ความเป็นผู้นำด้านการประหยัดน้ำมันในประเทศไทย โดย Fiesta รุ่นสปอร์ตแบบ 4 ประตู เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เกียร์อัตโนมัติพาวเวอร์ชิฟท์ 6 จังหวะ ใช้น้ำมันสุดประหยัดที่ 23.14 กิโลเมตร/ลิตร บนเส้นทาง 1,050 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ - สกลนคร ด้วยการเติมน้ำมันเพียงถังเดียว
การทดสอบประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันของ Ford Fiesta รุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ในประเทศไทย นับเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของ ฟอร์ด ในการนำเสนอรถยนต์ที่มีอัตราการประหยัดน้ำมันอย่างเหนือชั้นในทุกเซ็กเม้นต์ ที่บริษัทแข่งขันในตลาด
ในการทดสอบครั้งนี้ ฟอร์ด เชิญผู้สื่อข่าวที่ได้รับการยอมรับจำนวน 12 ท่านร่วมการทดสอบขับ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่บริษัทกำหนดขึ้น โดยได้รับเกียรติจาก ดร. สายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์นานาชาติสิรินธร ไทย - เยอรมัน พร้อมคณะร่วมสังเกตการณ์และประเมินผล
ฟอร์ด แบ่งผู้สื่อข่าวออกเป็น 6 ทีม ทีมละ 2 คน โดย 3 ทีมแรกขับ Ford Fiesta รุ่นสปอร์ต แฮทช์แบค 5 ประตู และอีก 3 ทีมขับฟอร์ด เฟียสต้า รุ่นสปอร์ต ซีดาน 4 ประตู โดยผู้ขับและผู้โดยสารในรถทั้งสองคันจะสลับหน้าที่กันขับในช่วงใดก็ได้ โดยความเร็วเฉลี่ยตลอดการขับขี่จะต้องไม่ต่ำกว่า 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง
หลังจากเติมน้ำมันจนเต็มถัง ณ จุดเริ่มต้นการเดินทางจากกรุงเทพฯ ถังน้ำมันของรถได้ถูกปิดผนึกอย่างหนาแน่น ระบบปรับอากาศตั้งค่าความเย็นไว้ที่ระดับกึ่งกลางและตั้งค่าพัดลมที่หมายเลข 1 ก่อนจะล็อกไว้ที่ตำแหน่งดังกล่าวตลอดการเดินทาง
เส้นทางการทดสอบขับครั้งนี้เป็นแบบผสมผสาน ทั้งการขับท่ามกลางกลางจราจรหนาแน่นในเมือง การขับบนทางหลวง และขับขึ้นเขา โดยออกตัวที่กรุงเทพฯ ผ่านจังหวัดสระบุรี นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีษะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ มุกดาหาร นครพนม และสิ้นสุดการเดินทางที่จังหวัดสกลนคร
"ผลการทดสอบอย่างเป็นอิสระในครั้งนี้เน้นย้ำถึงประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันที่เหนือชั้นของฟอร์ด เฟียสต้า ได้อย่างแท้จริง คุณยุคนธร วิเศษโกสิน รองประธานฝ่ายการตลาด การขาย และการบริการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว ความประหยัดน้ำมันของฟอร์ด เฟียสต้า นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่มีส่วนทำให้ลูกค้าซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ในประเทศไทยสนใจรถรุ่นนี้ และความประหยัดน้ำมันนี่เองทำให้เฟียสต้าเป็นรถที่มอบความคุ้มค่าอย่างเหนือชั้น"
Credit By: www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 25 กันยายน 2555
http://image.free.in.th/z/iw/pttatam...ndonesia01.jpg
TATA Motors
เตรียมบุกตลาดอินโดนีเซียในปี 2013
ทาทา มอเตอร์ส เตรียมบุกตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนอย่างอินโดนีเซีย ตั้งบริษัทลูก PT Tata Motors Indonesia ในกรุงจาการ์ต้า โดยจะเป็นผู้ดำเนินการเต็มรูปแบบทั้งในส่วนของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถเพื่อการพาณิชย์
อินโดนีเซียนับเป็นอีกหนึ่งในตลาดที่สำคัญของ ทาทา มอเตอร์ส ซึ่งสามารถขยายผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย ตั้งแต่รถยนต์นั่งขนาดเล็ก ไปจนถึงรถโดยสาร และในส่วนของรถเพื่อการพาณิชย์ ตั้งแต่รถบรรทุกขนาดเล็ก 0.5 ตัน ไปจนถึงรถบรรทุกหนักขนาดใหญ่ 49 ตัน ซึ่งทาง ทาทา มอเตอร์ส เตรียมที่จะเปิดตัวในตลาดอินโดนีเซียปี 2013
Mr. Karl Slym กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาทา มอเตอร์ส กล่าวว่า "เรารู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้มาเปิดตลาดในอินโดนีเซีย และเช่นเดียวกันกับวิถีปฏิบัติของทาทา มอเตอร์ส ในทุกพื้นที่ทั่วโลก การดำเนินธุรกิจของทาทา มอเตอร์ส ในอินโดนีเซียครั้งนี้ จะเป็นการดำเนินงานในฐานะที่เป็นบริษัทอินโดนีเซีย ที่จะสามารถตอบสนอง และดำเนินงานให้เป็นไปตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าชาวอินโดนีเซีย รวมถึงตอบแทนสังคมของคนในพื้นที่ ที่เราเข้าไปดำเนินธุรกิจด้วยเช่นกัน เราจะสร้างรากฐานในระดับท้องถิ่น พร้อมร่วมเติบโตควบคู่ไปกับความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ และประชาชนอินโดนีเซีย"
Mr. Ravi Pisharody กรรมการบริหาร ส่วนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ บริษัท ทาทา มอเตอร์ส ให้ความเห็นว่า "ผลงานของเราคือ การสร้างเกณฑ์มาตรฐานระดับโลก เราจึงมีความมั่นใจว่า รถยนต์ของเราจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับลูกค้า ที่มีวิจารณญาณในการเลือกของอินโดนีเซีย จากความคิดเห็นของลูกค้าที่เราได้รับมา เราจะค่อยๆ แนะนำผลิตภัณฑ์ ทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ตามความเหมาะสม ควบคู่ไปกับการมอบความพร้อมในด้านโครงสร้างการให้บริการต่างๆ ซึ่งจะทำให้เราสามารถทำงานได้อย่างใกล้ชิดกับลูกค้ามากที่สุด"
Mr. Biswadev Sengupta ประธานกรรมการ บริษัท พีที ทาทา มอเตอร์ส อินโดนีเซีย กล่าวสรุปว่า "จากผลการวิจัยของเรา แสดงให้เห็นว่าทาทา มอเตอร์ส มีโอกาสสูงมากในการทำตลาดรถยนต์ในอินโดนีเซีย ด้านการจัดการ และความต้องการของลูกค้าในอินโดนีเซียนั้น มีความคล้ายคลึงกับความต้องการของลูกค้าในอินเดีย เรามีความมั่นใจมากว่า จะตอบสนองความต้องการทุกด้านเกี่ยวกับรถยนต์ให้กับลูกค้า ซึ่งปัจจุบันเรายังมุ่งเน้นไปในส่วนของการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ และการสร้างเครือข่ายของการสนับสนุนอะไหล่และชิ้นส่วนต่างๆ"
บริษัท พีที ทาทา มอเตอร์ส อินโดนีเซีย จะมีศูนย์จำหน่ายและบริการรองรับในขั้นต้น 10 - 15 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะให้บริการทั้งในด้านการขาย บริการหลังการขาย รวมทั้งชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ โดยภายในระยะเวลา 3 ปี บริษัท พีที ทาทา มอเตอร์ส อินโดนีเซีย พร้อมจะขยายเครือข่ายการทำงานทั่วประเทศ ทั้งผู้จำหน่ายเต็มรูปแบบ 60 แห่ง ศูนย์บริการ 100 แห่ง และผู้จำหน่ายอะไหล่อีก 300 แห่ง เพื่อรองรับการบริการให้กับลูกค้า
นอกจากนี้ ทาทา มอเตอร์ส ยังประเมินความเป็นไปได้ในการจัดตั้งฐานการผลิตในอินโดนีเซีย เพื่อรองรับความต้องการในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งรวมถึงการลงทุนที่จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ กับการวางแผนในการใช้ชิ้นส่วนยานยนต์ภายในประเทศในของแต่ละพื้นที่
ล่าสุด ทาทา มอเตอร์ส เพิ่งเข้าร่วมงาน อินโดนีเซีย อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 20 ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่ง ทาทา มอเตอร์ส นำทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มาจัดแสดงจำนวน 14 คัน เพื่อเป็นการแนะนำตัวในอินโดนีเซีย และในบูธยังมีการจัดโซน green pavilion เพื่อจัดแสดงรถพลังงานสะอาดอย่าง TATA CNG ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังเติบโตอย่างมากในประเทศอินโดนีเซีย
Credit By: www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 26 กันยายน 2555
Honda
เตรียมเปิดตัวซีดาน 4 ประตูรุ่นใหม่ เพิ่มไลน์รถยนต์ที่ได้รับสิทธิ์คืนภาษีรถยนต์คันแรกเป็น 6 รุ่น
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าตอกย้ำความมุ่งมั่น ในการนำเสนอยนตรกรรมเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมสนับสนุนนโยบายรถยนต์คันแรกของรัฐบาล โดยปัจจุบัน ฮอนด้า มีรถยนต์ 5 รุ่น ที่ได้รับการอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการรถยนต์คันแรก ของกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ประกอบด้วย Honda Brio, Honda Jazz, Honda Jazz Hybrid, Honda City และ Honda City CNG ซึ่งลูกค้าที่สนใจสามารถจองเพื่อขอรับสิทธิ์ได้ภายใน 31 ธันวาคม 2555
ฮอนด้า เตรียมสร้างประวัติศาสตร์ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอีกครั้งเร็วๆ นี้ ด้วยการเตรียมการเปิดตัวรถยนต์ซีดาน 4 ประตูรุ่นใหม่ล่าสุด โดยรถยนต์รุ่นใหม่นี้ จะมีขนาดเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว 90 แรงม้า ดีไซน์โดดเด่น ล้ำสมัย ทั้งภายนอกและภายใน พื้นที่ห้องโดยสารสะดวกสบายกว้างขวาง พร้อมพื้นที่ห้องสัมภาระด้านหลังที่สามารถบรรจุถุงกอล์ฟได้ถึง 2 ใบ
ครบครันด้วยอุปกรณ์ความปลอดภัย ด้วยระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า Dual SRS ในทุกเกรด เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับลูกค้ารถยนต์คันแรกในไตรมาส 4 ก่อนปิดโครงการ และเมื่อเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่นี้แล้ว จะส่งผลให้ ฮอนด้า มีรถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการรถยนต์คันแรกถึง 6 รุ่น
สำหรับลูกค้าที่สนใจข้อมูลของรถยนต์รุ่นใหม่นี้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูม ฮอนด้า ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
http://image.free.in.th/z/id/hondapl...newmodel01.jpg
Credit By: www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 28 กันยายน 2555
Ford Fiesta
เพิ่มเครื่องยนต์ 3 สูบเทอร์โบ
http://image.free.in.th/z/ie/fordfie...oost1luk01.jpg
หลัง ปรับรูปลักษณ์ ได้ไม่นาน ฟอร์ด ก็เพิ่มทางเลือกให้ เฟียสต้า ไมเนอร์เชนจ์ด้วยเครื่องยนต์ใหม่ เตรียมเปิดตัวในปารีส ออโต้โชว์ กับขุมพลังที่ได้รับรางวัล International Engine of the Year ปี 2012 เบนซินไดเร็คอินเจ็คชั่น 3 สูบ 1,000 ซีซี EcoBoost 100 และ 125 แรงม้า (PS) รวมทั้งเบนซิน 1,250 ซีซี 60-82 แรงม้า (PS), เบนซิน 4 สูบ 1,600 ซีซี Ti-VCT 105 แรงม้า (PS)
นอกจากนี้ยังมีรุ่นดีเซล TDCi 1,500 และ 1,600 ซีซี 74-94 แรงม้า (PS) แรงบิด 20.38 กก.-ม. ให้เลือกสั่งได้ด้วย ส่วนรุ่นแรงสุด Fiesta ST เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ EcoBoost 1,600 ซีซี 182 แรงม้า (PS) จะเริ่มทำตลาดในช่วงต้นปี 2013 ระบบประหยัดเชื้อเพลิง Start/Stop จะติดตั้งในรุ่น 1,000 ซีซี EcoBoost และรุ่นดีเซล TDCi ECOnetic 1,600 ซีซี และจะประเดิมติดตั้งเกียร์ PowerShift รุ่นใหม่แบบดูอัล-คลัตช์ 6 จังหวะอีกด้วย
รุ่นที่ติดตั้ง ECOnetic Technology มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 30.3 กิโลเมตรต่อลิตร ปล่อยคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ 87 กรัมต่อกิโลเมตร รุ่นย่อย Titanium X จะทำตลาดในสหราชอาณาจักรด้วยอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น ระบบ Keyfree, เครื่องเสียง Sony DAB พร้อมระบบ SYNC และภายในตกแต่งด้วยหนังแท้ ราคาในอังกฤษเริ่มต้น 500,000 บาท และรุ่นสูงสุด 880,000 บาท •
Credit By: www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 1 ตุลาคม 2555
2014 Mercedes-Benz SLS AMG Coupe Electric Drive
ก้าวสู่ยุคใหม่ด้วยซูเปอร์สปอร์ตคาร์พลังไฟฟ้า
แผนก AMG ของ เมอร์เซเดส เปิดศักราชใหม่ด้วยการนำเสนอความแรงแบบไฟฟ้าล้วน Mercedes SLS AMG Coupe Electric Drive เวอร์ชั่นพร้อมจำหน่าย เปิดตัวอย่างเป็นทางการใน 2012 ปารีส มอเตอร์โชว์
ถ้ายังจำกันได้ เมอร์เซเดส เคยโชว์เทคโนโลยีไฟฟ้าในร่างของ SLS AMG มาก่อนในชื่อ Mercedes-Benz SLS AMG E-Cell Prototype ตั้งแต่ต้นปี 2011 มี SK Innovation เป็นซัพพลายเออร์ รับหน้าที่หลักดูแลเรื่องแบตเตอรี่แพค ซึ่งในขณะนั้น SK เป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นเพื่อแชร์ส่วนแบ่งจากเจ้าตลาดอย่าง LG Chem โดยเฉพาะ
เวอร์ชั่นจริงยังคงใช้วิธีติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัส 4 ตัว สำหรับแยกขับ 4 ล้อ พละกำลังอัพเกรดขึ้นมาจาก E-Cell แบบไม่เห็นฝุ่น กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 552 กิโลวัตต์ หรือเทียบเท่า 750 แรงม้า ps (E-Cell 526 แรงม้า hp) แรงบิดสูงสุดยิ่งกว่ามหาศาล 101.9 กก.-ม. มอเตอร์แต่ละตัวรอบสูงสุดที่ 13,000 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดด้วยระบบอิเลคทรอนิคเอาไว้ที่ 250 กม./ชม.
ชุดแบตเตอรี่แพค เมอร์เซเดส ใช้เทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้ในระบบ KERS ของรถ F1 ออกแบบใหม่โดยความร่วมมือของ Mercedes-AMG และ Mercedes AMG High Performance Powertrains Ltd. โดยยังคงเป็นแบบลิเธียม-ไอออน 400 โวลท์ รับโหลดได้ถึง 600 กิโลวัตต์ ระบายความร้อนด้วยของเหลว สเปคใกล้เคียงกับเวอร์ชั่นทดลองที่ใช้ใน E-Cell เพียงแต่เพิ่มความจุจาก 48 เป็น 60 กิโลวัตต์-ชั่วโมง น้ำหนักทั้งแพค 548 กิโลกรัม ประกอบไปด้วยเซลล์ลิเธียม-ไอออน 864 เซลล์ แบ่งเป็น 12 โมดูลๆ ละ 72 เซลล์
ชุดช่วงล่างหน้ายังคงคอนเซปท์เดิมที่ใช้ใน E-Cell เพื่อความเหมาะสม คือปีกนก 2 ชั้น Push-rod Strut หรือ แบบมีแกนเชื่อมปีกนกและสตรัทแบบรถ F-1
กำหนดการจำหน่าย หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แฟนๆ (ที่ต้องกระเป๋าหนักมาก) จะได้สัมผัสกันภายในเดือนมิถุนายน 2013 ด้วยราคาจำหน่ายที่สูงทะลุเพดาน 538,500 ดอลลาร์ หรือประมาณ 16.6 ล้านบาท ดุกว่ารุ่นพื้นฐานปี 2012 สันดาปภายใน เครื่องยนต์ V8 เกือบ 2 เท่าตัว
http://image.free.in.th/z/ik/2014mer...ricdrive01.jpg
Credit By: www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 3 ตุลาคม 2555
http://image.free.in.th/z/ir/2012hon...eospeech99.jpg
Honda
ตั้งเป้ายอดขายรวมทั่วโลกกว่า 6 ล้านคันภายในปี 2017
พร้อมพัฒนายานยนต์ที่มีเทคโนโลยีอันทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
http://image.free.in.th/z/iw/2012hon...eospeech01.jpg
มร. ทาคาโนบุ อิโต้ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ประกาศวิสัยทัศน์ และทิศทางการดำเนินงาน ตอกย้ำแนวคิด ทิศทางในอีก 10 ปี ข้างหน้า หรือ Direction for the next 10 years ที่ประกาศไปเมื่อปี 2010 ในการที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มอบความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าด้วยความรวดเร็ว ในราคาที่ย่อมเยา และมีค่า CO2 ต่ำ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฮอนด้า มุ่งมั่นคิดค้นเทคโนโลยีอันทันสมัยที่มีไอเดียสร้างสรรค์ และนำเสนอผลิตภัณฑ์นั้น เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า นอกจากนี้ ในฐานะผู้ผลิตยานยนต์ ฮอนด้า พยายามริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อลดการปล่อย CO2 เสมอมา
"ในปี 2011 ฮอนด้า เผชิญกับอุปสรรคมากมาย อาทิ เงินเยนที่แข็งค่าขึ้น การหยุดการผลิตในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ปัญหาพลังงานไฟฟ้าขาดแคลนจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิ รวมถึงอุทกภัยในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ฮอนด้า ขอขอบคุณในความร่วมมือร่วมใจของซัพพลายเออร์ หุ้นส่วนทางธุรกิจ และความพยายามของพนักงาน ฮอนด้า ทุกคน ที่ทำให้เราสามารถฟื้นฟูธุรกิจได้ในเวลาอันรวดเร็ว และวันนี้ เราพร้อมที่จะกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม"
ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทฯ ฮอนด้า ได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์หลากหลายรุ่นที่มีเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้คนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น ทำงานได้ง่ายขึ้น เพิ่มความคล่องตัว และความสะดวกสบายให้กับลูกค้าเสมอมา ในปีงบประมาณ 2011 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2012) ผลิตภัณฑ์ของ ฮอนด้า ได้ส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าทั่วโลกกว่า 23.9 ล้านคน ซึ่งประกอบไปด้วยลูกค้าผู้ใช้รถจักรยานยนต์ 15 ล้านคน ลูกค้าผู้ใช้เครื่องยนต์อเนกประสงค์ 5.8 ล้านคน และลูกค้าผู้ใช้รถยนต์ 3.1 ล้านคน
ในปี 2017 ฮอนด้า ตั้งเป้าหมายในการส่งต่อความสุขให้กับลูกค้าทั่วโลกมากถึง 39 ล้านคน รวมผลิตภัณฑ์ทุกประเภท
http://image.free.in.th/z/ia/2012hon...eospeech05.jpg
ทิศทางการดำเนินงานในธุรกิจรถยนต์
ในธุรกิจยานยนต์ ฮอนด้า เร่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วโลก ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในระดับโลก เพื่อให้ ฮอนด้า สามารถสร้างสรรค์ยานยนต์ที่ดีที่สุด ในต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้ โดยมีการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่...
1 - การพัฒนาไปพร้อมๆ กันใน 6 ภูมิภาคทั่วโลก
2 - ประยุกต์การออกแบบให้เข้ากับแต่ละพื้นที่
3 - พัฒนาประสิทธิภาพในการผลิต
ในประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างโดดเด่น ฮอนด้า จะตอบสนองความต้องการของตลาดที่หลากหลายด้วยความรวดเร็ว เช่นเดียวกับประเทศที่พัฒนาแล้ว พร้อมทั้งพัฒนารถยนต์แต่ละรุ่น ให้สอดคล้องกับโครงสร้างอุตสาหกรรมของทุกประเทศในแต่ละภูมิภาค ตามแนวทางการดำเนินงาน การพัฒนาไปพร้อมๆ กันใน 6 ภูมิภาค โดยแต่ละภูมิภาคจะมีส่วนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน ตั้งแต่ในขั้นตอนแรกของการพัฒนา
การแนะนำรถยนต์รุ่นเดียวกันในทุกภูมิภาคในเวลาไล่เลี่ยกัน จะช่วยให้ ฮอนด้า สามารถกำหนดภาพรวมของกำลังการผลิตในระดับโลกได้ ตั้งแต่เริ่มแนะนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด นอกจากนี้ การผลิตชิ้นส่วนจำนวนมากครั้งเดียวในประเทศที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง จะสามารถช่วยลดต้นทุนการจัดหาชิ้นส่วนรถยนต์ได้อีกด้วย
ในขณะเดียวกัน เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งเพื่อใช้วัตถุดิบ และโครงสร้างการผลิตที่มีอยู่ในแต่ละท้องถิ่นให้มากที่สุด ฮอนด้า จึงประยุกต์การออกแบบให้เข้ากับแต่ละพื้นที่
ด้วยแนวความคิดใหม่นี้ ฮอนด้า จะเพิ่มยอดขายรถยนต์ในตลาดกลุ่มภูมิภาคหลัก เช่น ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา และยุโรป จาก 2.06 ล้านคันในปีงบประมาณ 2012 เป็นกว่า 3 ล้านคันในปีงบประมาณ 2017 และจะเริ่มขยายธุรกิจ ในตลาดของประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างโดดเด่น โดยจะสร้างยอดขายรถยนต์ให้ได้มากกว่า 3 ล้านคัน ในปี 2017 ซึ่งนับเป็น 2 เท่าของปีงบประมาณ 2012 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2012) ด้วยการตั้งเป้ายอดการขายที่แข็งแกร่งในกลุ่มภูมิภาคหลัก และการรุกตลาดในประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างโดดเด่นนี้ ฮอนด้า ตั้งเป้าการขายรถยนต์รวมทั่วโลกให้ได้กว่า 6 ล้านคัน ภายในปีงบประมาณ 2017
http://image.free.in.th/z/id/2012hon...eospeech04.jpg
เทคโนโลยียานยนต์อันทันสมัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ฮอนด้า ยังคงพัฒนาเทคโนโลยี Earth Dreams ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนในอนาคต เพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ และเพิ่มประสิทธิภาพของการประหยัดน้ำมันสูงสุด ด้วยการพัฒนาองค์ประกอบของการสันดาปภายใน เครื่องยนต์ ระบบเกียร์ เทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าที่นำมาใช้กับมอเตอร์ และส่วนประกอบอื่นๆ
สำหรับยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งยังคงเป็นที่นิยมใช้ในหลายประเทศทั่วโลก ฮอนด้า จะพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ช่วยประหยัดน้ำมันสูงสุด โดยจะเริ่มติดตั้งเครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนาใหม่นี้ใน Honda Accord รุ่นปี 2013 และจะนำมาติดตั้งในรถยนต์รุ่นอื่นๆ เป็นลำดับต่อไป
สำหรับรถไฮบริด ฮอนด้า จะประยุกต์ใช้เครื่องยนต์ไฮบริด 3 ระบบ ซึ่งมีคุณลักษณะอันโดดเด่น เพื่อเติมเต็มความต้องการให้กับลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น
ระบบไฮบริดมอเตอร์เดี่ยวที่มีน้ำหนักเบา จะถูกพัฒนาให้ range ของ EV มีช่วงเวลาที่นานยิ่งขึ้น (เมื่ออยู่ใน EV range รถจะไม่มีการปล่อยก๊าซ CO2 ออกมาเลย) โดยจะพัฒนาสมรรถนะของมอเตอร์ และแบตเตอรี่ ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบเกียร์แบบใหม่ ยิ่งไปกว่านั้น ฮอนด้า มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำยานยนต์พลังงานไฮบริด ที่ประหยัดน้ำมันสูงสุดเป็นอันดับ 1 ด้วยการพัฒนาประสิทธิภาพของการนำพลังงานไฟฟ้าที่เก็บไว้ในแบตเตอรี่กลับมาหมุนเวียนใช้ใหม่
สำหรับรถยนต์ขนาดกลาง หลังจากที่ ฮอนด้า เปิดตัว Honda Accord PHEV ในสหรัฐอเมริกาช่วงต้นปี 2013 แล้ว รถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ จะได้รับการติดตั้งระบบไฮบริดมอเตอร์คู่ ซึ่งหลังจากเปิดตัวในสหรัฐอเมริกา รถยนต์รุ่นนี้จะเปิดตัวในประเทศญี่ปุ่น และภูมิภาคอื่นๆ เป็นลำดับต่อมา รถยนต์ไฮบริด ปลั๊ก-อิน ที่จะเริ่มจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น จะได้รับการติดตั้งเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า หรือ inverter ที่สามารถใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานภายนอกได้ ซึ่งเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้านี้ได้รับการพัฒนามาจากเทคโนโลยีเครื่องกำเนิดพลังงานไฟฟ้าของ ฮอนด้า นั่นเอง
ฮอนด้า มุ่งสร้างสรรค์สมรรถนะในการขับขี่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด จึงคิดค้นระบบไฮบริด 3 มอเตอร์ หรือระบบสปอร์ตไฮบริด SH-AWD (Super Handling All Wheel Drive) ที่สามารถให้การขับขี่สไตล์สปอร์ต และประหยัดน้ำมันไปพร้อมกัน ซึ่งระบบนี้จะได้รับการติดตั้งใน Honda NSX, รถสปอร์ตไฮบริด Acura RLX และ Honda Legend ใหม่ ซึ่งจะเปิดตัวที่ญี่ปุ่นในปี 2014
สำหรับรถ EV ฮอนด้า จะเริ่มเปิดให้เช่าซื้อ Honda Fit EV ในช่วงฤดูร้อนนี้ เนื่องจากสถานการณ์ด้านพลังงานในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป ฮอนด้า พยายามพัฒนารถ EV อย่างต่อเนื่อง เพื่อเจาะตลาดกลุ่มรถ EV ให้มากขึ้น
Credit By: www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Re: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ปิดไตรมาส 3 ยอดขายทะลุ 5 หมื่นคัน
http://image.free.in.th/z/io/mazdasa...eptember01.jpg
บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศปืดไตรมาส 3 ทำยอดจำหน่ายได้กว่า 52,000 คัน พร้อมยังมียอดจองสะสมอีกจำนวนมาก ซึ่ง มาสด้า ได้เตรียมความพร้อมอุดช่องว่างทุกทางในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีน และวางแผนงานจัดการกับปริมาณจอดจองอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ลูกค้าไม่พลาดสิทธิ์ในการรับเงินคืนจากโครงการรถยนต์คันแรก
ยอดจำหน่ายของมาสด้าปีนี้ (มกราคม - กันยายน) ทะลุถึง 52,170 คัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นสูง 64% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 ที่ผ่านมา ซึ่งมียอดขายรวมทั้งสิ้น 31,847 คัน Mazda2 สามารถกวาดยอดขายไปได้มากที่สุดถึง 28,474 คัน หรือเพิ่มขึ้น 43% ตามมาด้วย Mazda BT-50 PRO 19,308 เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 156% และ Mazda3 ที่เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยยอดขายรวมทั้งสิ้น 4,367 คัน สำหรับในส่วนของรถยนต์พรีเมี่ยมคาร์ Mazda MX-5 และ Mazda CX-9 มียอดขายถึง 21 คัน
มร. โชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "ยอดขายรถยนต์มาสด้าในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ยังคงร้อนแรงต่อเนื่องแม้ว่าจะอยู่ช่วงของฤดูฝน ที่ประชาชนต่างวิตกกังวลในเรื่องของน้ำท่วม แต่ตลาดรถยนต์กลับไม่มีทีท่าจะแผ่วลงเลยแม้แต่น้อย ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์มาสด้าทะลุเกิน 7,000 คันเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยมียอดขายสูงถึง 7,237 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 82% แบ่งเป็น Mazda2 3,580 คัน เพิ่มขึ้น 32% Mazda BT-50 PRO 3,065 คัน เติบโตสูงสุดถึง 242% Mazda3 เครื่องยนต์ 1.6 และ 2.0 ลิตรใหม่ 591 คัน เพิ่มขึ้น 57% และรถยนต์ประเภทพรีเมี่ยมคาร์ จำนวน 1 คัน ส่งผลให้ยอดขายรวม 9 เดือนทะลุถึง 52,170 คัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นสูงถึง 64 เปอร์เซ็นต์"
"หากเปรียบเทียบเป็นในแต่ละไตรมาส จะเห็นว่ามาสด้ามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสแรก (Q1) มียอดขายรวมทั้งสิ้น 14,264 มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และในไตรมาสที่สอง (Q2) ยังมีอัตราการเติบเพิ่มสูงขึ้นอีก โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 16,313 คัน มีอัตราการเติบโตสูงถึง 58% และในไตรมาสที่สามของปีนี้มีอัตราการเติบโตสูงถึง 87% หรือยอดขายรวมทั้งสิ้นสูงถึง 21,593 คัน และคาดว่าในไตรมาสด้าสุดท้ายของปีนี้ (Q4) คาดว่าจะมียอดขายมากกว่า 20,000 คัน หรือรวมทั้งปีมากกว่า 70,000 คัน ทะลุเกินเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน
http://image.free.in.th/z/ib/mazdasa...eptember02.jpg
ทางด้านผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี กล่าวว่า "ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ คาดว่าตลาดรถยนต์จะมีความคึกคักมากกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคที่มีอยู่จำนวนมาก ประกอบกับโครงการรถคันแรกของรัฐบาลกำลังจะสิ้นสุดลง และค่ายรถยนต์ทุกค่ายต่างต้องช่วงชิงความได้เปรียบ และต้องเก็บยอดจองมาให้ได้มากที่สุด เพื่อป้องกันการเสียสิทธิ์จากโครงการดังกล่าว"
"มาสด้าได้เตรียมแผนงานและมอบนโยบายไปยังผู้จำหน่ายอย่างชัดเจน คือ ต้องให้คำแนะนำกับลูกค้า เกี่ยวกับโครงการนี้ให้ละเอียดรอบคอบ และเช็ครายชื่อให้ชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง ซึ่งในขณะนี้มาสด้ามียอดจองสะสมอยู่จำนวนมาก และจะสามารถส่งมอบรถใหม่ให้กับลูกค้าประมาณ 3-4 เดือน ซึ่งถ้าลูกค้าจองในตอนนี้ จะได้รับรถประมาณเดือนมกราคม ฉะนั้นมาสด้าขอแนะนำให้ลูกค้ารีบจองเร็วขึ้นกว่าปกติ และเตรียมยื่นเอกสารก่อนถึงสิ้นปี เนื่องจากถึงตอนนั้นจะมีคนยื่นเข้ามามาก อาจก่อให้เกิดความวุ่นวาย และอาจยื่นเอกสารไม่ทัน และจะทำให้เสียโอกาสดีๆ นั้นไป"
"สำหรับลูกค้าที่กำลังมองหารถยนต์คันแรก นอกจากจะได้รับสิทธิ์ในการคืนภาษีเต็มจำนวน 100,000 บาท สำหรับ Mazda2 แล้ว มาสด้ายังมอบสิทธิพิเศษ ด้วยเงินดาวน์เพียง 25% ดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.35% ผ่านนานสูงสุด 72 เดือน สำหรับ Mazda BT-50 PRO รับเงินคืนสูงสุด 96,000 บาท ดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.45% ผ่อนนานสูงสุด 72 เดือน"
"มาสด้าทุกรุ่นยังมอบประกันภัยชั้นหนึ่งฟรี 1 ปี และรับประกันคุณภาพนาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และบริการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงนาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร นอกจากนี้ Mazda3 ทั้งเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร จองซื้อวันนี้สามารถรับรถได้ทันที"
Credit By: www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 8 ตุลาคม 2555
Honda CR-V 2.4 EL 4WD
500 กิโลเมตร กรุงเทพ-เขาใหญ่
http://image.free.in.th/z/it/testdri...v4wd201202.jpg
หลังเปิดตัว ประมาณครึ่งเดือน บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย)
จำกัด ก็จัดทดสอบแบบกลุ่ม ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ มาครบทั้ง 4 รุ่นย่อยด้วยรถทดสอบ 10 คัน และสื่อมวลชนกว่า 40 คน เส้นทางทดสอบจาก ช็อกโกแล็ต วิลล์ ปลายทาง เวลาเวียน รีสอร์ท เขาใหญ่ ระยะทางรวมประมาณ 500 กิโลเมตร ผลัดกันขับคันละ 4 คน ผมและเพื่อนได้ขับรุ่นสูงสุด 2.4 EL 4WD น้ำหนักรวมสัมภาระประมาณ 300 กิโลกรัม โดยทีมงานของ ฮอนด้า แจ้งว่าเติมแก๊สโซฮอล์ E10
http://image.free.in.th/z/iv/testdri...v4wd201203.jpg
รูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวล้ำสมัย
แม้จะถูกบังคับด้วยรูปทรงหลักแบบ 5 ประตู แต่ ฮอนด้า ก็สามารถสร้างความแตกต่างจากรุ่นเดิมได้ดี ด้านหน้าดูสปอร์ตดุดันด้วยชุดไฟหน้าทรงเฉียง มีลูกเล่นซ้อนอยู่กับกระจังหน้าซึ่งกินพื้นที่ส่วนกลางของกันชนที่ปาดรับมุมเอียงของโคมไฟหน้า ด้านล่างของกันชนตกแต่งด้วยพลาสติกสีดำด้านต่อเนื่องไปถึงโป่งล้อหน้า-หลัง สเกิร์ตข้าง และกันชนหลัง เฉพาะรุ่น 2.0 S ขับ 2 ล้อเท่านั้น ที่ไม่มีสปอตไลต์
ด้านข้างเสริมความหรูด้วยที่เปิดประตูโครเมียม เข้าชุดกับคิ้วโครเมียมล้อมกรอบพื้นที่กระจกข้าง กระจกมองข้างมีไฟเลี้ยวในตัว เสริมความรู้สึกแข็งแรงด้วยลายเส้นบนตัวถังด้านข้าง ล้อแม็กพร้อมรุ่น 2.0 มีขนาด 6.5x17 นิ้ว ยาง 225/65 R17 ลวดลายของล้อแม็กต่างกันในรุ่น 2.0 S ขับ 2 ล้อ และ 2.0 E ขับ 4 ล้อ ส่วนรุ่น 2.4 ทั้งแบบขับ 2 ล้อ EL 2WD และ EL 4WD ใช้ล้อแม็กขนาด 7x18 นิ้ว ยาง 225/60 R18
ด้านท้ายยังคงยึดมั่นกับชุดไฟท้ายทรงตั้งเอกลักษณ์ของ CR-V ประตูท้ายแบบเดี่ยวเปิดขึ้นบน มีสปอยเลอร์ชิ้นเล็กกับไฟเบรกดวงที่ 3 มุมมองด้านท้ายถ้าไม่มีตัวอักษรระบุ 4WD ก็แทบแยกไม่ออกระหว่างรุ่น 2.0 หรือ 2.4 (ยกเว้น 2.0 S ไม่มีกล้องมองหลังซ่อนอยู่ใต้คิ้วโครเมียมเหนือป้ายทะเบียน)
มิติตัวถังมีความยาว 4,534 มิลลิเมตร กว้าง 1,820 มิลลิเมตร สูง 1,685 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,620 มิลลิเมตร น้ำหนักรุ่นที่ทดลองขับ 1,585 มิลลิเมตร
http://image.free.in.th/z/iz/testdri...v4wd201205.jpg
ภายในเรียบหรูกว้างขวาง
การตกแต่งภายในขึ้นอยู่กับสีภายนอก ถ้าเป็นสีน้ำตาลเออร์เบิน ไทเทเนียม, เทาโพลิซเมทัล และดำคริสตัล ภายในจะเป็นสีเบจ ถ้าอยากได้ภายในสีดำล้วน ต้องเลือกสีภายนอก น้ำเงินทไวไลท์ ขาวออร์คิด หรือเงินอลาบาสเตอร์ คันที่ผมขับเป็นสีดำภายในสีเบจ รถเพิ่งใช้งานมาแค่ 700 กว่ากิโลเมตร ยอมรับว่าภายในสีเบจให้ความรู้สึกโปร่งโล่งและหรูหราจริงๆ ส่วนแผงประตูเป็นพลาสติกล้วน น่าจะเน้นความทนทนและดูแลรักษาง่าย เพราะรถประเภทนี้มักใช้งานสมบุกสมบันกว่าเก๋ง ส่วนที่เท้าแขนบนแผงประตูหุ้มหนังบุด้วยวัสดุอ่อนนุ่ม
แผงคอนโซลออกแบบเรียบๆ เน้นความสะอาดตา พวงมาลัย 3 ก้านใช้ร่วมกับซีวิค คันที่ขับเป็นรุ่นสูงสุด มีฟังก์ชั่นการทำงานครบครับทั้งปุ่มควบคุมจอ i-MID ที่คอนโซลกลางด้านบน ปุ่มควบคุมครูสคอนโทรล และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ชุดมาตรวัดออกแบบใหม่ทิ้งสไตล์เดิม เน้นแบบล้ำยุค 3 มิติ ตรงกลางเป็นมาตรวัดความเร็ว มีจอดิจิตอลแสดงข้อมูลการขับตรงกลาง ประกบด้วยแถบไฟสำหรับระบบ Eco Coaching โดยจะสว่างเป็นสีเขียวเมื่ออยู่ในช่วงที่ปะหยัดเชื้อเพลิงสูงสุด ใต้แผงคอนโซลฝั่งขวามีปุ่ม ECON และฝั่งซ้ายมีปุ่ม Start/Stop ใช้ร่วมกับ Honda Smart Key System
คอนโซลกลางนอกจากจอ i-MID แล้วยังมีจอสัมผัสแสดงผลเครื่องเสียง ระบบนำทางผ่านดาวเทียม และกล้องมองหลังพร้อมเส้นกราฟิกกะระยะ ถัดลงมาเป็นสวิตช์แอร์ดิจิตอลแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา ต่อเนื่องด้วยคอนโซลเกียร์หน้าตาเรียบๆ มีตำแหน่ง S ให้ผู้ขับควบคุมจังหวะเปลี่ยนเกียร์ด้วยแป้น +/- หลังพวงมาลัย พร้อมตัวเลขดิจิตอลบอกตำแหน่งเกียร์ในชุดมาตรวัด
เบาะคู่หน้าปรับทิศทางด้วยไฟฟ้า ฝั่งผู้ขับมีที่ดันหลังไฟฟ้าเพิ่มเติมมาให้ ปรับให้เข้ากับสรีระได้อย่างพอเหมาะ ที่เท้าแขนตรงกลางมีช่องเสียบ USB อยู่ด้านใน ตำแหน่งของที่เท้าแขนต่ำไปนิด ถ้าติดตั้งไว้กับเบาะแบบ ฮอนด้า โอดิสซีย์ น่าจะใช้งานได้ถนัดกว่านี้ แต่คงเป็นไปได้ยากเพราะด้านหลังของที่เท้าแขนมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลังด้วย
เบาะหลังแยกพับได้แบบ 60:40 ติดตั้งระบบพับแบบกลไก One Motion มีคันโยกอยู่ที่ผนังห้องเก็บสัมภาระด้านท้าย เมื่อดีงคันโยกเบาะนั่งจะพลิกไปด้านหน้าและพนักพิงจะพับลง เพิ่มพื้นที่บรรจุของด้านหลัง พนักพิงปรับความเอนได้ 2 ระดับ แต่เท่าที่ทดลองนั่ง ทุกคนอยากให้เอนได้มากกว่านี้อีกนิด ผู้โดยสารด้านหลังปลอดภัยด้วยหมอนรองศีรษะ 3 ตำแหน่ง ตรงกลางพับเก็บได้ ผู้โดยสารด้านหลังตำแหน่งกลางส่วนใหญ่จะมีเข็มขัดนิรภัยแบบ 2 จุดคาดเอว แต่สำหรับ ซีอาร์-วี ใหม่เป็นแบบ 3 จุดโดยตัวเข็มขัดจะม้วนเก็บอยู่บนเพดานด้านหลังเบาะหลัง
เร่งได้ดีถ้ามีรอบ
รุ่นที่ทดสอบใช้เครื่องยนต์ความจุค่อนข้างเยอะ แบบเบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC ความจุ 2,354 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 125 กิโลวัตต์ หรือ 170 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 22.4 กก.-ม. ที่ 4,300 รอบต่อนาที รองรับแก๊สโซฮอล์สูงสุด E85 ออกเทน 91 ขึ้นไป ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ
ช่วงแรกที่ผมขับแบบใช้งานทั่วไปพบว่า ถ้าต้องการเร่งแซงแบบทันใจ ต้องใช้การคิ๊กดาวน์เปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ การแซงแบบกดคันเร่งค่อยๆ ไล่รอบในเกียร์เดิมพบว่าความเร็วจะเพิ่มขึ้นช้ามาก โดยเฉพาะจากรอบประมาณ 2,000-2,500 รอบต่อนาทีขึ้นไป แต่ก็ยังดีที่รอบเครื่องยนต์ตวัดขึ้นอย่างรวดเร็วและไหลลื่นเมื่อคิ๊กดาวน์ แต่ก็แน่นอนว่าต้องสึกหรอและสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น
ช่วงที่เพื่อนขับแบบสปอร์ตแต่เปิดใช้ ECON Mode พบว่าอัตราสิ้นเปลืองลดลงไม่มากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับลักษณะการขับที่ค่อนข้างดุดัน คิ๊กดาวน์ลากรอบสูงบ่อยครั้ง ผมนั่งสังเกตการณ์อยู่เบาะหลังฝั่งผู้ขับรู้สึกว่ารถยังไม่พุ่งทันใจสักเท่าไรแม้จะคิ๊กดาวน์แล้ว เพื่อนที่เป็นผู้ขับจึงลองปิด ECON Mode ไม่แน่ใจว่าเป็นอุปทานหรือเปล่า แต่รู้สึกเหมือนว่ารถเบาลง เร่งทันใจมากขึ้น ถ้าได้ทดสอบเดี่ยวเมื่อไรจะลองอีกครั้งให้แน่ใจ
http://image.free.in.th/z/iq/testdri...v4wd201210.jpg
อัตราสิ้นเปลืองดีกว่าที่คิด
ผมรับหน้าที่ขับเป็นคนแรกเผื่อช่วงหลังๆ จะมีโอกาสถ่ายรูป ก่อนออกจาก ช็อคโกแล็ต วิลล์ สังเกตว่าทีมงาน ฮอนด้า เซต 0 ระยะทางและอัตราสิ้นเปลืองไว้ให้แล้ว แถมยังเซต GPS ไว้ให้ด้วย เดินทางโดยใช้ทางหลวงกาญจนาภิเษก ต่อด้วยวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก ถนนช่วงนี้รถค่อนข้างโล่ง แต่ก็ไม่ได้ใช้ความเร็วสูงจัดเพราะกลัวโดนตำรวจจับ และตั้งใจจะลองขับใช้งานทั่วไปแบบเน้นประหยัดนิดๆ ว่าจะได้อัตราสิ้นเปลืองประมาณไหน
ในการขับใช้ความเร็วประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีบางช่วงเท่านั้นที่เร่งขึ้นไปถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะต้องเกาะกลุ่มตามคันอื่นเนื่องจากกลัวหลงทาง ขับยาวไปจนสุดทางจากนั้นวนออกถนนพหลโยธิน ใช้เส้นบายพาสตัดไปออกถนนมิตรภาพ ก่อนจะแวะปั๊มที่นัดแนะไว้ ระยะทางในช่วงนี้ประมาณ 113 กิโลเมตร ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 10.3 กิโลเมตรต่อลิตร
จากนั้นเปลี่ยนคนขับ มุ่งหน้าทานอาหารกลางวันที่เวลาเวียน ระยะทางประมาณ 130 กิโลเมตร อัตราสิ้นเปลืองลดลงเหลือ 9.8 กิโลเมตรต่อลิตร อิ่มแล้วเปลี่ยนคนขับอีกครั้ง สไตล์การขับค่อนข้างสปอร์ตมีการลากรอบสูงเพื่อเร่งแซงบ่อยๆ ส่วนใหญ่เปิด ECON Mode มีแค่บางช่วงเท่านั้นที่ลองปิดระบบ แวะพักที่ปั๊มบนถนนบายพาสเลี่ยงเมืองสระบุรี อัตราสิ้นเปลืองลดลงเล็กน้อย เหลือ 9.6 กิโลเมตรต่อลิตร
จากนั้นเปลี่ยนคนขับคนสุดท้ายมุ่งหน้ากลับจุดสตาร์ตเมื่อเช้า คนนี้ขับไม่เร็วมากและมีการคิ๊กดาวน์ไม่บ่อยนัก ขับแบบไหลๆ ไปตามสภาพการจราจรช่วง 5 โมงเย็นซึ่งยังไม่ติดขัดมากนัก กลับถึงจุดหมายด้วยอัตราสิ้นเปลืองที่ขยับขึ้นอีกนิดเป็น 10.1 กิโลเมตรต่อลิตร
หลังจากทดลองขับแล้ว วิศวกรของ ฮอนด้า ถึงจะเฉลยว่ารถที่ใช้ทดสอบเติมแก๊สโซฮอล์ E10 แม้รถจะรองรับได้ถึง E85 ก็ตาม และแสดงแผนภูมิข้อมูลว่าในรุ่นใหม่แบบ 4WD ประหยัดน้ำมันขึ้นจากเดิม 10.0 กิโลเมตรต่อลิตร เป็น 11.4 กิโลเมตรต่อลิตร ทดสอบโดยทีม R&D และใช้แก๊สโซลีน ส่วนคันที่ทดสอบนั่ง 4 คน โดยเฉลี่ยขับค่อนข้างเร็ว และเติมแก๊สโซฮอล์ E10 ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 10.1 กิโลเมตรต่อลิตรนับว่าน่าพอใจอย่างยิ่ง เพราะรถสูงต้านลมและต้องแบกน้ำหนักรวมกว่า 1,800 กิโลกรัม
http://image.free.in.th/z/it/testdri...v4wd201208.jpg
ช่วงล่างต้องลองเอง
คันที่ทดลองขับเป็นรุ่นสูงสุด ใส่ยางขนาด 225/60 R18 มาจากโรงงาน ระบุให้เติมลม 30 ปอนด์ต่อตารางนิ้วทั้ง 4 ล้อ สอบถามทีมพีอาร์ก็บอกว่าเติมตามที่สเปกกำหนด ช่วงที่ผมขับและนั่งเมื่อขับผ่านถนนขรุขระ รู้สึกว่ามีความแข็งกระแทกที่มาจากยางมากไปนิด ส่วนเพื่อนที่นั่งไปด้วยยังวัยรุ่นอยู่กลับบอกว่านุ่มดี ของแบบนี้ต้องลองเอง เพราะความชอบส่วนตัวและความคาดหวังของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ในส่วนของระบบกันสะเทือนอิสระพร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัต ด้านหลังปีกนก 2 ชั้น พร้อมระบบควบคุมการทรงตัว VSA-Vehicle Stability Assist ให้ความนุ่มนวลและหนึบหนับพอตัวที่ความเร็วต่ำ-ปานกลาง ส่วนที่ความเร็วสูงเป็นช่วงที่เพื่อนเริ่มขับขากลับเป็นคนแรก เส้นทางคดเคี้ยวลาดชัน แม้จะใช้ความเร็วเกินปกติไปบ้างบนโค้งแคบๆ แต่ก็ยังควบคุมรถได้ มีเพียงบางจังหวะที่ออกอาการหน้าดื้อบ้าง และมีอาการท้ายยวบเกือบจะปัดเมื่อใช้ความเร็วค่อนข้างสูงในโค้งลงเนิน แต่ก็ไม่ถึงกับปัดหรือน่ากลัวแต่อย่างใด เพื่อนที่นั่งเบาะหลังคู่กันยังหลับพริ้มแถมด้วยเสียงกรนเบาๆ เป็นระยะ ยืนยันว่าหลับจริง
ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ ให้ความรู้สึกที่ดีทั้งในแง่ของแรงเบรกที่ดึงรถคันสูงใหญ่ให้ชลอความเร็วลงได้อย่างมั่นคงและฉับไว รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างแรงเหยียบของเท้ากับแรงเบรก ช่วยควบคุมการเบรกทั้งแบบนุ่มนวลหรือแบบกะทันหันได้ตามต้องการ โดยเมื่อเบรกกะทันหันมีอาการหน้าทิ่มท้ายยกไม่มากนัก
พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้ามีระบบช่วยควบคุมการบังคับพวงมาลัย MA-EPS หรือ Motion Adaptive Electric Power Steering System ทำงานร่วมกับ VSA และพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า จึงมีเฉพาะในรุ่น 2.4 เท่านั้น (รุ่น 2.0 ไม่มี VSA) เพิ่มความแม่นยำขณะเข้าโค้งหรือบนทางเปียก ลองขับแล้วรู้สึกว่าการทำงานของพวงมาลัยยังคงเป็นธรรมชาติ เหมือนพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าทั่วไปที่ไม่มีระบบ Motion Adaptive อีกระบบที่ไม่ได้ลอง คือ HSA หรือ Hill Start Assist ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
ยังเหลืออีก 2 ส่วนที่ต้องรอทดสอบเดี่ยว คือ อัตราเร่งทั้งแบบเปิดและปิด ECON Mode รวมทั้งอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแบบขับยาวๆ ด้วยความเร็วนิ่งๆ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ รุ่นสูงสุด 2.4 EL 4WD รูปลักษณ์ล้ำสมัยโฉบเฉี่ยว ภายในเรียบร้อยสะอาดตา อุปกรณ์มาตรฐานครบครัน ตั้งราคาไว้ 1,524,000 บาทพอๆ กับรถเก๋งระดับหรูพิกัดเครื่องยนต์ใกล้เคียงกัน เด่นกว่าด้วยห้องโดยสารโปร่งโล่งกว้างขวางนั่งสบาย ช่วงล่างสูงกว่าเก๋ง ลุยทางวิบากเล็กๆ หรือน้ำท่วมประมาณ 1 คืบได้อย่างสบายใจ เป็นทางเลือกที่สดใหม่ที่สุดในกลุ่ม ณ เวลานี้
Credit By: www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 9 ตุลาคม 2555 กระจกไฟฟ้าเจ้าปัญหาทำ Honda CR-V Gen 2 ต้องเรียกคืนกว่า 489,000 คัน!!! http://image.free.in.th/z/ik/23bd31f...filedc111a.jpg บ้านเราอาจจะเพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆ อย่างเป็นทางการสำหรับรถยนต์อเนกประสงค์ Honda CR -V ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาด แต่ในต่างประเทศชื่อเดียวกันนี้ก็กำลงัวุ่นวาย ใน ยุโรป สหรัฐ รวมถึง แอฟริกา หลังต้องเรียกคืนรถยนต์รุ่นนี้ในโฉมปี 2002-2006 กันยกใหญ่ การเรียกคืนรถยนต์ Honda CR-V ใหม่นี้เป็นการเรียกคืน โดยสำนักงานความปลอดภัยทางหลวงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา หลังมีการสืบสวนในกรณีกระจกไฟฟ้าของรถยนต์ Honda CR-V ใหม่ ซึ่งการเรียกคืนครั้งนี้เป็นด้วยความสมัครใจของ Honda ในอเมริกา และ มีรายงานว่า รถคันนี้ถูกเรียกคืนในยุโรปด้วยตามรายงานของ Wall Street Journal กว่า 220,000 คัน รวมถึงอีกว่า 98 คันในทวีปแอฟฟริกา ต้นเหตุจองการเรียกคืนนี้ก็เนื่องมาจากการสืบสวนในเร็วๆนี้ ที่ระบุว่าสวิทช์กระจกไฟฟ้าหลักอาจเสื่อมสภาพจากการใช้งานและทำให้แรงต้านทานในสวิทช์ด้อยประสิทธฺภาพลงจนอาจจะเกิดการช๊อตได้ และสามารถเป็นต้นเหตุของไฟไหม้ได้ในที่สุด อย่างไรก็ดี ในการเรียกคืนครั้งนี้ไม่ได้มีการระบุถึงการเรียงคืนในทวีปเอเซียด้วย ซึ่งหากมีความเคลื่อนไหวใดๆ เราจะติดตามมานำเสนอกันต่อไป Credit By: Auto.sanook.com สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ข่าวสารช่วงค่ำวันที่ 10 ตุลาคม 2555
http://image.free.in.th/z/ii/mitsucampaign01.jpg
Mitsubishi Motors
ส่งข้อเสนอพิเศษ มิตซูบิชิ 'จัดให้' ไม่ต้องรอ Motor Expo 2012
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จัดหนัก จัดเต็ม ส่งข้อเสนอเด็ด 'มิตซูบิชิ จัดให้' จัดไปไม่ยั้ง ทั้งฟรีประกันภัยชั้น 1 ฟรีค่าบำรุงรักษาสูงสุด 30,000 กิโลเมตร ฟรีค่าแรง 100,000 กิโลเมตร สำหรับลูกค้าที่จอง มิตซูบิชิ ทุกรุ่น พร้อมเงื่อนไขพิเศษ ทั้งดาวน์ต่ำ ผ่อนน้อย เพิ่มมูลค่านำรถเก่าแลกรถใหม่ หรือรับบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 1.79% * และรับคืนเงินภาษีรถคันแรกสูงสุดถึง 91,000 บาท เมื่อซื้อ มิตซูบิชิ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ ที่โชว์รูมรถยนต์ มิตซูบิชิ ทั่วประเทศ
มร. โนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เผยยอดขายในเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า บริษัทฯ มียอดขายรวมอยู่ที่ 11,494 คัน เติบโตขึ้น 103.54% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ถือเป็นการทำยอดขายที่สูงกว่า 10,000 คันต่อเดือน ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ยอดจำหน่ายแบ่งออกเป็น Mitsubishi Triton 4,358 คัน เพิ่มขึ้น 20.92% จากปีก่อน กลุ่ม PPV คือ Mitsubishi Pajero Sport ยอดขาย 2,186 คัน เพิ่มขึ้น 41.86 % จากปีก่อน แบ่งเป็นรุ่นเครื่องยนต์เบนซินทั้ง 2.4 และ 3.0 ลิตร ประมาณ 400 คัน
กลุ่มรถยนต์นั่ง Mitsubishi Mirage, Mitsubishi Lancer และ Mitsubishi Lancer EX มีอัตราการเติบโตสูงสุด ยอดขายรวมอยู่ที่ 4,950 คัน เพิ่มขึ้น 886.06% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดตัว Mirage ใหม่ในปีนี้ และได้กลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลัก ที่ช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์รวมของ มิตซูบิชิ โดยรวม
"ลูกค้าส่วนใหญ่พึงพอใจในความประหยัดน้ำมัน ความคุ้มค่า และความคล่องตัวในการขับขี่ของมิราจใหม่ ซึ่งล่าสุด ทางบริษัทได้มีการจัดกิจกรรมทดสอบอัตราการบริโภคน้ำมันของรถรุ่นดังกล่าว โดยสื่อมวลชนสายรถยนต์บนเส้นทางก รุงเทพ-เชียงราย และ เชียงราย-กรุงเทพ โดยใช้ชื่อกิจกรรม 'ถังเล็กถังเดียวเที่ยวเชียงราย' ซึ่งจากการขับด้วยความเร็วเฉลี่ย 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผลปรากฎว่า มิราจซึ่งมีความจุถังน้ำมันอยู่ที่ 35 ลิตร สามารถไปถึงเชียงรายโดยใช้น้ำมันไม่ถึง 1 ถัง โดยรุ่นเกียร์ธรรมดา มีอัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ 32.81 กิโลเมตรต่อลิตร ในขณะที่รุ่นเกียร์อัตโนมัติ CVT มีอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ 28.51 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งผมเชื่อว่า น่าจะมีส่วนสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในเรื่องของการประหยัดน้ำมันของรถมิราจได้เป็นอย่างดี"
มร. มูราฮาชิ กล่าวเสริมถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายของบริษัทฯ เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเดือนตุลาคม ไปจนถึงเดือนพฤศจิกายนนี้ว่า...
"มิตซูบิชิได้เตรียมจัดแคมเปญภายใต้ชื่อ 'มิตซูบิชิ จัดให้' ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษ สำหรับลูกค้าที่ตัดสินใจจองรถยนต์มิตซูบิชิในช่วงนี้ โดยภายใต้แคมเปญดังกล่าว ลูกค้ารถยนต์มิตซูบิชิทุกรุ่นจะได้รับทั้งฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี ฟรีค่าบำรุงรักษาสูงสุด 30,000 กิโลเมตรแรก และฟรีค่าแรง 100,000 กิโลเมตร พร้อมกันนี้ยังมีข้อเสนอพิเศษสำหรับรถยนต์มิตซูบิชิแต่ละรุ่น ครอบคลุมทั้ง มิราจ, ไทรทัน, ปาเจโร สปอร์ต และ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ซึ่งมีให้เลือกทั้งดาวน์ต่ำ ผ่อนน้อย เพิ่มมูลค่านำรถเก่าแลกรถใหม่ หรือรับบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยต่ำเริ่มต้นที่ 1.79% * ในขณะที่ลูกค้าที่ซื้อไทรทัน และมิราจ ยังได้รับสิทธิ์คืนเงินภาษีรถคันแรกสูงสุดถึง 91,000 บาทด้วย"
แคมเปญ 'มิตซูบิชิ จัดให้'
สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์มิตซูบิชิ ทุกรุ่น ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2555 นี้
• ฟรี…ประกันภัยชั้นหนึ่ง Diamond Insurance นาน 1 ปี พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง
• ฟรี...ค่าบำรุงรักษาสูงสุด 30,000 กิโลเมตรแรก หรือระยะไม่เกิน 18 เดือน แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน
• ฟรี...ค่าแรง 100,000 กิโลเมตร หรือ 36 เดือน แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน (เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุในสมุดรับบริการและคู่มือการใช้รถ)
ข้อเสนอพิเศษสำหรับรถยนต์มิตซูบิชิมี
รุ่น
Mirage
- ดาวน์ต่ำเริ่มต้นที่ 38,000 บาท (เงื่อนไขเงินดาวน์ 10%)
- ผ่อนเริ่มต้นที่ 3,999 บาท (เงื่อนไขเงินดาวน์ 30% ผ่อน 84 เดือน)
- รับส่วนลดเงินคืนภาษีรถคันแรกสูงสุด 77,000 บาท (รายละเอียดตามเงื่อนไขของโครงการรถยนต์คันแรก)
Triton
- รุ่นเมกะแค็บ ข้อเสนอรถเก่าแลกรถใหม่ เพิ่มมูลค่า 30,000 บาท หรือฟรีบัตรเติมน้ำมัน 30,000 บาท ยกเว้นเมกะแค็บ CNG
- ดับเบิ้ลแค็บ รับข้อเสนอดอกเบี้ยต่ำ 1.79% * (ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน)
- รับส่วนลดเงินคืนภาษีรถคันแรกสูงสุด 91,000 บาท (รายละเอียดตามเงื่อนไขของโครงการรถยนต์คันแรก)
Pajero Sport
- ดอกเบี้ยต่ำ 1.99%* (ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน) ยกเว้นรุ่น เครื่องยนต์เบนซิน
Lancer EX
- ดอกเบี้ยต่ำ 1.99% *(ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน)
Credit By: www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 11 ตุลาคม 2555
GM & Ford
ร่วมลงทุนผลิตเกียร์รุ่นใหม่
ปัจจุบันเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะได้กลายเป็นเรื่องปกติสำหรับรถยนต์ระดับหรูไปแล้ว และกำลังจะเริ่มใช้ในรถยนต์ระดับรองลงมาด้วย ล่าสุดมีข่าวว่า จีเอ็ม และ ฟอร์ด เตรียมประกาศความร่วมมือในการพัฒนาเกียร์อัตโนมัติรุ่นใหม่ ดีไซน์พิเศษเพื่อลดอัตราสิ้นเปลืองในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้
ความร่วมมือในครั้งนี้ ไม่ใช่ความร่วมมือครั้งแรกของ 2 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการยานยนต์ เพราะย้อนหลังไปประมาณ 10 ปีที่แล้ว ทั้ง 2 บริษัทเคยร่วมมือกันในการผลิตเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยการแชร์ดีไซน์และการผลิตกัน ทำให้ ฟอร์ด ได้เกียร์รุ่น 6F และ จีเอ็ม ได้เกียร์ 6T70 ใช้ชิ้นส่วนกลไกร่วมกัน แต่แยกกันทำในส่วนของชุดอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมเกียร์
การร่วมมือกันของทั้ง 2 บริษัท จะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน ซึ่งบริษัทรถยนต์ส่วนใหญ่จะลดความเสี่ยงด้วยการจ้างบริษัทอื่นทำเกียร์ อย่างเช่น ZF และจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้ไป ส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตรถยนต์สูงขึ้น ส่วนเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ จะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานอยู่ในช่วงรอบที่มีการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่เสมอ จึงลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และลดคาร์บอนไดอ๊อกไซค์ในไอเสีย
หมายเหตุ: ภาพประกอบ เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ รหัส 8HP45 ของ ZF
http://image.free.in.th/z/ia/8speedz...smission01.jpg
Credit By: www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 12 ตุลาคม 2555
Toyota
ชี้แจงกรณีเรียก Camry, Altis, Vios และ Yaris ที่ผลิตในประเทศไทยกลับมาตรวจสอบ
http://image.free.in.th/z/iy/467500926.jpg
นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ชี้แจงถึงกรณีการเรียกรถยนต์ Toyota Camry, Toyota Altis, Toyota Vios และ Toyota Yaris ที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศไทย เพื่อนำกลับมาตรวจสอบสวิตซ์หลักที่ควบคุมกระจกไฟฟ้าด้านคนขับในรถรุ่นดังกล่าว เพื่อแสดงถึงความเอาใจใส่ และความรับผิดชอบต่อคุณภาพผลิตภัณฑ์
นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า "จากกรณีการเรียกรถดังกล่าวกลับมาทำการตรวจสอบและแก้ไขนั้น เกิดจากการที่เราได้รับแจ้งจากลูกค้าบางรายว่า สวิตซ์หลักที่ควบคุมกระจกไฟฟ้าด้านคนขับในรถยนต์รุ่นดังกล่าว บางครั้งเกิดความรู้สึกติดขัดในระหว่างการใช้งาน บริษัทฯ จึงได้ทำการตรวจสอบรถยนต์ และพบว่ามีอาการฝืดตัวของสวิตซ์หลักที่ควบคุมกระจกไฟฟ้าด้านคนขับในบางครั้งตามที่ลูกค้าแจ้ง ซึ่งสาเหตุเกิดจากการที่สารหล่อลื่นพิเศษ ที่อยู่ภายในสวิตซ์หลักที่ควบคุมกระจกไฟฟ้าของรถยนต์คันที่พบอาการฝืดตัวนั้น มีปริมาณน้อยเกินไป"
baจากการตรวจสอบครั้งนี้ พบว่า โตโยต้า ที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศไทย และเข้าข่ายต้องเข้ารับการตรวจสอบปัญหาดังกล่าวนั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 160,907 คัน ได้แก่
1 Toyota Camry 2.0L 830 คัน ที่ผลิตตั้งแต่ มีนาคม 2549 - ธันวาคม 2551
2 Toyota Corolla Altis 33,048 คัน ที่ผลิตตั้งแต่ กันยายน 2550 - ธันวาคม 2551
3 Toyota Vios 87,753 คัน ที่ผลิตตั้งแต่ ตุลาคม 2549 - ธันวาคม 2551
4 Toyota Yaris 39,276 คัน ที่ผลิตตั้งแต่ กุมภาพันธ์ 2549 - ธันวาคม 2551
"สำหรับกรณีนี้ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในด้านคุณภาพของรถยนต์โตโยต้า บริษัทฯ จะดำเนินการออกจดหมายเรียนเชิญไปยังลูกค้า เพื่อให้นำรถกลับเข้ามาตรวจสอบและแก้ไข โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป ซึ่งการเรียกรถกลับเพื่อมาตรวจสอบในครั้งนี้ ถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อคุณภาพผลิตภัณฑ์ อันเป็นมาตรฐานของบริษัทโตโยต้าในการเอาใจใส่ และรับผิดชอบต่อลูกค้า เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการใช้รถยนต์" นายวิเชียร กล่าวในที่สุด
Credit By: www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 19 ตุลาคม 2555
http://image.free.in.th/z/if/hondada...acepress04.jpg
Honda Day Live Night Race: Bossa Ska Racing
เที่ยงวันถึงเที่ยงคืน ณ ริมทะเลสาบเมืองทองธานี 17 พฤศจิกายนนี้
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และ บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด ประกาศจัดกิจกรรมรูปแบบใหม่ ที่รวมเอาความตื่นเต้นในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ สนามกลางคืน และมหกรรมคอนเสิร์ตเข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้ชื่องาน Honda Day Live Night Race: Bossa Ska Racing ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ ตั้งแต่เที่ยงวันถึงเที่ยงคืน ณ บริเวณริมทะเลสาบเมืองทองธานี
กิจกรรมดังกล่าวเป็นการรวมการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่ ฮอนด้า เคยจัด ภายใต้ชื่อ Honda Racing Fest' ที่ได้รับความสนใจจากนักแข่ง และผู้ชมมากมาย ผสานกับกิจกรรมดนตรี ทั้ง Honda Winter Fest' ต้นแบบเทศกาลดนตรีฤดูหนาวท่ามกลางขุนเขา และงาน Honda Summer Fest' เทศกาลดนตรีฤดูร้อนริมชายหาด ที่มีผู้เข้าร่วมงานมากเป็นประวัติการณ์กว่า 3 แสนคนเข้าไว้ด้วยกัน รวมเป็นจังหวะของความสนุกเร้าใจแนวใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน
ฮอนด้า สานต่อกิจกรรมในครั้งนี้ด้วยการเนรมิตดินแดนแห่งความตื่นเต้นสนุกสนาน ผสานความเร็วเร้าใจในสนามกับการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ ด้วยจำนวนรถแข่งกว่า 70 คันบนสนามกลางคืน หรือ Night Race ที่ได้มาตรฐานเต็มรูปแบบ บวกกับมหกรรมคอนเสิร์ตจากนักร้อง นักดนตรี อาทิ ปาล์มมี่, ทีโบน, ก้านคอคลับ, เจ เจตริน, ลุลา, Mocca Garden, Teddyska Band และอื่นๆ อีกมากมายตลอด 1 วันเต็ม นับเป็นครั้งแรกที่เสียงเชียร์ในสนามแข่งรถ จะดังกึกก้องหลอมรวมกับจังหวะสนุกทุกบีทในเวทีคอนเสิร์ต
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "ฮอนด้าต้องการมอบความสนุกรูปแบบใหม่ ที่ผสานสุดยอดความท้าทายที่ทุกสายตาจับจ้อง การเป็นเจ้าแห่งความเร็วในสนามแข่งรถ และสุดยอดเทศกาลดนตรีที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 2 งาน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานมากมาย เพื่อหลอมรวมเป็นความยิ่งใหญ่ในสไตล์ที่แตกต่าง ภายใต้ชื่อ Honda Day Live Night Race: Bossa Ska Racing ซึ่งฮอนด้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า กิจกรรมนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟนๆ กีฬามอเตอร์สปอร์ต และผู้ที่ติดตามเทศกาลดนตรีของฮอนด้ามาโดยตลอด ขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมสนุก ด้วยกันให้เต็มที่ในงานนี้ครับ"
ดร. ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ให้ข้อมูลด้านการจัดแข่งขันในรูปแบบไนท์เรซในครั้งนี้ว่า "การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบในครั้งนี้ ยังคงแบ่งเป็น 3 รุ่น ได้แก่รุ่น Production Car, Pro Cup 1500 - 1600 และ Pro Cup 2000 ซึ่งนับเป็นการแข่งขันในสนามกลางคืนเป็นครั้งแรก ที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยเต็มรูปแบบ จึงน่าสนุก น่าตื่นเต้น และน่าติดตามกว่าทุกๆ ครั้ง ที่ผ่านมา"
นายวินิจ เลิศรัตนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด กล่าวเกี่ยวกับการจัดคอนเสิร์ตว่า "Honda Day Live Night Race: Bossa Ska Racing ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ เป็นงานที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มีศิลปินนักร้องมากมายที่จะมามอบความสนุกที่สุด และความประทับใจที่สุด ท่ามกลางแสง สี เสียง เต็มรูปแบบ บรรยากาศสนุกสนาน และสร้างประสบการณ์ให้กับผู้เข้าชมทุกท่าน ในรูปแบบที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน งานนี้ไม่ควรพลาดครับ"
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น
• Honda Hot Laps ร่วมนั่งรถแข่งจริงในสนามการแข่งขันจริง โดยมีนักแข่งเป็นผู้ขับ สร้างความเร้าใจเหมือนการแข่งขันจริง
• Honda Pit Tour สัมผัสชีวิตจริงในการทำงานของทีมแข่งชั้นนำ และกระทบไหล่นักแข่งตัวจริง พร้อมรับของที่ระลึกจากทีมแข่ง
• Honda Performance Show ชมการขับขี่แบบผาดโผน โดยนักแข่งมืออาชีพ ที่ฝึกฝนมาอย่างชำนาญ
• Honda Car Club Village การรวมตัวของผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ฮอนด้ามากที่สุดในประเทศไทยกว่า 400 คัน
ท่านใดที่สนใจสามารถไปร่วมงานได้นะครับในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป ณ บริเวณริมทะเลสาบเมืองทองธานี เข้าชมงานฟรี!
Credit By: www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 25 ตุลาคม 2555
http://image.free.in.th/z/ix/toyotasalesreport02.jpg
Toyota
รายงานตลาดรถยนต์เดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 52.7% 9 เดือนขาย 1,000,577 คัน
นายวุฒิกร
สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์เดือนกันยายน 2555 มีปริมาณการขายทั้งสิ้น 132,874 คัน เพิ่มขึ้น 52.7% ประกอบด้วยรถยนต์นั่ง 68,282 คัน เพิ่มขึ้น 67.8% รถเพื่อการพาณิชย์ 64,592 คัน เพิ่มขึ้น 39.4% รวมทั้งรถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ จำนวน 56,282 คัน เพิ่มขึ้น 40.4%
ตลาดรถยนต์เดือนกันยายน มีปริมาณการขาย 132,874 คัน มีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น 52.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขาย 68,282 คัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 67.8% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีปริมาณการขาย 64,592 คัน เพิ่มขึ้น 39.4% เป็นผลจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดที่สูงขึ้นจากนโยบายภาครัฐ
ตลาดรถยนต์สะสม 9 เดือน มีปริมาณการขาย 1,000,577 คัน เพิ่มขึ้น 71.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่ตลาดรถยนต์ในประเทศมียอดขายมากกว่า 1 ล้านคัน ตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 72.7% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 70.3% เป็นผลจากความต้องการของตลาดรถยนต์ในประเทศที่มีอยู่สูง ประกอบกับกำลังการผลิตที่มากขึ้น สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยบวกที่สนับสนุนการเติบโตของตลาดรถยนต์
ตลาดรถยนต์ในเดือนตุลาคม ยังคงเติบโตต่อเนื่อง เป็นผลจากยอดค้างจองสะสม และความต้องการของตลาดที่เติบโตต่อเนื่อง ในขณะที่ค่ายรถยนต์ทุกค่ายได้เพิ่มกำลังการผลิต ส่งผลทำให้สามารถส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ประกอบกับการเร่งใช้สิทธิจากนโยบายรถยนต์คันแรก
Credit By: www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 26 ตุลาคม 2555
http://image.free.in.th/z/in/2013for...facelift02.jpg
Update: 2013 Ford Fiesta
โชว์ตัวรุ่นปรับโฉมตัวถังซีดานที่บราซิล
2012 Sao Paulo Motor Show กลายเป็นงานเด่นที่รวบรวมของใหม่ทั้งแบบโมเดล และไมเนอร์เชนจ์ ฟอร์ด ก็เปิดตัวรถใหม่กับเขาเหมือนกัน โดยเอารุ่นปรับโฉมของ Fiesta เวอร์ชั่นซีดานมาสัมผัสแสงไฟในงานนี้
การปรับโฉมหลักๆ เหมือนรุ่น 5 ประตูแฮทช์แบค คือกระจังหน้าใหม่ ฝากระโปรงหน้าทรง powerdome ที่ทำให้มุมมองด้านหน้าดูทรงพลังขึ้น แนวไฟท้ายปรับเปลี่ยนให้ทรงให้กินพื้นที่เข้าไปในฝากระโปรงหลังมากขึ้น ดูเฉี่ยวและลงตัวกว่ารุ่นปัจจุบันมาก ภายในแม้จะยังไม่มีภาพออกมาให้เห็น แต่ก็คงไม่แตกต่างจากรุ่นแฮทช์แบค
รายละเอียดอื่นๆ ฟอร์ด ยังไม่ปล่อยออกมาในเวลานี้ ทว่าสิ่งที่ต้องมีเพิ่มเติมเข้ามาแน่ๆ คือ ระบบ Active City Stop และเครื่องยนต์ 3 สูบ EcoBoost 1.0 ลิตร โดยในบราซิล ฟอร์ด จะเอาใจแฟนๆ ด้วยการจำหน่าย Fiesta ซีดาน พร้อมเครื่องยนต์ flex fuel ความจุ 1.6 ลิตร
http://image.free.in.th/z/is/2013for...lifteuro01.jpg
2013 Ford Fiesta
เวอร์ชั่นยุโรปทั้ง 3 และ 5 ประตู ปรับโฉม เพิ่มเทคโนโลยี
ฟอร์ด ปรับโฉมให้ซับคอมแพคท์รุ่นเด่นเจนเนอเรชั่นที่ 6 ของค่าย ทั้งตัวถัง 3 และ 5 ประตู ด้วยกระจังหน้าใหม่ลายขวาง มองดูคล้ายสไตล์ของ Aston Martin ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับที่ใช้ใน Ford Fusion/Modeo รุ่นใหม่ หรือ Ford Focus Electric โดยการเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในงาน 2012 Paris Motor Show ปลายเดือนกันยายนนี้ หลังจากนั้นจะตีตราจำหน่ายเป็นรุ่นปี 2013
นอกจากกระจังหน้าใหม่แล้ว Fiesta 2013 ยังได้รับการปรับเปลี่ยนฝากระโปรงหน้าใหม่ ติดตั้งไฟ LED day time ใหม่ โดยรวมเข้าไปอยู่ในชุดโคมไฟหน้า ส่วนไฟท้ายก็ได้รับการเปลี่ยนลวดลายเพื่อให้ได้ความรู้สึกสดใหม่รอบคันด้วย
ในส่วนเทคโนโลยีเพิ่มเติม Fiesta 2013 จะติดตั้งแพคเกจระบบ Ford SYNC, ระบบช่วยหยุดรถที่ความเร็วต่ำ Active City Stop และระบบรักษาความปลอดภัย My-Key ที่อนุญาตให้ผู้ปกครองสามารถตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดของรถไว้ที่ 128 กม./ชม. จำกัดระดับความดังของวิทยุ และเปิดระบบเสียงเตือนให้คาดเข็มขัดนิรภัยใน 5 นาทีแรกหลังจากสตาร์ท โดยทุกๆ 1 นาที จะหยุดเสียงเพลง หรือวิทยุอัตโนมัติ และมีเสียงเตือน 6 วินาที
แน่นอนว่าไฮไลท์สำคัญที่หลายคนรอคอยอยู่ที่การติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ EcoBoost 1.0 ลิตร อันทรงประสิทธิภาพ ที่คว้า 2 รางวัลใหญ่ International Engine of the Year 2012 และ Best New Engine มาครองได้ โดยล้มแชมป์อย่าง TwinAir ของ เฟียต ไปแบบไร้ข้อกังขา
อย่างไรก็ตาม สเปคข้างต้นนี้เป็นของ Fiesta เวอร์ชั่นยุโรปเท่านั้น ส่วนตลาดในภูมิภาคอื่นๆ รวมทั้งประเทศไทย ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีอะไรแตกต่างออกไปบ้าง
Credit By: www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
Aeroklas บอกได้คำเดียว "ห่วย"
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 29 ตุลาคม 2555
http://image.free.in.th/z/ij/bmw1seriesmcoupeatttec.jpg
BMW 1-Series M Coupe ปรับแต่งเพิ่ม เติมสไตล์ โดย ATT-TEC!!!
ATT-TEC จากเยอรมนีโชว์ฝีมือการโมดิฟายด์ BMW 1-Series M Coupe แบบเรียบหรูดูดีมีสไตล์
ซึ่งน่าจะถูกคอนักเลงรถชาวไทย ภายนอกโดดเด่นสะดุดตาด้วยล้ออัลลอย ADV1 5.0 TF ขนาดใหญ่ถึง 20 นิ้วหุ้มด้วยยางเกรดสูง Michelin Pilot Super Sport ทำงานคู่กับชุดช่วงล่าง KW Dynamic Damping Control ที่โหลดตัวรถให้เตี้ยลงเล็กน้อยให้พอดีกับขอบล้อ โดยสามารถเลือกโหมดขับขี่ได้สามแบบคือ Comfort, Sport และ Sport+
ในอนาคต ATT-TEC มีแผนการติดตั้งชุดแอโรพาร์ทคาร์บอนไฟเบอร์เพิ่มเติม ทั้งสปอยเลอร์หน้า ดิฟฟิวเซอร์และสปอยเลอร์บนฝากระโปรงหลัง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหน้าตาเรียบๆเช่นนี้ก็ดูหล่อเหลาไปอีกแบบ
สำหรับขุมพลังขับเคลื่อน ATT-TEC ปรับเซ็ทกล่อง ECU ใหม่ รีดพละกำลังอยู่ที่ 395 แรงม้า หากลูกค้าต้องการเรี่ยวแรงมากกว่านี้ก็สามารถเลือกติดตั้งอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ขึ้นซึ่งจะทำให้แรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 454 ตัว ขณะเดียวกัน ยังสามารถติดท่อไอเสีย Akrapovic และเซ็ทกล่องปลดล็อกท็อปสปีด V-Max ทำให้ความเร็วสูงสุดไหลได้มากกว่า 250 กม./ชม.ได้อีกด้วย
Credit By: www.autospinn.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 30 ตุลาคม 2555
http://image.free.in.th/z/id/fordran...wildtrak01.jpg
Ford Ranger Double Cab 3.2 Wildtrak
ปิกอัพพันธุ์ดุ ราคาทะลุล้าน
หลังมีโอกาสได้ทดลองขับรุ่น Double Cab 2.2 Hi-rider Wildtrak ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทีมงาน มอเตอร์ทริเวีย ก็ได้สัมผัสรุ่นสูงสุดของปิกอัพ เรนเจอร์ กับรุ่นย่อย Double Cab 3.2 Wildtrak ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ราคา 1.099 ล้านบาท คุ้มหรือไม่ที่จะจ่ายเงินเพิ่ม เครื่องยนต์ 5 สูบ 200 แรงม้าจะกินน้ำมันดุหรือไม่ อัตราเร่งเป็นอย่างไร คอลัมน์นี้มีคำตอบครับ
http://image.free.in.th/z/il/fordran...wildtrak03.jpg
รูปลักษณ์ยังไงก็ Wildtrak
ในรุ่นตกแต่งพิเศษ Wildtrak ของเครื่องยนต์ 4 สูบ 2,200 ซีซี และ 5 สูบ 3,200 ซีซี มีความแตกต่างกันเพียงไม่กี่จุด เช่น แถบพลาสติกบริเวณบานพับประตู ที่ระบุรุ่น 3.2, ขยับขนาดล้อแม็กเป็น 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18 และกล้องมองหลังติดตั้งที่โลโก้ ฟอร์ด บนฝากระบะท้าย มิติตัวถังมีความยาว 5,359 มิลลิเมตร กว้าง 1,850 มิลลิเมตร สูง 1,815 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3,220 มิลลิเมตร
เช่นเดียวกับรูปลักษณ์ภายนอก ห้องโดยสารของรถรุ่นนี้ได้รับการตกแต่งในสไตล์ Wildtrak เหมือนรุ่น 2.2 ความแตกต่างหลักๆ อยู่ที่สวิตช์ควบคุมระบบปรับอากาศของรุ่น 3.2 ที่เป็นแบบดิจิตอล ด้านข้างของคอนโซลกลางเพิ่มสวิตช์เปิด-ปิดระบบช่วยการทรงตัว, ระบบบล็อกเฟืองท้าย Real Locking Differential และระบบช่วยขับลงเนิน ข้างคอนโซลเกียร์มีสวิตช์หมุนเลือกระบบขับเคลื่อน 2H, 4H และ 4L
เบาะผู้ขับปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง พวงมาลัยเพาเวอร์ปรับสูง-ต่ำได้ แปลกใจตรงก้านบนคอพวงมาลัยที่กลับไปเป็นแบบยุโรป ฝั่งซ้ายควบคุมไฟเลี้ยวและไฟหน้า ฝั่งขวาควบคุมที่ปัดน้ำฝน ชอบใจเป็นพิเศษกับระบบกล้องมองหลังมุมกว้าง ถ่ายทอดภาพมาบนกระจกส่องหลัง มีเส้นกราฟิกกะระยะพร้อมเซ็นเซอร์กะระยะ แถมด้วยภาพกราฟิกบนจอที่คอนโซลกลางอีกด้วย ได้ประโยชน์มากกับรถคันสูงใหญ่ที่มีจุดบอดด้านหลังค่อนข้างมาก
http://image.free.in.th/z/ik/fordran...wildtrak04.jpg
เครื่องยนต์เร่งทันใจ กินไม่ดุ (มาก)
รุ่นท๊อปของเครื่องยนต์ 2,200 ซีซี Double Cab 2.2L 4x4 Wildtrak ราคา 999,000 บาท ได้ส่วนลดภาษีรถคันแรก 95,000 บาท เหลือ 904,000 บาท ส่วนรุ่นที่ทดลองขับครั้งนี้ ราคา 1,099,000 บาท แพงกว่า 195,000 บาท แม้จะเป็นจำนวนเงินไม่น้อย แต่ก็นับว่าคุ้มเมื่อเปรียบเทียบกับอุปกรณ์ที่ได้เพิ่มประมาณ 13 รายการ สิ่งที่เป็นตัวแปรลำดับต่อไปในการตัดสินใจซื้อ นอกจากค่าภาษีประจำปีของรุ่น 3.2 ที่แพงกว่าแล้วก็คือ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่หลายคนหวั่นใจกับตัวเลข 5 สูบ 3,200 ซีซี และ 200 แรงม้า
เริ่มทดสอบอัตราสิ้นเปลืองตั้งแต่รับรถช่วงบ่ายของวันเสาร์ โดยอ้างอิงตัวเลขจากชุดมาตรวัดเป็นหลัก เซต 0 ออกจากจุดรับรถที่สุขุมวิท 22 ขับไปทางพระราม 4 เพื่อขึ้นทางด่วนท่าเรือ มาลงที่ด่านถนนงามวงศ์วานต่อเนื่องถนนรัตนาธิเบศร์ สภาพการจราจรปานกลาง ไม่โล่งมากแต่ก็ไม่ติดหนึบ ระยะทาง 28.7 กิโลเมตร ความเร็วเฉลี่ย 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลือง 11.11 กิโลเมตรต่อลิตร
วันรุ่งขึ้นขับไปถ่ายรูปต่างจังหวัด ออกจากบ้านขึ้นทางด่วนเพื่อเลี่ยงรถติด การจราจรตลอดเส้นทางค่อนข้างโล่ง ใช้ความเร็วระหว่าง 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีเร่งไปถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นบางครั้ง ระยะทางเพิ่มขึ้นเป็น 168.4 กิโลเมตร ความเร็วเฉลี่ยเพิ่มเป็น 54 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองลดลงเหลือ 10.4 กิโลเมตรต่อลิตร
ระหว่างถ่ายรูปมีการสตาร์ตเครื่องยนต์เพื่อขยับรถบ่อยครั้ง และคิดว่าต้องนำรถไปทดสอบอัตราสิ้นเปลืองอย่างจริงจังอยู่แล้ว เมื่อถ่ายรูปเสร็จจึงไม่ได้สนใจอัตราสิ้นเปลืองนัก จำได้คร่าวๆ ว่าเห็นตัวเลข 10.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 9.6 กิโลเมตรต่อลิตร ขับออกจากจุดถ่ายรูปช่วงพลบค่ำ ขับตามสภาพการจราจรด้วยความเร็ว 70-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ย้อนเส้นทางเดิมและขึ้นทางด่วนกลับบ้าน ได้อัตราสิ้นเปลืองที่ทำให้แปลกใจ 7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 14.28 กิโลเมตรต่อลิตร ที่ได้ตัวเลขค่อนข้างดีเพราะใช้ความเร็วไม่สูง และไม่เปลี่ยนความเร็วบ่อยๆ
ช่วงดึกออกไปทดสอบอัตราสิ้นเปลืองอย่างเป็นทางการ โดยเซต 0 ใหม่ ขับขึ้นทางด่วนและเมื่อทางโล่งก็เร่งความเร็วไปถึง 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากนั้นอู้งานด้วยการใช้ครูสคอนโทรล ข้อดีของเครื่องยนต์ดีเซลคือ ไม่ค่อยอ่อนไหวกับสภาพเส้นทางขึ้นเนิน ลองปล่อยให้รถไต่ขึ้นทางที่ค่อนข้างชันด้วยครูสคอนโทรล เกียร์ก็ไม่เปลี่ยนลงต่ำให้แบบรถเบนซิน จึงช่วยให้ประหยัดเพิ่มขึ้นอีกนิด
เมื่อได้ขับด้วยความเร็วคงที่ อัตราสิ้นเปลืองลดลงค่อนข้างเร็วในช่วงแรก และเริ่มนิ่งเมื่อผ่าน 8.7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ก่อนหมดระยะทางที่ใช้ในการทดสอบ ได้อัตราสิ้นเปลือง 8.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือประมาณ 12.19 กิโลเมตรต่อลิตร ถ้าเป็นการขับใช้งานทั่วไป ใช้ความเร็วตามกฎหมายและไม่บรรทุกหนักมาก เฉลี่ยนอกเมืองคาดหวังได้ 10-11 กิโลเมตรต่อลิตร
http://image.free.in.th/z/ih/fordran...wildtrak05.jpg
ความเร็วบนมาตรวัด 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนเครื่องวัดอัตราเร่งแสดง 97 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และความเร็วสูงสุดบนมาตรวัดประมาณ 181-182 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่รอบเครื่องยนต์ 3,100-3,200 รอบต่อนาที ไม่แน่ใจว่าถูกจำกัดความเร็วไว้เพื่อความปลอดภัยหรือไม่ เพราะดูจากกำลังของเครื่องยนต์แล้วน่าจะไปต่อได้อีกพอสมควร
สังเกตว่าอัตราเร่งของรุ่น 3.2 จะค่อนข้างต่อเนื่องแม้ในความเร็วปลายๆ เปรียบเทียบกับรุ่น 2.2 ที่เมื่อถึงความเร็วสูงๆ ต้องใช้ทั้งเวลาและระยะทางมากในการไต่ความเร็ว
http://image.free.in.th/z/im/fordran...wildtrak06.jpg
เกียร์โหมด D และ Ds เมื่อเหยียบคันเร่งสุดจะเปลี่ยนขึ้นเกียร์สูงที่ประมาณ 3,700-3,800 รอบต่อนาที ต่างกันที่ถ้าเหยียบคันเร่งไม่สุด หรือเหยียบแล้วยก เกียร์ Ds จะยังไม่เปลี่ยนขึ้นเกียร์สูงให้ เมื่อดึงคันเกียร์มาทางขวาเพื่อใช้โหมด +/- จะไม่สามารถคิ๊กดาวน์ได้ เมื่อเปลี่ยนเกียร์ขึ้นสูงแล้วลดความเร็วลงมากๆ เกียร์จะเปลี่ยนลงให้เอง และถ้าความเร็วยังไม่เหมาะสม ก็จะไม่สามารถเปลี่ยนขึ้นเกียร์สูงได้ โดยระบบจะเตือนด้วยตัวเลขบอกตำแหน่งเกียร์กระพริบ
ลากรอบได้สูงสุดประมาณ 4,700 - 4,800 รอบต่อนาที ระบบจะไม่ตัดรอบจึงไม่มีอาการสะดุด แต่รอบจะคาอยู่ตรงนั้น ซึ่งในการใช้งานทั่วไปไม่มีความจำเป็นต้องลากรอบสูงขนาดนั้น แค่เปลี่ยนเกียร์ที่ประมาณ 2,500 รอบต่อนาที ก็ให้อัตราเร่งที่ทันใจมากแล้ว เครื่องยนต์ทำงานนุ่มนวล แทบไม่รู้สึกถึงการสั่นสะเทือนบริเวณพวงมาลัย, หัวเกียร์, พื้นรถ และเบาะนั่ง เสียงเครื่องยนต์ค่อนข้างเงียบเมื่อเข้ามานั่งในห้องโดยสาร
ช่วงล่างไม่แตกต่าง
ยังคงเป็นจุดเด่นของรถรุ่นนี้ กับช่วงล่างที่ให้ความนุ่มนวล ไม่ดีดหรือกระแทกมากนัก ให้สัมผัสที่ละเอียดเกินประเภทรถ การขับใช้งานทั่วไปจึงให้ความสบายพอตัว ขับยาวๆ ได้โดยไม่เหนื่อย และยังคงความหนักแน่นตามสไตล์รถ สามารถลุยได้อย่างมั่นคงและมั่นใจ มาพร้อมออฟชั่นเสริมอย่างระบบล็อกเฟืองท้าย ที่น่าจะถูกใจชาวออฟโรดพันธุ์แท้
ฟอร์ด เรนเจอร์ Double Cab 3.2 Wildtrak แต่งสวยดุจากโรงงาน เครื่องยนต์แรงเหลือเฟือ แต่กินไม่ดุอย่างที่คิด ช่วงล่างนุ่มหนึบหนักแน่น ออฟชั่นครบครันสมราคาเกินล้านบาท ถ้าเพิ่มความเชื่อมั่นด้านบริการหลังการขายได้อีกอย่าง น่าจะช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
Credit By: www.motortrivia.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand
-
ตอบ: Update ข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ กับ Aeroklas
ข่าวสารช่วงเช้าวันที่ 31 ตุลาคม 2555
http://image.free.in.th/z/iv/selfdrivingvolvo.jpg
Volvo เตรียมใช้เทคโนโลยีไร้คนขับในรถรุ่นปี 2014 เป็นต้นไป!!!
เทคโนโลยียานยนต์ขับขี่อัตโนมัติไม่ใช่เรื่องไกลตัวหรือจำกัดเฉพาะในภาพยนตร์ฮอลล
ีวูดล้ำอนาคตอีกต่อไปแล้ว เมื่อ Volvo ประกาศแผนการติดตั้งเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติแบบไร้คนขับในรถยนต์รุ่นใหม่ เริ่มตั้งแต่รุ่นปี 2014 เป็นต้นไป
เทคโนโลยีดังกล่าวมีชื่อว่า Traffic Jam Assistance ถูกพัฒนามาเพื่อใช้งานในช่วงการขับขี่ความเร็วต่ำ โดยผู้ขับไม่ต้องควบคุมตัวรถใดๆทั้งสิ้น แค่นั่งจิบกาแฟและอ่านหนังสือพิมพ์ ปล่อยให้ระบบควบคุมทั้งพวงมาลัย คันเร่งและเบรกอย่างอัตโนมัติที่ความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. หากผู้ขับขี่ต้องการควบคุมรถด้วยตนเองก็เพียงแค่กดคันเร่งหรือเบรกเท่านั้น
“เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้การขับขี่ในชีวิตประจำวันมีความผ่อนคลายมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องฝ่าการจราจรอันติดขัดในเมืองใหญ่ ช่วยให้เกิดความปลอดภัยและสะดวกสบายในการขับขี่ความเร็วต่ำ” Peter Mertens รองประธานอาวุโสฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ Volvo กล่าว
Volvo ระบุด้วยว่า เทคโนโลยี Traffic Jam Assistance เป็นการปฏิวัติและผสมผสานระบบการใช้เรดาร์ เทคโนโลยีกล้องตรวจจับ ระบบ Adaptive Cruise Control และ Lane Keeping Aid เข้าไว้ด้วยกัน แม้ยักษ์ใหญ่จากสวีเดนจะไม่เปิดเผยว่าจะริเริ่มใช้เทคโนโลยีนี้ในประเทศใด แต่มีความเป็นไปได้สูงว่าลูกค้าชาวอเมริกันจะได้ใช้เป็นกลุ่มแรก
Credit By: www.autospinn.com
สามารถรับชมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/aeroklasthailand