ฮุนไดคันนี้เทสครั้งแรกน้ำมันได้ 14 โลลิตร ส่วนแก๊สเหลือเชื่อ 106 กม./ลิตร ปรับปรุงอุปกรณ์จนเหมาะสมเทสใหม่อีกรอบ ดีเซล 17 กม./ลิตร ส่วนแก๊สไม่ได้วัด เด็กเติมแก๊สเขาจะว่าเอา กะประมาณสัก 80-90 กม./ลิตรก็ไม่ต้องสนใจแล้ว เติมเต็ม 58 ลิตรใช้ลืมเลย
Printable View
ฮุนไดคันนี้เทสครั้งแรกน้ำมันได้ 14 โลลิตร ส่วนแก๊สเหลือเชื่อ 106 กม./ลิตร ปรับปรุงอุปกรณ์จนเหมาะสมเทสใหม่อีกรอบ ดีเซล 17 กม./ลิตร ส่วนแก๊สไม่ได้วัด เด็กเติมแก๊สเขาจะว่าเอา กะประมาณสัก 80-90 กม./ลิตรก็ไม่ต้องสนใจแล้ว เติมเต็ม 58 ลิตรใช้ลืมเลย
สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ครับ เพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เช้าวันนี้ได้มีโอกาสเดินทางมาทำงานที่สนามบินดอนเมืองครับ เลยลองจับอัตราการกินน้ำมันดูซะหน่อย
เส้นทางก็ทางด่วนจากบางนา- ดินแดงละครับ ระยะทางทั้งหมด 38.5 กิโลเมตร เส้นทางที่เหมาะสมเป็นช่วงที่เลย
จากด่านซอย62 มาหน่อย เป็นทางที่ไม่ลาดชันครับ เหมือนเดิมทำความเร็วที่ 100 กม/ชม กดรีเซ็ท RV แล้วก็รอ
พร้อมคันเร่งนิ่งๆ ได้ผลมาที่ 24.2 กิโลเมตร/ลิตร โอว...ยังแจ่มเหมือนเดิมครับ แต่ที่ระยะต่อมา ได้เฉลี่ย 26.1 กม/ลิตรครับ วันนี้ไม่มีการหยุดนิ่ง ความเร็วที่ทำได้ค่อนข้างคงที่ รักษาระดับคันเร่งได้ตามมาตรฐานครับ
*หมายเหตุ*
ลืมเอากล้องคู่ชีพมาด้วยครับ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ของจริงตลอดมาและตลอดไปครับ
ขอข้อมูลใช้งานเน้นในเมืองหน่อยครับ ปกติใช้รอบเครื่องตามไมล์ ที่ 800-1200 รอบ(รถติดตลอดปล่อยไหลตลอดทาง) มีรอบเกินบ้างส่วนมากไม่เกิน 2000-2500 รอบ (ตอนออกตัวถนนว่าง)
*อันนี้ในเมืองแท้ๆครับ รถติดแบบมหาโหดเลยครับ ข้อมูลอยู่หน้าที่ 10 ครับ*
ได้ข้อมูลการเติมน้ำมันจากน้ากาโม่แล้วครับ วิ่งใช้งานทั่วไปทั้งในเมืองและนอกเมืองในรอบวันที่ผ ่านมา ได้ระยะทางตาม Gps 260 กิโลเมตร เติมน้ำมันไป 15.77 ลิตร เฉลี่ยการสิ้นเปลือง 16.487 กม./ลิตร คิดเป็นจำนวนเงินที่ 1.69 บาท/กิโลเมตร (ราคาน้ำมันลิตรละ 27.89 บาท) และมีค่าแก๊ส ประมาณกิโลเมตรละ 98 สตางค์ (ค่าอาจสูงไปนิดเพราะเด็กเดิมแก๊สอัดจนเต็มซึ่งก่อนห น้านี้เราเติมแค่วาวล์ตัดเท่านั้น) ดังนั้นค่าใช้จ่ายรวมจะอยู่ที่ 2.67 บาท/กิโลเมตร ซึ่งเทียบจากข้อมูลเดิมน้ากาโม่มีค่าการสิ้นเปลืองที ่ 7.5-8 กม./ลิตร เท่ากับ ประมาณ 3.71 บาท/กิโลเมตร ดังนั้นลดค่าใช้จ่ายไป 1.04 บาท/กิโลเมตร ส่วนเรี่ยวแรงที่เพิ่มขึ้นจากเดิมมากคือของแถมครับ แต่ถ้าคิดตามระยะทางที่วิ่งจริงจะได้ค่าที่งามกว่านี ้อีกครับ เพราะระยะจาก Gps จะแก่กว่าระยะจริงของรถเดิมๆอยู่ประมาณ 3.5 % ครับ ส่วนน้ากาโม่ปรับลดแก๊สลงอีกนิดนะครับ มันประหยัดไปหน่อย เอาแค่ในเมืองสัก 14-15 โลลิตรก็พอครับแต่ถ้าทางไกลน่าจะประมาณ 18 ได้ เอาแค่พอประมาณพอครับ.......
ประหยัดขึ้นเกือบเท่าตัวเลยนะนั่น เดิม 7.5-8 กม/ลิตร ติดตั้งแล้วได้ 14-15 กม อย่างนี้ของผม ตัว 116 เดิมวิ่งอยู่ 12-13 กม หากติดตั้งแล้วก็น่าจะได้อยู่แถวๆ 20 กม/ลิตร ใช้งานในเมือง ถูกต้องหรือป่าวครับ ถ้าใช่อาทิตย์หน้าผมจะนัดเพื่อติดตั้งเลยครับ
ว่าแต่ยังไม่มีข้อมูลของ Desel-Hydrogen บ้างหรือครับ
น้า wutt ติดต่อโดยตรงที่ อ.ต้นเลยครับ ได้ข้อมูลแบบเนียนๆเลยครับ :kapook-17195-8823:
hho ผลิตได้กี่ลิตร/นาที ครับ
ที่เคยทำตัวทดสอบในรุ่นแรกๆขนาด 4x5 นิ้ว กระแสไฟ 15 Amp. สามารถผลิตได้ 1.3 ลิตร/นาที แต่ปัจจุบันพัฒนาเซลที่สามารถผลิตได้มากพอต่อการใช้งาน แต่ใช้กระแสเพียง 7-8 Amp. ครับ แต่สิ่งที่จำเป็นที่สุดวิธีการนำไปใช้กับเครื่องยนต์เท่านั้น ถ้าเน้นเรื่องปริมาณการผลิตก็จะพบกับทางตันครับ ถ้าไม่เชื่อลองผลิตสัก 1 ลิตร/นาที แล้วนำมาใช้กับไทรตั้นดูแล้วท่านจะทราบว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเลยครับ....
ตามที่ผมเข้าใจ แสดงว่า Oxy-Hydrogen เป็นตัวเสริมยอด แต่ยังใช้แทน แก๊ส อย่างเดียวไม่ได้ไม่ได้
สวัสดีครับ เพื่อนสมาชิกผู้แสวงหาพลังงานทดแทนที่รักทุกท่าน
เมืื่่อวาน(10 มิถุนายน 2510)ได้มีโอกาสนำเจ้าตั้น ออกวิ่งทางยาว ย้าว ยาว เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ติดตั้ง พลังงานแก๊สมาได้เกือบ 2 เดือน
ประสิทธิภาพที่ได้ ยอมรับกันไปเลยครับว่า คิดไม่ผิดเลยที่หันมาคบกับแก๊สแบบร่วมกับดีเซลครับ
อัตราเร่ง รอบมาตามเท้าเลยครับ ขากลับจากโคราช ช่วงขึ้นเขา ทางชันหน้าที่เราก็เพียงกดเท้าลงไปแผ่วๆเท่านั้น
รถของเราก็จะทะยานไปตามที่ใจปรารถนาเลยเชียว แซงไล่เก็บทีละคันๆ ในช่วงที่การจราจรคับคั่งทำได้ดี เกียร์ไม่ต้องกด Overdrive เลยครับ ใจอยากไปอย่างไร รถก็ไปได้อย่างที่ต้องการเลยเชียว อัตราการบริโภคน้ำมัน
เติมเต็มถึงตั้งแต่เมืื่่อวานตอนแข่งแรลลี่ ที่ปั๊มบางจากริมทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา (ซอยสุคนธสวัส)
จนมาถึงวันนี้วิ่งไปแล้ว 736.3 กิโลเมตร ซึ่งปรกติที่ผมเปรียบเทียบระยะทางกับ GPS จะต้องบวกระยะทางจริงเพิ่มไปอีก ประมาณ 100 กิโลเมตรละ 10 กิโลเมตรครับ ฉนั้นระยะทางจริงๆ ที่วิ่งน่าจะเป็น =736.3 + 10%
จะได้ระยะทางจริงๆ ที่ยังไม่เปลี่ยนยาง = 809.93 กิโลเมตรครับผม และยังเหลือน้ำมันในถังอีก 1 ขีด จะพารถวิ่งไปได้อีก 140 กิโลเมตร (ยังไม่ได้บวกเพิ่มอีก 10% ครับท่าน)
จะเห็นได้ว่าได้ระยะทาง ประมาณ 1000 กิโลเมตรต่อน้ำมัน 1 ถังกันเลยเชียวครับ คุ้มครับ ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรแล้วครับ มาชมรูปถ่ายกันดีกว่าครับ
อันนี้ที่ความเร็ว 100 กม/ชม ความเร็วนี้หลังจากที่ได้ทำความเร็ว 171 กม/ชม มาหมาดๆครับ สังเกตุมาตรวัดตัวบน
Gps นะครับ
ภาพต่อไป เป็นภาพที่ผมได้แจ้งไว้ข้างบนนะครับ ถึงอัตราการบริโภคน้ำมัน กับระยะทางที่วิ่งได้ต่อการใช้น้ำมัน 1 ถังครับ ดูเวลาที่หน้าปัดนะครับ เป็นจุดสุดท้ายที่บ้านผมเองครับ
ถ้าจะเปรียบเทียบกับสมัยหนุ่มๆ ที่ยังไม่ได้ติดแก๊สนะครับ
น้ำมัน 1 เต็มถัง Rv จะคำนวณได้ 610 กม + อีก 10% จะได้ระยะทาง = 671 กมครับ
ปัจจุบัน ณ วันนี้ วิ่งไปแล้ว 736.3 + 10% = 808.93 กิโลเมตร แต่ยังมีน้ำมันวิ่งได้อีก 140 กม
ตกลงว่าผมจะรอให้น้ำมันถังนี้ขึ้นไปเตือนหรือว่าใกล้เคียงหมดถังมากที่สุด แล้วจะมาอัพเดทนะครับ
ซึ่งปรกติที่ผมเปรียบเทียบระยะทางกับ Gps จะต้องบวกระยะทางจริงเพิ่มไปอีก ประมาณ 100 กิโลเมตรละ 10 กิโลเมตรครับ ฉนั้นระยะทางจริงๆ ที่วิ่งน่าจะเป็น =736.3 + 10%
น้ากาโม่ หมายความว่า 100กม. จริง วิ่งได้ 90กม.ถึง+10กม. ได้เต็ม 100 กม.หรือ
100 กม.จริง วิ่งได้ 110 กม.ครับ
รถผม เติมเต็มถัง Rv จะขึ้นวิ่งได้ 1200 กม. ครับ
อีซูซุ 2800 4x4 คันนี้ติดแบบเต็มอ็อปชั่นครับ 1.ชุดเซฟพลัสดีเซล ซึ่งมีตัวเพิ่มความร้อนน้ำมันดีเซลก่อนเข้าหัวฉีด และ ตัวเพิ่มอ๊อกซิเจนให้กับอากาศที่ดูดเข้าไป 2.ชุดผลิต Oxy-Hydrogen ที่ทำงานสูงสุดที่ไม่เกิน 15 Amp. ส่วนรอบเดินเบาประมาณ 4.5-5 Amp. 3. ติดตั้ง LPG เข้าไปอีกโดยใช้ถังขนาด 25 ลิตรวางใต้รถแทนยางอะไหล่ หม้อต้ม Shap ตัวเก่งครับ ตั้งเป้าให้ได้ 17-18 โลลิตรครับ เพราะเคยทำเครื่องตัวเดียวกันแต่เป็น 4 ล้อเล็กบรรทุกของได้ถึง 17 โลลิตรมาแล้วโดยไม่มีชุดผลิต Oxy-Hydrogen ปรับจูนแบบคร่าวๆในครั้งแรก กดคันเร่ง 1500 รอบนิ่งๆแล้วเปิดระบบปรากฏว่ารอบขึ้นไปถึง 2500 รอบ ซึ่งแรงไปมากสำหรับการปรับจูนแก๊ส จึงต้องเปลี่ยนอุปกรณ์คุมเก๊สใหม่ให้จ่ายน้อยกว่านี้อีก ก็ได้ดังคาดครับ ในครั้งที่สอง รอบเครื่องขึ้นมาแค่ 2000 รอบต่อนาที ในขณะที่เราได้ทำการลดน้ำมันไว้แล้ว ลองเปิดแอร์แล้วขับรอบหมู่บ้าน คันเร่งเบามากกดนิดเดียวพุ่ง ไม่มีเสียงแกร๊กของเครื่อง และไม่มีกลิ่นแก๊สออกท่อไอเสียครับ เอาไว้รอผลความประหยัดครับ อาจใช้เวลาสักหน่อยเพราะ Oxy-Hydrogen เป็นตัวแปรสำคัญมาก ถ้าปรับจนพอดีมันจะประหยัดทั้งน้ำมันและแก๊สและได้กำลังเครื่องยนต์ที่ดีมากครับ
ฝาสีฟ้าเป็นถังน้ำสำรองของชุดผลิต Oxy-Hydrogen ครับ มีเซฟพลัสและหม้อต้มแก๊สซึ่งติดตั้งไว้ใกล้ๆกัน
เซลล์ผลิตไว้กันชนหน้าครับเพื่อระบายความร้อนได้ดี ระยะการเปลี่ยนน้ำนานขึ้นอีกเยอะเลย
ชุดลีเลย์และตัวบอกโวลล์-แอมป์ พร้อมตัวดักน้ำก่อนเข้าเครื่องยนต์
ถังแก๊สติดตั้งแทนยางอะไหล่ครับ
อ๋อ น้าบอกไม่ละเอียดครับ คือว่า จากการที่จับระยะทางเปรียบเทียบกัน ระหว่างไมล์ติดรถ กับเครื่อง GPS จะพบว่า ระยะทางที่วัดได้จะมีความแตกต่างกันครับ กล่าวคือถ้าไมลฺ์รถวิ่งได้ระยะทาง 100 กิฺโลเมตร (ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ารถที่เปลี่ยนขนาดยางเพิ่มขึ้น จากเดิม เป็น 265/75/16 นั้นจะทำให้ไมล์เพี้ยนไปจากเดิม) แต่ระยะทางที่วัดได้จาก gps จะวัดได้จริงคือ 110 กม ครับผม
สุดยอดกันจริงๆครับ
ครับผม เพื่อให้เป็นข้อมูลกับเพื่อนสมาชิกทุกท่านครับ จริงอยู่ที่ว่าตอนนี้น้ำมันยังไม่แพงนัก
ยังประมาณ 3 ลิตร 4 ลิตร 100 บาทครับ ยังไม่ต้องติดตั้งแก๊สหรือหาเชื้อเพลิงอื่นๆมาใช้กัน
แต่อีกไม่นาน ในอนาคต วัฏจักรของน้ำมัน ก็จะต้องหมุนกลับมาที่ลิตรละเกิน 30 บาทแน่นอน
ผมก็ถือคติว่า เตรียมตัวให้พร้อมแต่เนิ่นๆ เพราะถ้ารอให้ถึงเวลานั้นแล้ว บรรดาค่าอุปกรณ์ที่ใช้ในการติดตั้ง ต้องเพิ่มราคากันแน่ๆครับ
****เมืื่อวานได้ลงข้อมูลขาดหายไปหน่อยครับ คือว่าในตอนที่ขับรถขึ้นเขาใหญ่นั้น ผมได้ปิดระบบการใช้แก๊สครับ เพราะว่าเราวิ่งกันช้าๆ และเป็นขบวนครับ ถ้าเปิดใช้แก๊สแล้วเวลาที่มันเพิ่มรอบขึ้นมา จะต้องใช้เบรคมากน่ะครับ แต่ก็ช่างบังเอิญเสียเหลือเกินที่ แก๊สก็หมดถังไปซะในตอนนั้นด้วยพอดี***
สรุปก็คือแก๊สหมดตั้งแต่ตอนขึ้นเขาใหญ่แล้วครับ เพราะฉนั้นระยะทางการที่ได้จะเป็น 8 กิโลเมตรต่อลิตรเหมือนเดิมครับ และหลังจากที่เสร็จกิจกรรมแล้วก็ได้ขับรถต่อไปที่ อ.สีคิ้วครับ และก็แวะเติมแก๊สระหว่างทางก่อนถึงวัดหลวงพ่อโตครับ ระยะทางที่วิ่งด้วยน้ำมันทั้งหมดก็ประมาณ 100 กิฺโลเมตรน่ะครับ ดังนั้นที่สุดแล้ว ระยะทางรวมที่ผมลงไว้ที่ 736.3 กม ก็น่าจะเป็น 800 กว่ากิโลเมตรไปแล้วนะ แล้วก็ต้องบวกด้วย 10% เข้าไปด้วย น่าจะได้ระยะทางจริงก็เกือบพันกิโลเมตรแล้วแหละ แต่ก็อย่างว่าข้อมูลแบบนี้ ทำให้งงงันกันไปได้....................
@@@ผมก็เลยมีความคิดที่จะจัดทดสอบวิ่งระยะทางสัก 300 - 500 กิโลเมตรดูสักที และหาอัตราการใช้น้ำมัน + แก๊ส ที่ใช้ไปจริงๆ จะได้เป็นข้อมูลที่ชัดเจนครับ และผมก็มั่นใจเกินร้อยครับ ว่าต้องได้ความประหยัดในระดับที่พอใจแน่ๆ อดใจรอชมกันนะครับ หรือว่าเพื่อนสมาชิกท่านใดจะร่วมเดินทางไปด้วยกัน จะยินดีมากเลยครับ :kapook-17195-8823:
ต่อไปข้างหน้าจะมีแต่ B5
ถูกต้องครับน้า ฉนั้นตอนนี้ถ้าใครยังไม่กล้าใช้ B5 ก็ใช้ได้แล้วนะครับ ของผมไ้ด้เติมตั้งแต่ตอนที่บางจากออก B5 มาแรกๆเลย ตอนนั้นทางคลับเรา โดยป๋าอลงค์กรณ์ ได้จัดทริปคาราวานไปลาวใต้กัน
โดยมีทางบางจากเป็นผู้สนับสนุนน้ำมัน B5 ให้กับรถไทรทั่น ได้ทดสอบการใช้น้ำมันกันครับ
และผมก็ใช้ B5 มาตั้งแต่บัดนั้น จนถึงบัดนี้ครับ ไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับเครื่องยนต์เลย
เมื่อวันอาทิตย์นี้เสร็จงานไปอีก 1 คันสำหรับ ไทรตั้น Cab 116 แรงม้า ซึ่งผลการทดสอบในครั้งแรกทำได้ดีเหมือนทุกครั้ง คือที่ความเร็ว 100 กม./ชม. ตำแหน่งคันเร่งที่อ่านจากสมาร์ทเกจจะอยู่ที่ 36 - 18 ซึ่งผมใช้ค่านี้เป็นค่าที่ดีที่สุดมาตลอด ซึ่งปกติรถเดิมๆที่ความเร็ว 100 ตำแหน่งคันเร่งจะอยู่ที่ 41 ตัวเลขยิ่งน้อยยิ่งดีครับคือเรากดคันเร่งน้อยน้ำมันก็จ่ายน้อยครับ แต่วันนี้ลองอะไรใหม่ๆอีก เริ่มจากเปลี่ยนค่าการปรับลดน้ำมันใหม่ แล้วปรับจูนแก๊สจนได้ความรู้สึกว่าเบาหวิวที่สุด และแล้วค่าใหม่ที่ดีที่สุดที่ทำได้ก็เปลี่ยนไปครับ 34 - 16 เป็นค่าที่นิ่งด้วยบางครั้งลงไปถึง 33 ผมลองใช้ระยะทางไม่น้อยกว่า 20 กิโลเมตรทั้งวิ่งไปและกลับเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีตัวแปรอื่นเช่นลมหนุนหลังมาช่วยดัน ก็ยังคงทำได้โดยตลอด จากนั้นลองออกตัวแรงตั้งแต่เกียร์ 2,3 ลากรอบไปจน 4200 รอบ/นาที เพื่อทดสอบดูว่ามีเสียงเขกของเครื่องยนต์หรือเปล่า ผลก็เงียบปกติเหมือนเคย ตอนนี้รอผลการใช้งานของเจ้าของรถอีกทีครับ
หม้อ shap เหมือนเดิม ส่วนสายไฟเข้ากล่องเก็บเรียบร้อยดีกว่าเดิม
จุดเข้าแก๊สและสายมาเข้าทางด้านหน้าครับเพื่อหนีความร้อนของเทอร์โบ
ขอบคุณคับอาจารย์ต้นที่ให้ความรู้ จากไม่เคยมี ก็มี (ความรู้) แล้วผมจะไปใช้บริการ ผมแจ๊ค คับ อาจารย์
อยากติดมากๆ แต่รถยังไม่หมดประกัน ใช้ไป 3 หมื่นกว่าโลเอง (หรือจะไม่รอให้หมดประกัน ลุยไปเลยดีกว่า) ตัดสินใจยากมากๆครับ เพราะแต่ละอาทิตย์ใช้รถเป็น พันๆโล แต่ละเดื่อนค่าน้ำมัน บานเลย.....
ระยะทางที่วิ่งจนไฟเตือนขึ้นหน้าปัด เติมน้ำมัน (@26.79 บาท)
871.8 กม (ทุกๆ 100 กม ต้องบวกระยะทางเพิ่มอีก 10 %) 1750 บาท = 65.32 ลิตร
เนื่องจากไมล์รถจะขึ้นจำนวนกิโล น้อยกว่า GPS
จะเป็นระยะทางจริง = 958.98 กิโลเมตร
คำนวณได้ระยะทาง/ลิตร
958.98/65.32 ได้ระระยะทาง ต่อน้ำมัน 1 ลิตรคือ 14.68 ครับ
คิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อ 1 กิโลเมตรได้ 1750 / 958.98 ได้ กม.ละ 1.82 บาท
เปรียบเทียบกันการใช้งานก่อนติดแก๊ส
รถคันนี้มีอัตราการใช้น้ำมันที่ 8 กิโลเมตร / ลิตรครับ เป็นข้อมูลให้รับทราบถึง
ความประหยัดที่ได้มา หลังใช้แก๊สมาเป็นพลังงานร่วมครับ
นำค่าน้ำมันที่เติมวันนี้มาเป็นตัวตั้ง
65.32 x 8 จะได้ระยะทางตามหน้าปัดรถ 522.56 กิโลเมตร
แต่ต้องบวกเพิ่มอีก 10% ฉนั้นจะได้ระทางจริง 574.81 กิโลเมตรครับ
คิดเป็นค่าน้ำมันต่อกิโลเมตรได้เท่ากับ 1750 / 574.81 = 3.04 บาทต่อกิโลเมตร
*หมายเหตุ*
ส่วนเรื่องการใช้แก๊ส ว่าเป็นเท่าไหร่นั้น ขอติดไว้ก่อนนะครับ รอผลชัดๆ
และไม่ผิดพลาดนะครับ เนื่องจากปั๊มแก๊สแต่ละที่ที่เข้าไปเติม ระยะทางวิ่งเท่าๆ
กัน แต่ไม่เคยเติมแก๊สเท่ากันเลยสักที่เดียว ขอหาวิธีก่อนครับ :smiley-transport020
จากรูปแรกนี้ ผมวิ่งจนผลการแสดงน้ำมันที่จอ RV ไม่ขึ้นอีกแล้วเป็นจุดไข่ปลาเลย.......
ระยะทางที่วิ่งมาทั้งหมด ตั้งแต่น้ำมันเต็มถังจนขึ้นไฟโชว์ครับ (เป็นครั้งที่ 2 ในรอบเกือบ 5 ปีที่ใช้รถคันนี้มา ไม่เคยใช้รถจนน้ำมันเหลือแค่นี้มาก่อนครับ) และก็อย่างที่บอกไว้นะครับ ระยะทางในไมล์รถคันนี้ ต้องบวกเพิ่มระยะทางจริงที่หดหายไป จากการใช้ยางรถที่มีขนาดเส้นรอบวงเพิ่มขึ้นนั่นเอง
หยอดน้ำมันจนถึงคอถังกันไปเลยครับ บางจาก B5 ยูโร 4 ตัวใหม่ซะด้วย
หลังเติมเสร็จ Rv ก็คำนวณระยะทางที่จะวิ่งได้ จากการเติมน้ำมันในครั้งนี้ครับ
657 กิโลเมตรตามหน้าจอนะครับ เดี๋ยวตอนท้าย ผมจะเปรียบเทียบเครื่องมือวัด
ระยะทางให้ดูครับ
สุดท้ายมาว่ากันด้วย อุปกรณ์ในการวัดระยะทางที่ผมใช้ในการวัดค่านะครับ
มีด้วยกัน 3 อย่างด้วยกัน
1.ไมล์ติดรถ หลังจากวิ่งจากปั๊มน้ำมันมาถึงที่ทำงาน ตอน 11.38 น.
ได้ระยะทาง 17.5 กิโลเมตรครับ (อันนี้เป็นคำตอบให้เพื่อนสมาชิกได้ทราบกัน ณ ที่นี้เลยว่าทำใมผมถึงต้อง บวกระยะทางเพิ่มเข้าไปในผลการทดสอบอีก 10%)
2.เครื่อง Gps โดยอุปกรณ์ตัวนี้ ให้ระยะทางที่ตรงที่สุดในบรรดาอุปกรณ์ ทั้ง 3 ที่ผมใช้วัดครับ
ระยะทางที่วิ่งมา 18.4 กิโลเมตรครับ ฉนั้นต่อไปนี้ผมจะอ้างอิง แต่เครื่อง Gps อย่างเดียวครับ ไม่มาพูดถึงว่า ต้องบวก 10% อะไรให้วุ่นวายแล้วครับผม...
3.จอ Rv อุปกรณ์ที่ให้มากับรถคันนี้ จะคำนวณค่าต่างๆมาให้ผู้ใช้รถได้ทราบ พอเป็นข้อมูลเบื้องต้น
จะเห็นว่า ระยะทางได้ยุบลงไปแค่เพียง จาก 657 เหลือ 644 กิโลเมตร = 13 กิโลเมตรเท่านั้นเองจากการวิ่งที่จุดเดียวกันกับขัอ 1
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ ระยะทางที่แจ้งไว้ตอนเต็มถังว่าจะวิ่งได้ 657 กม.ถ้ารถคันนี้จะวิ่งได้เกิน 800 กม.ในความเป็นจริงครับ
http://i356.photobucket.com/albums/o...07522Large.jpg
สรุปอีกทีนะครับ น้ำมันในถังที่ขึ้นไฟเตือนน้ำมัน พอผมไปเติมเต็มถัง จะเติมเข้าไป 65.32 ลิตร หมายความว่าแม้จะขึ้นไฟเตือนแล้วก็ตาม แต่ยังคงมีน้ำมันเหลือในถังอีกประมาณ 10 ลิตรเลยนะครับ เพราะถังน้ำมันไทรทั่นความจุ 75 ลิตรครับ
ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกทุกท่านที่ติดตามครับ
วันนี้ช่วงหัวค่ำได้ลองปรับสัดส่วน LPG/Oxy-hydrogenใหม่ครับแต่ระดับการลดน้ำมันยังคงเดิม ผลออกมาน่าพอใจอีกแล้ว ตำแหน่งคันเร่งดีที่สุดทำได้ 34-17 เป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร พอขึ้นสะพานลองใหม่ได้ 35-17 ซึ่งสองค่านี้ระยะคันเร่งห่างกันไม่น่าเกิน 2 มิลลิเมตรครับ ขับลองเป็นระยะทางยาวๆแล้วปรับการผลิต Oxy-Hydrogen ให้ได้จุดที่พอดีมากที่สุดครับ ผลครั้งนี้ผมจะปรับการผลิตใหม่ให้ใช้น้ำเปล่าอย่างเดียวโดยไม่ต้องเติมสารใดๆ ครับ
ส่วนค่าความประหยัดที่ผมใช้งานเปรียบเทียบระหว่างดีเซลกับ Oxy-Hydrogen เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมามีดังนี้ครับ
1.วิ่งดีเซลอย่างเดียวใช้งานในเมืองและนอกเมืองกินน้ำมัน 11.90 กม./ลิตร
2.ดีเซล+Oxy-Hydrogen ปรับการทำงาน 3 ระดับ(ไม่มีกล่องคุมน้ำมัน) 11.35 กม./ลิตร
3.ดีเซล+Oxy-Hydrogen ระดับการทำงานคงเดิมแต่มีกล่องปรับลดน้ำมันให้เหมาะสม 13.56 กม./ลิตร
อัตราความประหยัด +- สัก 5% มีเร็วบ้าง ช้าบ้าง รถติดบ้าง ตามการใช้งานจริง ถ้าทุนเหลือๆจะจัดวิ่งทดสอบแบบห้องทดลองกันเลยแต่ตอนนี้ ประมาณนี้ไปก่อน
การเปลี่ยนแปลงของรถที่ใช้ทดสอบ ผมเปลี่ยนยางจาก 245/75 r 16 เป็นขนาด 245/70 r 16 เมื่อเทียบกับ GPS ที่ความเร็ว 125 กม./ชม.
ความเร็วที่รถ 130 กม./ชม.ครับ ซึ่งก่อนเปลี่ยนยางความเร็วเท่ากับ GPS แต่ระยะทางรวมจะน้อยกว่า GPS ครับ แต่ตอนนี้ระยะทางจะเท่ากับความจริงมากที่สุด แต่ในความรู้สึกผมว่าใส่ยางใหญ่ดีกว่านะ พอดีกับแรงของไทรตั้น ช่วงเทอร์โบบูทแล้วกดคันเร่งทันทียางใหญ่ให้ความรู้สึกพุ่งดีกว่าครับ ไม่เป็นไรรอบหน้าเจอแน่ 265/75 R 16 เผื่อจะแรงเท่ารถน้ากาโม่