เทคนิคการเติมน้ำมันให้คุ้ม!!!

ขออภัยถ้ามีคนเอามาลงแล้ว ผมเอามาลงซ้ำ นะครับ..เห็นว่ามันน่าจะดีก็เลยCoopy เลยเอามาลงให้อ่านกัน

เทคนิคการเติมน้ำมัน
จงเติมน้ำมันตอนเช้าขณะที่อุณหภูมิบนพื้นดินยังเย็นอยู่
อย่าลืมว่าปั๊มน้ำมันทุกแห่งมีถังน้ำมันฝั่งอยู่ใต้ดิน เมื่อพื้นดินยิ่งเย็น
น้ำมันยิ่งควบแน่น เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น น้ำมันก็จะขยายตัวตาม
ดังนั้น หากเติมน้ำมันช่วงบ่ายหรือเย็น คุณจ่ายค่าน้ำมัน 1 แกลลอน
แต่ได้มาไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย

ธุรกิจค้าน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นน้ามันเบนซิน ดีเซล น้ำมันสำหรับเครื่องบิน
เอทานอล หรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ อุณหภูมิและความถ่วงจำเพาะ
มีบทบาทสำคัญ อุณหภูมิเพิ่มขึ้นเพียง 1 องศา หมายถึงเงินมหาศาลในธุรกิจนี้
แต่ปั๊มน้ำมันไม่มีการชดเชยอุณหภูมิให้ลูกค้า

2.ขณะเติมน้ำมัน อย่าให้เด็กปั๊มตั้งหัวฉีดอยู่ในตำแหน่งไหลเร็ว
(ในอเมริกาเจ้าของรถต้องลงมือเติมเอง)
หากคุณสังเกต จะเห็นว่ากลไกเหนี่ยวมี 3 ระดับ คือ low, middle, และ high
เมื่อตั้งในระดับไหลช้า จะเกิดไอระเหยของน้ำมันน้อยที่สุด
หากตั้งในระดับไหลเร็ว น้ำมันบางส่วนจะกลายเป็นไอระเหย
และถูกสูบย้อนกลับไปยังถังใ้ต้ดิน นั่นหมายถึงคุณจ่ายเงินมากกว่าที่ควร

3.เคล็ดลับอีกอย่างคือ ควรเติมน้ำมันเมื่อน้ำมันในรถเหลือครึ่งถัง
(แหล่งข้อมูลบางแห่งแนะนำว่า เติมน้ำมันแค่ครึ่งถังก็พอ
จะได้ลดน้ำหนักบรรทุกและประหยัดน้ำมัน ทั้งนี้และทั้งนั้น
ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณตัดสินเอาเองก็แล้วกัน?หมายเหตุผู้แปล)
เหตุผลคือ น้ำมันบรรจุในถังยิ่งมาก เนื้อที่ว่างสำหรับไอระเหยก็ยิ่งน้อย
เพราะน้ำมันระเหยเป็นไอเร็วกว่าที่คุณคาดคิด
ในคลังเก็บน้ำมันจะมีอุปกรณ์ภายในถัง ทำหน้าที่เป็นเพดาน
ลอยขึ้นลงตามระดับน้ำมัน ทำให้ไม่มีช่องว่างระหว่างน้ำมันกับอากาศ
ลดไอระเหยของน้ำมันให้น้อยที่สุด รถขนส่งน้ำมันเมื่อมาบรรทุกน้ำมัน
จึงเติมได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ผิดกับที่ปั๊มน้ำมันซึ่งไม่มีการชดเชยอุณหภูมิ

4. ข้อเตือนใจอีกข้อหนึ่ง
ขณะที่คุณขับรถเข้าปั๊มถ้าเห็นรถบรรทุกกำลังถ่ายน้ำมันเข้าสู่ถังเก็บใต้ดิน
จงอย่ารีบร้อนเติมน้ำมันช่วงเวลานั้น เพราะตอน "ลงของ" สิ่งแปลกปลอม
ซึ่งปรกติจะตกตะกอนอยู่ใต้ถัง ถูกปั่นป่วนจนลอยตัว
หากคุณเติมน้ำมันช่วงเวลานั้น อาจมีโอกาสดูดเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่รถคุณได้

อืมมม มีประโยชน์ดีคับ ขอบคุณคับ

ขอบคุณคร้าบ....

โอ้ว ข้อมูลดีมากเลยครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี สำหรับผม และสมาชิกทุกท่านด้วยครับ

สุดยอดครับ

ขอบคุณข้อมูลดีๆครับ

ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูลดีๆ ขอบคุณๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ขอบคุงมากครับ

จั่งซี่ขั่นแม่นเฮาสิเติมเต็มถังกะไปเติมจั๊กตอนตี 2 กะสิได้หลายกว่าเก่าแม่นบ่ (หาเรี่ยงออกจากบ้านสั่นแหล่ว555)

ขอบคุณครับที่แบ่งบัน

ขอบคุณ สำหรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ดีๆครับ จากที่อ่านแล้วทำได้ทุกข้อครับแต่ ข้อ2เวลาเราก่อนเติมน้ำมันบอกเด็กปั๊มให้ตั้งแบบLowใช่ใหมครับ ขอบคุณครับ

Like !!

ขอบคุณคับกับข้อมูลดีๆ

ชอบๆครับ

ตื่นเช้าแล้วนัดสมาชิกในคลับไปเติมน้ำมันกันจะได้เป็นการพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไปในตัวแถมประหยัดอีกด้วย

-ขอบคุณครับ ข้อมูลแจ่ม

ขอบคุณครับ

ขอบคุณคร้าบบบ
นั้นก่อนเข้าบ้านต้องเติมซะก่อน.....อิอิ

ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลดีๆ

ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลดีๆๆๆ

ข้อมูลดีมากครับ

น้ำมัน Diesel มีความน้ำหนัก = 850 kg/m3 (ที่ 15 C)
และให้พลังงาน = 43 MJ/kg

สมมติเติมน้ำมันเที่ยงวัน (30 C) จากตาราง Volume Correction จะมีน้ำหนัก = 0.9873 x 850 = 839.205 kg/m3 ให้พลังงาน = 43 x 839.205 = 36,085 MJ/kg
เติมน้ำมัน 60 ลิตร ได้น้ำมัน 50.35 kg หรือ 39.33 บาท/kg ได้พลังงาน 2,165 MJ หรือ 0.915 บาท/MJ

สมมติเช้าๆบ้านเรา (15 C) จะมี SG = 850 kg/m3 ให้พลังงาน 36,550 MJ/kg เติมน้ำมัน 60 ลิตร ได้น้ำมัน 51 kg หรือ 38.82 บาท/kg ได้พลังงาน 2,193 MJ หรือ 0.903 บาท/MJ

ชักงงแฮะ สรุปจะขาดทุน 0.65 kg ของน้ำมันดีเซลทุกๆ 60 ลิตรที่เติมเมื่อเทียบอุณหภูมิน้ำมัน 30C กับ 15C หรือคิดเป็นชาวบ้านชาวช่องหน่อยก็ 0.7745 ลิตรก็ประมาณ 25.60 บาทครับ น่าคิดทีเดียว...

สรุปอีกนิดนึง ครั้งแรกที่ผมอ่านเรื่องเกี่ยวกับเติมน้ำมันเช้า-เย็นนี้ผมคิดว่ามันจะได้ปริมาตร (Volume) แตกต่างกันซึ่งตามจริงแล้วผมคิดว่าที่แตกต่างกันคือน้ำหนัก (Weight) ซะมากกว่าก็จะเท่ากับที่ว่ามาข้างบน (ถ้าคิดไม่ผิด) เรื่องที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมก็อุณหภูมิของน้ำมันว่ามันเป็นแบบที่สมมติไว้หรือเปล่าและคุ้มค่าแค่ไหนครับเรื่องนี้ตามบทความจะพูดถึงเรื่องการชดเชยอุณหภูมิ (Temperature Compensation) ซึ่งก็น่าจะหมายถึงการปรับปริมาตรของน้ำมันที่เติมให้มีน้ำหนักหรือพลังงานเท่ากันทุกๆช่วงอุณหภูมิครับ

.. ทั้งหมดนี้ความคิดเห็นส่วนตัว+อากู๋นิดหน่อยนะครับ ผิดถูกประการใดก็ขออภัยล่วงหน้า อิอิ ..

ขอบคุณครับ