How to : ล้างรถเองอย่างไรให้สะอาด (Wash & Wax)
บทความนี้คัดอกบางส่วนมาจากwebsite e36thailand (ของผมเขียนไว้เองแหละ555)
พอจะมาลงเว็บ Triton จึงต้องทำการปรับข้อมูลบางส่วนครับ(ลักษณะการใช้รถไม่เหมือนกันบางส่วน) เรียกว่าUpdateข้อมูลเล็กน้อยละกันครับ
______________________________________________
สวัสดีครับทุกท่าน
วันนี้ขออนุญาติแบ่งปันข้อมูลเป็นประโยชน์ที่เขียนขึ้นมาเองนะครับ
โดยอ่านรวบรวมข้อมูลจากเว็บล้างรถแห่งหนึ่ง (TWCC)
จดจำแล้วเขียนให้คนที่ไม่เคยสัมผัสกับการล้างรถให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นนะครับ
หลายคนคงสงสัยการล้างรถจะล้างอะไรมากมาย ล้างยังไงก็เหมือนกัน มันต้องนี่เลยผ้าเหลือใช้ เสื้อนอนเสื้อยืดเนี่ยแหละสะอาดชัวร์ อันนี้คือความคิดที่ผิดนะครับ (เห็นทำกันประจำนะ)
เอาอะไรล้างก็ได้นี่เลย...แฟซ่า!!!สระผมแล้วเหลือล้างรถก็ได้ อันี้ไม่ถึงกับผิดแต่ก็ไม่ถูกนัก (งั้นเอารีจ้อยส์ก็ได้...ไม่ใช่ละ)
เคลือบสีใช่ไหม นี่เลยคาร์โกล้!!! ตัวเดียวเอาอยู่หมดทุกอย่าง ขัดเคลือบและอื่นๆ อันนี้ก็ไม่ช่ายยยย (คาร์โกลด์ จริงๆเรียกว่ายาขัดนะครับ ไม่ใช่ยาเคลือบ)
การเขียนจะขออนุญาตแบ่งหัวข้อไว้ละเอียดเยอะหน่อยอาจจะเปลืองพื้นที่กระทู้นิดนึงแต่เพื่อให้เข้าใจง่ายนะครับ ขอบคุณครับ^^
ตอบ: How to : ล้างรถเองอย่างไรให้สะอาด (Wash & Wax)
หัวข้อใหญ่ : อุปกรณ์ที่สำคัญ
การจะล้างรถให้สะอาด คือการทำอย่างไรให้เกิดริ้วรอยน้อยที่สุดในการล้างครับ(น้อยที่สุดหรือไม่มีเลย...แต่บอกไว้ก่อนล้างดียังไงก็ตามโอกาสเกิดรอยขนแมวก็มีครับ) ผลพลอยได้จากการเคลือบสีคือประกายแวววาวของรถที่เพิ่มขึ้นครับและความลื่นของผิว(ล้างครั้งต่อๆไปสะดวกง่ายขึ้น) เพิ่มความหนาของชั้นแว๊กซ์(ลดโอกาสเกิดขนแมวหรือริ้วรอย แต่ความหนานี่ไม่ใช่หนาเตอะนะครับ ชั้นบางๆลด%ลงนิดหน่อย)
อุปกรณ์การล้างรถแบบมาตรฐาน (ควรมีติดบ้านไว้ ล้างแบบง่ายๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นดีนะครับ)
1. ถังน้ำ 2 ใบ (เรียกวิธีการนี้ว่าล้างแบบ 2 ถัง)
2. ฟองน้ำล้างรถ (บางทีผมใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์) >> ฟองน้ำที่ไว้ล้างรถจะนุ่มแล้วก็เก็บพวกฝุ่นแข็งไว้ในรูฟองน้ำ หรือหากไม่มีใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ก้ได้ครับ
3. แชมพูล้างรถ (กล่าวถึงในข้อความถัดไปครับ) >>> มีหลายแบบหลายยี่ห้อหลายราคา
4. ผ้าเช็ดรถ (มีหลายแบบทั้งผ้าซับน้ำ ผ้าชามัวร์เช็ด แต่ผมชอบไมโครผืนใหญ่ๆๆ มากกว่า)
5. หัวต่อสายยางให้มันพ่นแรงขึ้นก็ดีครับ >> ไว้ใช้เวลาไม่มีปั๊มฉีดน้ำ ถ้ามีแล้วไม่จำเป็น
ล้างแบบพิเศษ มีอุปกรณ์เพิ่มดังนี้
1. ปั๊มฉีดน้ำ มีให้เห็นโดยทั่วไปขายตามห้าง ขนาดที่พอเหมาะกับการล้างรถคือ 100-120 bar เอาที่ยี่ห้อดีๆหน่อย เช่น Zinsano / Bosch (ส่วนตัวแนะนำตัวแรกนะครับ รุ่นเยอะ ขนาดความแรง100bar อยู่ที่ 2000-2500บาท) ตัวที่ความดันแรงๆอย่าฉีดตรงใส่คนเด็ดขาดนะครับ เกิดแผลได้ง่ายๆ
2. Foam Lance ไม่ใช่ถังฉีดโฟมแบบในร้านนะครับ แต่เป็นหัวต่อแล้วพ่นแชมพูของเราออกมาเป็นฟองสวยงาม (เหมาะกับการฉีดใส่สาวทำปาร์ตี้โฟม) ไม่จำเป็นเท่าไหร่แต่เป็นของเล่นราคาประมาณ2000-2500บาท
3.เครื่องขัดหรือเครื่องลงแว๊กซ์ >>>มีหลายแบบหลายราคาปรับตามการใช้งานครับ
4.ของสำคัญสำหรับรถกระบะยกสูงหรือรถกระบะครับ...บันไดเตี้ยๆแบบสองขั้น มีขายตามHomepro ราคาไม่เกิน300-500บาท
_____________
แล้วรถจะล้างอย่างไร
1. ฉีดน้ำก่อนเลยครับ มีปั๊มใช้ปั๊ม ไม่มีปั๊มใช้สายยาง ฉีดเอาแรงๆพอดีๆ ไม่ใช่ปั๊มน้ำล่อเป็นเส้นตรง อันนี้แรงไป......เราฉีดน้ำเพื่อทำการไล่ฝุ่นครับ ไล่คราบแข็ง สำหรับจุดน่ากลัวสำหรับรถTriton อยู่ที่แก้มหลัง จะโดนดีดโคลนใส่มาเยอะ(บางทีมีคราบยางมะตอยด้วย) ให้ชะโลมน้ำใส่ก่อนซักแปปค่อยเอาน้ำลูบตามนะครับ
2. ผสมน้ำยาล้างรถ แล้วจัดการเริ่มล้างด้วยอุปกรณ์ที่มี ย้ำว้าล้างจากบนลงล่าง!!! ไล่สเตปตามผลก็ได้ หลังคา-กระจก-กระโปรงหน้า-กระบะ-ด้านตูดรถ(ตรงที่ติดทะเบียน)-ประตู 4 ข้าง(เฉพาะส่วนบนคิ้วรถ)-กันชนหน้าและหลัง-ส่วนล่างคิ้วประตู เรียบร้อย!!! >>>ล้างจากบนลงล่างเนื่องจากปรกติฝุ่นด้านบนจะไม่หนักและไม่แข็งเท่าด้านล่างที่ฝุ่นจากโคลนดินเลนจะเยอะครับ ถ้าล้างมั่วไปเราจะเอาคราบแข็งๆจากด้านล่างมาถูกับส่วนด้านบนไปด้วย-___-''
2.1 ทำไมต้องมีน้ำ 2 ถึง - ถังแรกผสมแชมพู ถังสองพอเราล้างไปซักพัก(สมมติหลังคาเสร็จ) เราก็จะมาซักผ้าในถังน้ำเปล่้าอีกใบ เพื่อไม่ให้เศษฝุ่นของที่เราล้างไปปนกับถังแชมพูครับ ลดการเกิดริ้วรอย
3. ฉีดน้ำไล่ มีอะไรก็ฉีดอย่างนั้นจนหมด - เทคนิคพิเศษ:การไล่น้ำ เมื่อล้างเสร็จลองเอาสายย้างเปิดน้ำธรรมดาๆเนี่ยแหละปล่อยน้ำไหลตามส่วนต่างๆ ละอองน้ำเล็กๆจะถูกชะไปด้วยทำให้การเช็ดแห้งง่ายขึ้นมาก
4. เช็ดแห้ง เช่นเคยบนลงล่าง สาเหตุที่ชอบไมโครไฟเบอร์ขนาดผ้าเช็ดตัวคือ เช็ดผืนเดียวได้รอบคัน 5555 ไม่ต้องบีบ ส่วนผ้าชามัวร์ซับน้ำดีแต่ข้อเสียมีอยู่คือมันชอบติดผิวรูดยาก ถ้าผิวไม่สะอาดเป็นฝุ่น รูดไปติดเป็นรอยที่ผิวแน่ๆ
ตอบ: How to : ล้างรถเองอย่างไรให้สะอาด (Wash & Wax)
หัวข้อใหญ่ : ขัดสีเคลือบสี ต่างกันอย่างไร
ตามร้านคาร์แคร์ส่วนใหญ่ชอบติดป้าย "ขัดเคลือบสี" ส่งผลให้ชาวประชาขับรถทั่วไปเกิดการกังวล
-ขัดเคลือบสี สีรถมันจะบางลง!!!
-ทำไปบ่อยๆสีมันบาง สีจะด้าน!!!
ความคิดที่ว่ามานี่ผิดนะครับ
ผมขอโทษร้านล้างรถก่อนไม่ยอมแยกประเภทการขัดและการเคลือบสีออกจากกัน
เคลือบสี
เรียกแบบชาวบ้านๆเลยนะครับ ลงWax นั่นแหละ
เราลงไปทำไมเพื่ออะไร - ถ้าเป็นคนWaxก็เหมือนแป้ง หรือครีมบำรุงผิว เพื่อทำให้ผิวรถใสขึ้น ฉ่ำขึ้น รวมไปถึงการปกป้องรถ เช่น จากคราบน้ำ จากขี้นก(ศัตรูร้าย!!) เป็นต้น
การเคลือบสีจะไม่เป็นการขัดสีผิวรถนะครับ จะเป็นการเหมือนเราทำการเคลือบฟิล์มบางๆลงไปบนตัวรถเองมากกว่า ซึ่งก็จะมีความสามารถปกป้องสีรถ รวมไปถึงการสะท้อนแสงเงาต่างๆให้วาวขึ้น นอกจากนี้ยังมีความลื่นของผิวเป็นผลพลอยได้อีกด้วย ลูบแล้วนุ่มนวลชวนหยิวเหมือนผิวสาววุย18
โดยหลักๆน้ำยาที่อยู่ในประเภทนี้หลักๆผมยอมรับน้ำยาประเภทที่ไม่เกิดการขัดเลย รวมไปถึงการขัดเล็กน้อยมากเพื่อทำความสะอาดน้ำยาประเภทนี้ได้แก่ (เรียกตามลักษณะขอน้ำยาเคลือบ)
Wax - เป็นขี้ผึ้ง มาในลักษณะเป็นกระปุก ลักษณะจะไม่เหลวเป็นน้ำ จะเหมือนขี้ผึ้ง (ที่เรียกว่าWaxเพราะเมื่อก่อนน้ำยาเคลือบจะมาเป็นขี้ผึ้งแบบนี้เลยเรียกกันมาว่าWaxหรือแปลตรงตัวว่าขี้ผึ้ง)
Sealant - เรียกว่าWaxแบบขวด ลักษณะอยู่ในขวดเป็นน้ำใช้งานง่ายกว่าแบบWax มีหลายยี่ห้อมากๆๆๆๆ(จะกล่าวถีงในบทต่อๆไป) (เป็นการพัฒนาต่อยอดจากการใช้Waxให้มันใช้งานง่ายขึ้น)
นอกจาก วิธีแบ่งน้ำยาเป็น 2 ประเภทหลักแล้ว เราสามารถแบ่งย่อยตามการใช้งานได้ลงไปอีก
Waxเคลือบสี - ตามชื่อก็บอกเคลือบสีเฉยๆ
Cleaner - ตามชื่อเลยเหมือนคลีนเนอร์ที่คนใช้นั่นแหละ มีหน้าที่ทำความสะอาดผิว เตรียมผิวให้ดีครับ เป็นการขัดสิ่งสกปรกบางส่วนออกจากผิวด้วย (ผิวรถหมองๆดูหม่นๆ เจอตัวนี้เข้าไปกลับมาใสปิ๊งได้เลยก้ได้นะครับ)
AIO - น้ำยา All in one ตามชื่อเลย เก่งทุกอย่างแต่ไม่ค่อยเด่นซักอย่าง ขัดสีบ้างลบบรอยเล็กๆน้อย ทำความสะอาดผิวบ้าง แล้วก็เป็นแบบเคลือบสีไปด้วยในตัว (แรงกว่าCleanerหน่อยนึง แต่ถ้าเทียบกับน้ำยาขัดสีแล้ว ถือเป็นเด็กทารกเลยละกัน)
การลงน้ำยาเคลือบสีรถหรือWax ถ้าลงทุกครั้งหลังล้างรถจะดีมากครับ แต่ถ้าขี้เกียจ.....เดือนนึง 1-2 ครั้งก็พอไหวครับ
ขัดสี
ขัดสี เป็นการขัดเพื่อเอาเคลียร์โค๊ทเก่าบนผิวรถออก ถ้าวัดเป็นคนก็คงประมาณScrubbขัดผิวลอกเซล์ผิวเก่า การเอาClear Coat เก่าออกเป็นการลบรอยครับ คือเอาชั้นที่เป็นรอยออก เพื่อให้ผิวเงางามขึ้น
แบบนี้ตามร้านก็ที่ราคาพวก 1500++ ขึ้นไปครับ ไม่ควรทำบ่อยนะครับ เฉลี่ยต่อหนึ่งปีไม่ควรเกิน1ครั้งต่อปี (วิธีดูว่าเคลือบหรือขัด ก็ดูที่ราคาเนี่ยแหละ)
การขัดโดยทั่วไปร้านจะพูดถึง 2 อย่างนะ
Wet look - เป็นการขัดแบบปานกลางถึงละเอียด ลบรอยจางๆบางๆ แต่รอบหนักๆไม่ค่อยได้ เป็นเหมือนการชักเงา ชักสีให้มันโดดเด่นเงางามขึ้น (ขัดลบรอยเล็กๆน้อยครับ หรือเป็นการดึงสีให้เงาใสขึ้นมา สำหรับรถที่นานๆดูแลทีนึง)
PCS - Paint Careing System ขัดเต็มระบบ ก็เต็มครับ ไล่จาก ขัดหยาบ ปานกลาง ละเอียด เหมาะกับการลบรอยหนักๆ ราคาก็จะสูงขึ้น(เหมาะกับรถพวกไม่ไหวแล้ว รอยเต็ม รอยตรึมเต็มคัน)
ตอบ: How to : ล้างรถเองอย่างไรให้สะอาด (Wash & Wax)
หัวข้อใหญ่ : รู้จักน้ำยาประเภทต่างๆ
ประเภทของน้ำยาจะมีแบ่งหลายๆประเภทมากๆ จะทยอยอธิบายให้ฟังนะครับ (จำไว้อย่าไปเชื่อใจเซลขายน้ำยาพวกนี้ตามห้างมาก ชอบมั่ว) เซลดีๆก็มีครับแต่ส่วนใหญ่มันมั่วตั้งแต่ป้ายที่ติดขายของแล้ว เช่น เคลือบแก้ว....เคลือบนาโนกันรอย....เคลือบทีนึงอยู่ได้หนึ่งปี อะไรทำนองนี้
Wax : น้ำยาเคลือบสีรถ มีไว้เพื่อเคลือบเพิ่มการปกป้องและความเงางามของรถ โดยทั่วไปหลักๆจะแบ่งได้ 2 ลักษณะ คือ
1. Wet look เหมาะกับรถสีเข้ม น้ำยาจะไปกดมิติให้สีดูเข้มแบบฉ่ำๆ ดูเปียกๆอธิบายยังไงดีเอาเป็นว่าเหมาะกับสีเข้มละกัน
2. Gloss look จะเป็นลักษณะให้ความเงาของผิวรถในลักษณะเงาใส(อารมณ์ลูกชุบ) (ส่วนมากจะขับเมลทัลลิคของรถให้ดูประกายขึ้นด้วยนะ)
น้ำยา Wax ทั่วไปที่น่าจะรู้จักกัน - Maguire , Pinnacle , Mother , Chemical Guy , Menzerna , Wolfgang , Zaino และอื่นๆอีกมากมาย (แถมให้Wax ระดับโคตรเทพ Zymol,Swisswax พวกนี้ชุดนึงหลักหมื่นนะครับ)
หากเรียงลำดับตามราคาขายทางInternetแล้ว จะแบ่งการตลาดของแต่ละยี่ห้อประมาณนี้
Maguire - ถือเป็นตลาดล่างถึงกลางครับ ตัวน้ำยาจะออกแบบมาใช้ง่าย หาซื้อได้ง่ายในประเทศไทย ส่วนมากจะเป็น Oil-base(ข้อเสียฝุ่นจะจับเยอะ) ลักษณะเด่น ใช้ง่าย/กลิ่นหอมน่ากิน(-__-'') คุณภาพตามราคาครับ
Chemical Guy - หลายคนอาจจะเคยเห็นตามร้านล้างรถ โลโก้รูปหัวกะโหลกน่ารักๆ ตัวนี้ถือว่าเป็นตลาดระดับกลางครับแต่มีบางตัวจับตลาดล่างเช่นกัน งานทั่วไปจะให้ลักษณะเนื้องานออกมาเด่นชัดกว่าMaguire เช่น Jetseal109จะขับเมทัลลิคได้โดดเด่นมาก
Wolfgang - ระดับกลางครับ(ค่อนไปทางสูง) หาได้บ้างตามร้านล้างรถพอมีให้เห็น ตัวเด่นๆจะเป็น deep gloss paint sealant 3.0 งานจะใสเป็นลูกชุบมาก
Cleaner : น้ำยาทำความสะอาดผิวรถ ตัวอย่าง Maguire Cleaner Wax(ตัวนี้ทำความสะอาดด้วยเคลือบด้วย) Optimum poli-seal , CG 408 และอื่นๆ
Glaze : ขอเรียกว่าน้ำยากลบรอยละกัน ใช้งานยุ่งกว่าWax มีข้อดีคือมีการกลบรอยได้บ้าง แต่เมื่อน้ำยาหายหมดรอยก็กลับมานะจ๊ะ (ง่ายๆก็สมมติมีรอยวิ่งๆอยู่ ลงน้ำยาตัวนี้มันจะกลบรอยทำให้มองไม่เห็นรอยวิ้งๆ)
Detailer : อยู่ในรูปของเหลวใช้งานได้ง่าย ฉีดๆแล้วเสร็จ เรียกว่าพวกน้ำยาเก็บงานดีกว่าครับ แต่ละตัวให้ความลื่นกับความเงาบ้าง แต่ไม่ค่อยเท่าWax เช่น MG-Ultimate Quik Detailer หรือ MG#135 , CG-Pro-detailer / Speed wipe
Spray-Wax : ทำออกมาให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น เหมือนรวม Detailer กับ Wax เข้าด้วยกัน ฉีดๆแล้วเช็ดก็เสร็จงานเห็นขายกันราคาไม่แพงตอนนี้ก็ Eagle ขวดน้ำเงิน
ตอบ: How to : ล้างรถเองอย่างไรให้สะอาด (Wash & Wax)
หัวข้อใหญ่ : การเตรียมผิว
การเตรียมผิวสำคัญอย่างไรหลายคนสงสัย? - คิดซะว่าเป็นผู้หญิง มาถึงโปะด้ายอายชาโดว์ ตบด้วยมาสคาร่า ปัดแก้มสีสันสดใส แต่ลืมรองพื้น มันไม่ครบครับ555
การเตรียมผิวเป็นการกำจัดคราบไคลฝังลึกบนสีรถ(ที่มันทำให้รถดูหมองๆ) ล้างธรรมดามันเอาออกได้แต่ไม่หมด อารมณ์ประมาณล้างห้องน้ำเอาน้ำราดกับเอาเป็ดราดประมาณนั้น นอกจากนี้มันยังช่วยเพิ่มการประสานตัวที่ดีให้กับชั้นWaxเพิ่มความเงาใสและคงทนถาวร.....
การเตรียมผิวโดยมากมักจะมี 2+1 ขั้นตอน
1. ลงดินน้ำมัน (กล่าวถึงในข้างล่าง)
2. ลง Cleaner
+1. ลงGlaze กลบรอย
ทีนี้หลายคนคงเริ่มงง ไอ้นี่บ้า อยู่ดีๆเอาดินน้ำมันมาละเลงบนรถ
ดินน้ำมัน : ชื่อภาษาอังกฤษClay bar ถูกสุดที่เคยเห็นขายยี่ห้อ Soft99 ก้อนละ450 ยี่ห้ออื่นๆราคาก็ขึ้นไปจนถึงหลักพันก็มี
แล้วประโยชน์ของมันคือ - มันเอาไว้ Cut สิ่งสกปรกที่ติดอยู่ตามผิวรถครับ รวมไปถึงความสามารถในการดึงคราบไคลต่างๆบนสีรถอีกด้วย รถคันไหนไม่เคยลงลองลงดูวักครั้งจะเห็นความแตกต่างเลยครับ บางทีเราสังเกตุว่ามันไม่มีอะไรเลยนะดูเงาๆ พอลูบเสร็จดินน้ำมันดำปี๋......สำหรับรถที่เลอะพวกละอองสี โดยมากใช้ดินน้ำมันลูบก็จะออกนะครับ(และบางทีมันก็ไม่ออกเช่นกันT^T'')
ใช้เมื่อไหร่ - ปรกติจะใช้เมื่อรถลูบแล้วรู้สึกสะดุดๆหรือสากมือ ดินน้ำมันลูบแล้วจะช่วยรู้สึกลื่นขึ้น
วิธีใช้งาน - แผ่ดินน้ำมันใหญ่ๆ ฉีด Detailer หรือน้ำผสมแชมพูล้างรถบางๆ พรมให้ทั่วรถ แล้วเอาดินน้ำมันลูบๆๆๆๆไปเรื่อยๆ ห้ามทำตกเด็ดขาด ถ้าตกก็ปาดตรงที่โดนพื้นทิ้งซะ- -''(ผมทิ้งไปหลายละ ก้อนไม่ใช่ถูกๆ)
ที่นี่มาดูว่าระยะห่างในการเตรียมผิวควรทำอย่างไรบ้าง
1. ดินน้ำมัน - โดยส่วนตัวผมว่าประมาณ1-2เดือนลงครั้งนึง เพราะมันค่อนข้างกินเวลา และผมคิดว่ามันยังสกปรกไม่พอ(พูดไปงั้นรถตัวเอง3-4เดือนทำที)
2. Cleaner - เรียกอีกชื่อก็ Pre-wax ก็บอกอยู่ในตัว ลงก่อนWax มีหน้าที่ทำความสะอาดผิวรวมถึงรองพื้นก่อนลงWax (ง่ายๆก็ลงWaxครบ3-4รอบก็ลงCleanerซักที)
3. Glaze น้ำยากลบรอย ค่อนข้างลำบากยุ่งในการครับ ควรจะใช้เครื่องลง ลงหลังCleanerทุกครั้งก็ดีครับ (ที่ว่ายากก็คือต้องปั่นด้วยเครื่องจนน้ำยาแห้งครับ ใครอยากรู้วิธีโดยละเอียดถามได้นะครับ)
ตอบ: How to : ล้างรถเองอย่างไรให้สะอาด (Wash & Wax)
หัวข้อใหญ่ : การเคลือบสี
ก่อนจะเข้าเรื่องการเคลือบสีต้องทำความรู้สักกับวิธีการลงWaxรวมถึงเครื่องมือก่อน
วิธีการลงWax
1. ลงด้วยมือ - ฟองน้ำลงWaxกลมๆหลายๆท่านคงเคยเห็น นั่นแหละครับ หมุนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆ เพิ่มกล้ามอกและกล้ามแขน
2. ลงด้วยเครื่อง - แพงกว่าหน่อยแต่สะดวกสบาย สมมติลงมือ40นาที ลงเครื่อง10นาทีเสร็จ นอกจากนี้ยังให้ความหนาของWaxที่ค่อนข้างเท่ากันอีกด้วย (น้ำยาบางตัวเหมาะกับเครื่องหรือมือต้องดูเป็นตัวๆไป)
ประเภทของเครื่อง
ขอแยกเป็น 3 ประเภทหลักๆ
1. Dual Action ปรับรอบไม่ได้ (DA) หาซื้อได้ทั่วไป ส่วนมากจะเห็นยี่ห้อ D1 ไม่ก็ Mikawa รวมไปถึง Black&Decker(ต้องแปลงนิดหน่อย) สำหรับDAประเภทนี้จะเหมาะกับการใช้งานลง Cleaner และ Wax ครับ ใช้งานง่าย เปิดสวิตช์แล้วจบ ราคาประมาณ1000-1500 แพงกว่านี้อย่าไปยุ่ง!!! >>>>> อย่าไปสนใจพวกฟองน้ำขนาด10ตัวเครื่องเท่ายูดอฟโอนะครับ ใช้จริงยากมาก
2. Dual Action ปรับรอบได้ หาซื้อยากขึ้นหน่อยเพราะเริ่มเฉพาะทาง เพิ่มความสามารถที่ให้รอบที่สูงกว่าแบบปรับรอบไม่ได้ เพิ่มคุณลักษณะการใช้งานในส่วนของ การลบรอยบางๆ ไปถึงรอยกลางๆได้ ลงGlazeได้ ใช้งานได้ง่ายไม่ต้องกลัวสีไหม้แบบRotary แต่ความแรงในการขัดยังสู้ไม่ได้ ราคามีตั้งแต่3000-12000
อธิบายเพิ่ม : DA เป็นเครื่องที่หมุนรอบแกนและหมุนรอบตัวเอง หรือลักษณะประมาณโคจรไปเรื่อยๆบนแป้น ทำให้ความร้อนไม่สะสมบนผิว
3. Rotary อันนี้คืออุปกรณ์หลักที่คาร์แคร์นิยมใช้ในการขัดสี หน้าที่มันคือขัดสีนั่นแหละ(เอาไปลงWaxก้ได้แต่ไม่เหมาะ) น้ำหนักมีตั้งแต่2-4kg หนักชิบ มีอยู่ตัวหนัก4กิโลกล้ามขึ้นกันเลย สามารถใช้งานได้เกี่ยวกับรถได้ทุกอย่างครับ ลบรอยหนักๆได้ แต่ใช้งานยาก ปั่นไม่ดี สีไหม้นะเออ(โดนมาแล้ว) >>> อุปกรณ์ขัดสูงครับ ใครกำลังหัดลบรอยเล็กๆน้อยแนะนำ DAปรับรอบ
ฟองน้ำ(ใช้กับเครื่อง)
ฟองน้ำสำคัญไฉน - หลายคนบอกเอาผ้าไมโครลงWaxก็ได้ ลงอะลงได้แต่มันไม่เหมาะใช้งานผิดประเภท มันเปลืองน้ำยานะสิ ฟองน้ำมีหลายชนิดมากๆๆๆๆๆๆ จะขออธิบายคร่าวๆ
ฟองน้ำในไทยที่มีจำหน่ายจะมีดังๆอยู่ไม่กี่ยี่ห้อ Lake Country (หาซื้อง่ายราคาค่อนข้างสูง) / Maguire ราคาแพงกว่าแล้วก็ผมไม่ชำนาญ / จีนแดงตามคลองถม(อย่าไปยุ่งเลยจ่ายแพงกว่าหน่อยเถอะ)(ลงได้ไม่กี่ทีฟองน้ำกลายเป็นขุยๆๆ)
ขอพูดถึงแต่Lake Country(ขอย่อว่า LC)
ฟองน้ำจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางหลายขนาดครับ เช่น 4นิ้ว(ใช้กับเครื่องหัวเล็ก) 6.5นิั้ว(มาตรฐานใช้กับDAปรับรอบไม่ได้) 7.5นิ้ว(ใช้กับRotary)
ทีนี้สีของฟองน้ำLCจะเป็นตัวบอกคุณลักษณะของฟองน้ำนั้นๆ ขออธิบายคร่าวๆบางสีนะครับ
ขนแกะ - เอาไว้ขัดสี
ฟองน้ำส้ม - เอาไว้ขัดสี(ค่าCutสูงเพียงพอต่อการใช้งานปรกติทั่วไปแล้ว)
ฟองน้ำขาว - ลงPre-wax/Cleaner
ฟองน้ำดำ - ลงCleaner / Glaze / Wax
ฟองน้ำแดง - ลง Wax
การลงWax
เมื่อเตรียมผิวเสร็จก็ต้องทำการลงWax
1. เลือกวิธีว่าจะลงด้วยอะไร
2.ลงให้ทั่วคันนั่นแหละ แนะนำขั้นตอนการลงแบบเดียวกับล้างรถ คือบนลงล่าง
3.ทิ้งไว้ 15 นาทีรอเซ็ตตัว (ต้องทิ้งไว้นะจ๊ะอย่าเช็ดเลย)
4.เช็ดออกด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์
หมดละง่ายๆครับ^^ การลงWaxถ้ามีเวลาควรลงทุกครั้งหลังล้างรถ รถคุณจะเงางามเปล่งประกายไข่มุกใส
ตอบ: How to : ล้างรถเองอย่างไรให้สะอาด (Wash & Wax)
หัวข้อใหญ่ : การเก็บงานระหว่างวัน+น้ำยาเสริมต่างๆ + แชมพู
การเก็บงานคืออะไร - เรียกได้หลายอย่างนะผมขอสรุปรวมๆให้
1.หลังล้างรถขี้เกียจลงWax - ก็เอาDetailer ลูบแล้วป้ายเลย (สมมติกระโปรงหน้า ฉีดซัก4-5ฟอด แล้วฉีดใส่ผ้าอีก2ฟอด) ลูบไปเลยบนผิวรถ ลื่นขึ้นแน่นอน รวมไปถึงบางตัวเพิ่มความมีมิติให้สีรถด้วยนะครับ
2.รถฝุ่นเกาะระหว่างวัน - กลัวไม่สวยแนะนำคร่าวๆ เอาBlowerเป่าลม เป่าให้หมด แล้วฉีดDetailerบนผิวกับบนผ้าแล้วลูบ (เปลี่ยนผ้าบ่อยๆนะดำเร็ว) แต่ผมไม่ค่อยทำนะ ชอบรอหมักไว้ล้างเต็มๆ
3.เพิ่มมิติให้Wax - บางคนรอWaxเซ็ตตัวเสร็จฉีดDetailerกลบต่อ เพิ่มมิติความงามให้รถ เช่น Maguire#135 จะให้สีรถฉ่ำขึ้น
น้ำยาเสริม
การล้างรถเนี่ยน้ำยาแปลกๆจะมีเพิ่มเข้ามาอีกเยอะครับขออิบายไว้เป็นบางตัว
All purpose cleaner - เป็นน้ำยาสารพัดนึก ความเข้มข้นสูง(ผสมน้ำ10เท่า) ใช้งานทั่วไปได้ เช่น เช็ดพลาสติกดำที่มีคราบมาติด เช็ดห้องเครื่องก็ได้ ควรมีติดบ้าน เตาแก๊สเลอะคราบน้ำมันเหนียวๆ ฉีดใส่มันก็เช็ดได้!!!!สารพัดนึกไหมละ ยี่ห้อดังๆก็มีของ Maguire-All purposr cleaner / Chemical Guy - Green Clean
น้ำยาลงยาง - ชื่อก็บอกน้ำยาลงยางนั่นแหละครับ มีดำเงาดำด้านราคาหลายเกรด ความทนขึ้นกับราคา ส่วนตัวผมชอบด้านๆ แนะนำ CG - Blue Guard (น้ำยาพวกนี้เวลาลงควรรอให้แห้งซักพักก่อนขยับรถเพราะบางตัวแห้งช้ามากมันจะกระเด็นไปติดสีรถ ถ้าสีขาวนี่เห็นๆเลยด่าง)
น้ำยาละลายคราบยางมะตอยและแมลง - ยางมะตอยติดก็ใช้น้ำยาตัวนี้ลงแล้วเช็ดออกครับ รวมไปถึงพวกซากแมลงต่างๆ(ปั๊มน้ำฉีดก็อออกเกือบหมดแล้วนะ) (ใช้All purpose แทนก้ได้นะ)
น้ำยาขจัดคราบแม็ก - ล้อแม็กเลอะผงเบรค ไม่ต้องขัด เราแค่ฉีดน้ำยาลงไปรอมันทำงานแล้วฉีดออก!!ง่ายไปไหมจอร์จ(ไม่เคยใช้5555)
น้ำยาลงเบาะ - ชื่ออังกฤษเรียก Leather cleaner รวมถึง Leather conditioner (บางยี่ห้อต้องใช้สองตัว ทำความสะอาดแล้วค่อยบำรุงผิว) มีหน้าที่ล้างคราบสกปรปบนเบาะหนังออกครับ ไม่แนะนำWaxyเพราะบางคนบอกว่าใช้แล้วหนังมันกรอบ (น้ำยาดีๆลงแล้วไม่เยิ้มมากไม่ลื่นเกินนะครับ)
แชมพู
ควรใช้แชมพูที่เหมาะกับการล้างรถโดยตรงครับ (ถ้าใช้ไม่ถูกบางตัวจะไปล้างWaxที่เราลงไว้ด้วย เช่น น้ำยาล้างจาน-__-'')
ยี่ห้อทั่วไป Triton (ชื่อคุ้นๆเนอะ) ขวดละ60บาทเอง น้ำครึ่งถังต่อแชมพูซักฝาสบายตัวไป
ยี่ห้อแพงๆ Maguire / CG และอื่นๆก็มีครับ อัตราการชะล้างWaxออกไปน้อยกว่าพวกตัวถูกๆ(ถ้าไม่ใช่ซีเรียสตัวถูกๆก็ได้ราคาต่างกัน3-5เท่าแนะ)
ตอบ: How to : ล้างรถเองอย่างไรให้สะอาด (Wash & Wax)
ตอบ: How to : ล้างรถเองอย่างไรให้สะอาด (Wash & Wax)
โอ้ว...ผมแค่ล้าง เช็ดให้แห้ง เคลือบสี สามอย่างก็ลมแทบจับแล้วครับ 3-4 ชั่วโมงทุกที :27 2:
ตอบ: How to : ล้างรถเองอย่างไรให้สะอาด (Wash & Wax)
ขอบคุณมากนะครับที่นำมาแบ่งปันกัน จดไว้ก่อนอ่านไม่ทัน :kapook-17199-4683:
ตอบ: How to : ล้างรถเองอย่างไรให้สะอาด (Wash & Wax)
แจ่มเลยครับน้า
บอกช้าไปนิด ทั้งรอย ทั้งบุบ -*-
ขอบคุณครับ
ตอบ: How to : ล้างรถเองอย่างไรให้สะอาด (Wash & Wax)
อ้างอิง:
โพสต้นฉบับโดยคุณ
tonzatriton
แจ่มเลยครับน้า
บอกช้าไปนิด ทั้งรอย ทั้งบุบ -*-
ขอบคุณครับ
รอยบุบเหมือนจะมีผู้เชี่ยวชาญรับทำอยู่นะครับจำราคาไม่ค่อยได้
แต่มีเพื่อนๆแนะนำมาว่า...ใช้จุ๊บดูดส้วมก็ขึ้นเหมือนกันนะครับo__o''
ส่วนรอยถ้าไม่ลึกลงไปถึงชั้นแลคเกอร์(เอาเล็บลูบแล้วสะดุดแรงหรือลงไปถึงชั้นขาวๆ) ขัดสีก็เอาออกได้เกือบหมดครับ
ตอบ: How to : ล้างรถเองอย่างไรให้สะอาด (Wash & Wax)
เห็นTriton ชอบรถสีเทาดำ-ดำ กัน เลยเขียนเพิ่มให้อีกอัน
ข้อควรระวังของรถสีเข้ม
รถสีเข้มเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคนเพราะให้ความสวยงามแบบนุ่มลึกดูสุขุม อีกทั้งยังสามารถแต่งรถได้ในสไตล์สวยดุอีกต่างหาก รวมไปถึงสามารถเลอะฝุ่นได้โดยที่สภาพรถยังดูดีอยู่ได้ (รถสีเข้มจับคู่กับน้ำยาเคลือบสไตล์ Wet look เป็นอะไรที่สุดยอดมาก สีจะฉ่ำเยิ้มมาก โดยเฉพาะสีดำออกWet lookนี่เยิ้มแบบสุดๆ)
แต่ปัญหาของรถสีเข้มที่ใครหลายคนต้องเจอแน่นอนคือการดูแลรักษา เนื่องจากสีที่เข้มนี่เองทำให้พอสะท้อนกับแสงแดดหรือแสงไฟกำลังสูง จำทำให้รอยต่างๆบนตัวรถแสดงออกมาได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะสีดำ ซึ่งดำได้ใจและแสดงรอยออกมาได้ใจเจ้าของรถเช่นกัน
ยกตัวอย่างง่ายๆ.....ลูบผ้าผิด1ที รถสีดำก็สามารถแสดงรอยขนแมวเด่นชัดบนตัวรถคุณได้อย่างแน่นอนภายใต้แสงอาทิตย์และมุมมอง(เป็นรอยฝุ่นถูกับตัวรถลากยาวตามการลูบผ้าเลย)
ฉะนั้นรถสีเข้มควรจะมีข้อควรระวังเป็นพิเศษ
1.อย่าลูบรถด้วยน้ำเปล่า+ผ้า
-หลายๆคนมักจะล้างรถด้วยวิธีการแบบโบราณ.....คือการเอาสายยางฉีดน้ำและเอาผ้าลูบตามไปด้วย(พ่อผมก็ทำ-__-'') สำหรับรถสีอ่อนอาจจะพอมีลุ้นว่าจะเกิดรอย สำหรับสีเข้ม....ไม่ต้องลุ้นครับ ใครทำแล้วไม่เกิดรอยขนแมวผมลงแว๊กซ์ให้ฟรี1รอบเลยอะ(แต่ล้างรถ+ขับมาหาผมเองนะ555)
2.ตรวจสอบผ้าที่ใช้เช็ดรถให้ดี
-ผ้าเช็ดรถมีอายุการใช้งานนะครับ(สำหรับผ้าไมโครไฟเบอร์ใช้ซักพักขนไมโครมันจะเหมือนเล็กลงแล้วเห็นชั้นพื้นของผ้า ควรรีบเปลี่ยน) หรือผ้าใช้ไปนานๆจะเริ่มแข็งตัวก็ต้องรีบเปลี่ยนครับ (ผ้าไมโครทั่วไปแบบชาวบ้านๆ 3ผืน100 4ผืน100 ผมให้อายุการใช้งานถ้าใช้ทุกอาทิตย์ 3-5เดือนก็ควรเปลี่ยนแล้วนะครับ หากใครใช้ผ้าพวกCobra(ผ้าเกรดพรีเมี่ยม)ก็อยู่นานหน่อย) ถ้าผ้าแข็งเวลาลูบจะเพิ่มการเกิดรอยได้ครับ ระวังด้วย
-ผ้าที่ตกพื้นแล้ว ไม่ควรใช้ซ้ำ......จำไว้ด้วยครับคาร์แคร์ไหนทำผ้าตกแล้วเอามาเช็ดต่อ.....เปลี่ยนร้านโดยด่วน
3.เวลาล้างรถอย่าไปตะบี้ตะบันถู
-การล้างรถเวลาเจอบางจุดที่มีคราบบางอย่างไม่ออก ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะกดแรงเพิ่มแล้วถูๆๆๆ การทำแบบนี้ฟันธง100%ว่าจะเกิดรอยถูเป็นขนแมวขึ้นลงๆๆบนบริเวณนั้นแน่นอน ได้ทั้งคราบล้างไม่ออก+รอยเพิ่ม ลองเอามือลูบดูครับถ้าไม่ออกค่อยเอาผ้าผสมน้ำยาแชมพูฟองเยอะๆลูบดูใหม่ครับ ถ้าไม่ออกจริงๆให้หาผู้เชี่ยวชาญครับใช้ดินน้ำมันลูบ
4.การลงแว๊กซ์อย่างสม่ำเสมอ
-ถ้าเรารถสีเข้มการลงแว๊กซ์อย่างสม่ำเสมอจะเป็นการช่วยที่ดีครับ โดยจะเป็นการเพิ่มความลื่นที่ผิวทำให้โอกาสจะเกิดการถูของเม็ดฝุ่นลดน้อยลง รวมถึงมีชั้นบางๆของตัวน้ำยาเคลือบกันรอยได้ด้วย (บางทีมันเป็นรอยบนชั้นWaxครับ เอาCleanerลงก็หายแล้ว)
ตอบ: How to : ล้างรถเองอย่างไรให้สะอาด (Wash & Wax)
พิมพ์แล้วติดลมแอบเพิ่ม
เคลือบแก้วดีไหม??
อันนี้ความรู้ยังไม่แน่นมากนะครับ แต่จะพยายามเขียนให้พอเข้าใจกันแบบง่ายๆ
การเคลือบแก้ว(บางร้านเรียกเคลือบนาโน บางร้านเคลือบCeramic) คือเป็นการเพิ่มชั้นฟิล์มของตัวผิวเคลียร์โค๊ทของตัวรถ เปรียบเสมือนมีอะไรบางๆมากั้นอยู่ระหว่างผิวรถกับสภาพภูมิอากาศ
ยกตัวอย่างง่ายๆ การลงน้ำยาเคลือบสีทั่วไปอาจจะให้ชั้นฟิล์มหนาประมาณ 1 X (ขออนุญาตใช้ X = แทนความหนา) (ข้อมูตัวเลขเป็นค่าสมมติห้ามไปใช้อ้างอิง-__-'')
แต่พอการเคลือบแก้วอาจจะให้ความหนาถึง 10 X
ดังนั้นการเคลือบแก้วจึงมีความสามารถที่จะกันรอยบางส่วนที่จะเกิดขึ้นกับตัวรถของเราได้ รวมถึงเป็นชั้นที่เพิ่มความเงางามให้กับตัวรถของเราด้วย (แต่ต้องมีเทคนิคการดูแลแตกต่างกันไปตามยี่ห้อนะครับ)
ข้อควรระวัง : เคลือบแก้ว ไม่ใช่การกดสูตรอมตะ
- การเคลือบแก้วไม่ใช่เคลือบครั้งเดียวอยู่ได้ทั้งอายุรถ......ถ้าจำไม่ผิดจะอยู่ประมาณ 6เดือน - 2 ปี ไม่เกินนี้ การซื้อเคลือบแก้วส่วนมากมักจะมีเป็นแพคเกจคือต้องมีการเข้าไปเคลือบเติมสารด้วย(ร้านไหนขายทีเดียวจบน่าคิดนะครับ)
-การเคลือบแก้วมักจะมาเป็นแพคเกจ คือ 1.ขัดสีลบรอยทั้งคัน + 2.เคลือบแก้ว +3.แพคเกจเข้ารับการMaintenenceตัวเคลือบ
- เคลือบแก้วไม่ใช่อมตะ ถ้าเจออะไรรุนแรงๆจริงๆ มันก็ไม่รอดนะครับ-____-''
- ราคาการเคลือบแก้วค่อนข้างแพง ไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่น(ตามยี่ห้อ แต่บางยี่ห้อก็บอกเคลือบแก้วแต่สู้ในราคาต่ำ อันนี้ต้องดูกันเองนะครับว่าอายุการใช้งานนานไหม)
ตอบ: How to : ล้างรถเองอย่างไรให้สะอาด (Wash & Wax)
เยอะครับน้าว่างๆเดี๋ยวมาอ่านใหม่ครับ ขอบคุณครับผม
ตอบ: How to : ล้างรถเองอย่างไรให้สะอาด (Wash & Wax)
สวดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยอด ขอบคุณครับ
ตอบ: How to : ล้างรถเองอย่างไรให้สะอาด (Wash & Wax)
ตอบ: How to : ล้างรถเองอย่างไรให้สะอาด (Wash & Wax)
ตอบ: How to : ล้างรถเองอย่างไรให้สะอาด (Wash & Wax)
ถามนิดนึงครับ น้ำยา Cutting หรือ Compound ควรลงเฉาะที่ๆเกิดรอย หรือสามารถลงได้ทั้งคันรถครับ
ยังไม่กล้าสั่งมาใช้ ตอนนี้ใช้ PreWax Poorboy PwS อยู่ เก็บได้แต่รอยบางๆ รถผมเป็นรอยเล็บแมวของแท้ด้วยครับ ที่บ้านเลี้ยงแมว มันลบไม่ออกยังเห็นเป็นเส้นบางๆอยู่ ส่วน wax ใช้ Poorboy EX-P อยู่ครับ ฝุ่นและน้ำเกาะน้อยกว่าบางยี่ห้อ
ขอบคุณครับ
ตอบ: How to : ล้างรถเองอย่างไรให้สะอาด (Wash & Wax)
ดีมากครับ มาเก็บความรู้ อิอิ