สรุปผลการค้นหา 1 ถึง 11 จากทั้งหมด 11

กระทู้: เมื่อไหร๋จะต้องเติมนำยาแอร์

  1. #1
    golf
    ผู้เยี่ยมชม

    มาตรฐาน เมื่อไหร๋จะต้องเติมนำยาแอร์

    เมื่อไหร๋จะต้องเติมนำยาแอร์ เเละมีวิธีดูน้ำยาแอร์อย่างไร(ไม่เเน่ใจว่าเคยมีใครถามยัง)

  2. #2
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Jan 2008
    User ID
    78
    Status
    Offline
    โพส
    83

    มาตรฐาน Re: เมื่อไหร๋จะต้องเติมนำยาแอร์

    ไม่รู้สิครับ แต่สำหรับผม เมื่อแอร์ไม่เย็นครับ

  3. #3
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Jan 2008
    User ID
    24
    Status
    Offline
    โพส
    5,004

    มาตรฐาน Re: เมื่อไหร๋จะต้องเติมนำยาแอร์

    2ปีควรเข้าร้านแอร์ตรวจเช็ค น้ำยาแอร์ ถ้าปกติคงไม่ได้ตรวจ ดูตอนแอร์ไม่เย็นเสียส่วนใหญ่ โดยปกติจะเป็นกันอย่างนั้น ไม่เสียไม่สนใจ 555

  4. #4
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Jan 2008
    User ID
    725
    Status
    Offline
    โพส
    304

    มาตรฐาน Re: เมื่อไหร๋จะต้องเติมนำยาแอร์

    ถ้ายังเย็นอยู่ ปรกติก็จะไม่ไปยุ่งกับเขา อย่างบางคนเห็นเขาล้างคอยเย็น อยากล้างบ้าง แต่พอล้างปุ๊บ ไอ้ฝุ่ยนที่อุดรูรั่วอยู่ มันหลุดออก น้ำยาแอร์ก็ออกมาด้วย คราวนี้แอร์เลยไม่เย็น
    มิตซูไซโคลนของที่บ้าน ใช้มา 15 ปี แล้ว แอร์ยังเย็นเหมือนเดิม ไม่เคยเติมน้ำยาเลย

  5. #5
    Full Throttle
    ผู้เยี่ยมชม

    มาตรฐาน Re: เมื่อไหร๋จะต้องเติมนำยาแอร์

    แอร์เป็นระบบปิดครับน้ำยาจะไม่สูญหายไปไหน จะหายไปก็ต่อเมื่อระบบมีการรั่วไหล ซึ่งถ้าระบบมีการรั่วไหลก็ต้องแก้ไขจุดที่รั่วให้เรียบร้อยก่อนค่อยเติมน้ำยาแอร์เข้าไปใหม่ ถ้าพบว่าน้ำยาแอร์ขาดแล้วเติมเข้าไปเพียงอย่างเดียวอีกไม่นานแอร์ก็จะไม่เย็นอีกเพราะมันมีที่รั่ว ต้องซ่อมที่รั่วก่อนแล้วค่อยเติมน้ำยาแอร์ครับ

    ส่วนการบำรุงรักษาให้แอร์ใช้งานได้นานๆ ก็คือต้องหมั่นทำความสะอาดรังผึ้งแอร์ที่อยู่หน้ารถครับล้างให้สะอาดบ่อยๆ รังผึ้งจะระบายความร้อนได้ดีแอร์จะเย็นและไม่ทำงานหนัก ส่วนรังผึ้งที่อยู่ในรถ ถ้าให้ดีซื้อไส้กรองใส่เพิ่มก็ดีครับช่วยกรองฝุ่นได้เยอะตู้แอร์จะได้ไม่สกปรก ถ้าตู้แอร์ไม่สกปรกแอร์ก็จะเย็นและโอกาสรั่วเนื่องจากการผุกร่อนก็จะน้อยลงครับ อีกอย่างคือไม่ควรใช้น้ำหอมปรับอากาศในรถครับเพราะไอระเหยของน้ำหอมเหล่านั้นจะไปจับตัวกันเป็นเมือกเหนียวๆ ที่ตู้แอร์ที่ให้ตู้แอร์สกปรกเร็วครับ การรักษาความสะอาดของห้องโดยสารก็เช่นกัน ถ้าห้องโดยสารสะอาดไม่ค่อยมีฝุ่นแอร์ก็จะได้ไม่ดูดดเอาฝุ่นเข้าไปสะสมในตู้แอร์ ตู้แอร์จะสะอาดและไม่เหม็นอับด้วยครับ

    ส่วนการเช็คน้ำยาแอร์ด้วยตนเองเบื้องต้นให้ดูที่ช่องกระจกด้านบนของ receiver dryer ถ้ามีฟองอากาสมากแสดงว่ามีน้ำยาแอร์น้อย ถ้าเป็นลักษณะน้ำใสๆไหลผ่านมีฟองบ้างแต่ไม่เยอะอย่างนี้คือปกติครับ แต่ถ้าเช็คแบบชัวร์ๆ ต้องใช้เกจวัดแรงดันแบบที่ร้านแอร์ใช้วัดดูครับ


    ขอให้โชคดี

  6. #6
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Jan 2008
    User ID
    65
    Status
    Offline
    โพส
    58

    มาตรฐาน Re: เมื่อไหร๋จะต้องเติมนำยาแอร์

    ไทรทันไม่เห็นมีตาแมวให้ดูเลยครับ

  7. #7
    Full Throttle
    ผู้เยี่ยมชม

    มาตรฐาน Re: เมื่อไหร๋จะต้องเติมนำยาแอร์

    อ้างอิง โพสต้นฉบับโดยคุณ Arck ดูโพส
    ไทรทันไม่เห็นมีตาแมวให้ดูเลยครับ
    ขออภัยจริงๆ ครับ ไม่เคยเห็นของจริงเหมือนกันเพราะไม่มีไตรตั้นใช้ครับ ผมกำลังวางแผนซื้อพลัสอยู่ถ้ามีเป็นของตัวเองเมื่อไหร่จะบอกได้ละเอียดกว่านี้ครับ ส่วนที่ว่าไปก่อนหน้านั้นใช้สำหรับรถทั่วไปได้ครับหลักการนี้เหมือนกันทุกคัน

  8. #8
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Jan 2008
    User ID
    24
    Status
    Offline
    โพส
    5,004

    มาตรฐาน Re: เมื่อไหร๋จะต้องเติมนำยาแอร์

    มีอยู่ด้านซ้ายมือ แต่มองยากนิดนึง

  9. #9
    nact0296
    ผู้เยี่ยมชม

    มาตรฐาน Re: เมื่อไหร๋จะต้องเติมนำยาแอร์

    ดูที่ช่องตาแมวครับ ถ้ามีฟองโผ่ลปุดๆ แสดงว่าต้องตรวจดูแล้ว หรือไม่มีของเหลวไหลผ่านเลยแสดงว่ารั่วครับ

  10. #10
    nact0296
    ผู้เยี่ยมชม

    Lightbulb Re: เมื่อไหร๋จะต้องเติมนำยาแอร์

    ดูที่ช่องตาแมวครับ ถ้ามีฟองโผ่ลปุดๆ แสดงว่าต้องตรวจดูแล้ว หรือไม่มีของเหลวไหลผ่านเลยแสดงว่ารั่วครับ

    สาเหตุที่แอร์รถยนต์ไม่เย็นเกิดจาก


    1.ฟิวส์และรีเลย์ในวงจรเครื่องปรับอากาศชำรุด และขั้วต่อสายไฟตามจุดต่าง ๆ ต่อไว้ไม่แน่น
    2.สวิตช์ความดันสูง ต่ำในระบบชำรุด หรือขั้วต่อไม่แน่น ทำให้คอม เพรสเซอร์แอร์ไม่ทำงาน ถ้าความดันในระบบสูงหรือต่ำเกินไป คอมเพรสเซอร์ก็จะไม่ทำงานเช่นกัน ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้คอมเพรสเซอร์แอร์เสียหาย
    3.คลัตช์แม่เหล็กไม่ทำงาน หรือสายไฟเข้าคลัตช์แม่เหล็กขาด
    4.สายพานแอร์หย่อนเกินไปหรือขาด ทำให้คอมเพรสเซอร์หมุนช้าหรือไม่หมุน
    5.พัดลมไฟฟ้าของแอร์ไม่ทำงานหรือหมุนช้า ทำให้ความร้อนที่คอน เดนเซอร์ ( คอยล์ร้อน ) สูง สาเหตุอาจเกิดจากแบตเตอรี่มีไฟไม่พอ หรือตัวมอเตอร์พัดลมแอร์เริ่มเสื่อมสภาพ
    6.มีเศษผงหรือสิ่งสกปรกติดอยู่ที่ด้านหน้าคอนเดนเซอร์แอร์ ควรใช้ลมที่มีความดันไม่เกิน 10 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เป่าทำความสะอาด อย่าใช้ลมที่มีความดันสูงกว่านี้ เพราะอาจทำให้ครีบทที่คอนเดนเซอร์แอร์บิดงอ
    7.ตัวเอ็กซ์แพนชัววาล์วเสียหรือเสื่อมสภาพ ทำให้คอมเพรสเซอร์ แอร์ตัด ต่อบ่อยเกินไป
    8.ตัวรีซีฟเวอร์ - ดรายเออร์เสื่อมสภาพ ที่ด้านบนจะมีกระจกใสเพื่อตรวจดูน้ำยาแอร์ว่ามีเพียงพอหรือไม่ ถ้ากระจกใสหรือมีฟองอากาศเล็กน้อยแสดงว่าปกติ
    9.น้ำยาแอร์รั่วซึมตามจุดต่าง ๆ เช่น บริเวณข้อต่อ รั่วที่ซีลดโอริง รั่วที่คอนเดนเซอร์ ( คอยล์ร้อน ) รั่วที่บริเวณใต้ตู้แอร์ เนื่องจากมีน้ำขังอยู่ภายในตู้ทำให้เกิดการผุกร่อน ปัจจุบันตู้แอร์ส่วมมากทำด้วยอะลูมิเนียม ถ้ามีน้ำขังอยู่จะทำให้ตู้แอร์รั่วได้ง่าย
    10. คอมเพรสเซอร์แอร์เสื่อมสภาพ

  11. #11
    maxoutda
    ผู้เยี่ยมชม

    มาตรฐาน Re: เมื่อไหร๋จะต้องเติมนำยาแอร์

    ที่จริงถ้าระบบแอร์ไม่มีรอยรั่วนะครับ น้ำยาแอร์จะคงอยู่เหมือนเดิมแต่อาจจะตรวจเช็คที่ ไดเออร์ได้ว่าระดับน้ำยาแอร์หายหรือเหลือเท่าไรแต่ถ้ามันไม่เย็นบางไม่ได้มาจากน้ำยาแอร์หมดเสมอไปครับแต่อาจจะมาจากสาเหตุอื่นที่ทำให้น้ำยาแอร์รั่วออกไปจนหมด

ข้อมูลกระทู้

Users Browsing this Thread

ในขณะนี้มี 1 ท่านดูกระทู้อยู่. (0 สมาชิกและ 1 ผู้เยี่ยมชม)

Bookmarks

กฎการโพสข้อความ

  • ท่าน ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
  • ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
  • ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขข้อความโพสได้
  •  
  • BB code สถานะ เปิด
  • Smilies สถานะ เปิด
  • [IMG] สถานะ เปิด
  • [VIDEO] code is เปิด
  • HTML สถานะ ปิด