หน้า 1 จากทั้งหมด 3 หน้า 1 2 3 หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย
สรุปผลการค้นหา 1 ถึง 20 จากทั้งหมด 45

กระทู้: มารยาทในการขับรถยนต์

  1. #1
    Modereter TTC-Member รูปส่วนตัว Alongkorn
    สมัครเมื่อ
    Jan 2008
    User ID
    4
    Status
    Offline
    โพส
    2,019

    มาตรฐาน มารยาทในการขับรถยนต์

    มารยาทในการขับรถยนต์

    การเดินทางด้วยรถยนต์บน ถนนสาธารณะ นอกจากกฎหมายราชการแล้ว

    ยังควรมีมารยาท และความเอื้ออาทรต่อกัน เพื่อให้มีทั้งความราบรื่น
    และความปลอดภัย ในการเดินทางอยู่เสมอ

    ผู้ขับรถยนต์ไทย กับมารยาทในการใช้รถใช้ถนนร่วมกัน ยังไม่มีมากนัก
    หากไม่หันมารณรงค์ร่วมกัน การรักษามารยาท ก็คงจะถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง

    วิธีและมารยาทในการปฏิบัติต่อไปนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งยังมีอีกหลายแนวทาง ถ้าเห็นว่าสมควรก็ค่อยนำไปปฏิบัติ
    1. กะพริบ ไฟสูงขอทางหรือเตือน อาจสับสนบางเรียกศัพท์สแลงกันว่า ดิฟไฟสูง คนไทยมักใช้เตือน เพื่อไม่ให้รถยนต์ทางโทตัดเข้ามาทางเอกหรือทางตรง ในขณะที่บางประเทศใช้การกะพริบไฟสูงเมื่ออยากให้ทาง เพราะแสดงว่า เห็นแล้วและยอมให้ทาง ขณะที่คนไทยส่วนใหญ่ใช้เพื่อบอกว่า เห็นแล้วว่ามีรถยนต์กำลังจะตัดทางเข้ามา แต่ไม่ให้เข้ามา
    • ในกรณีนี้ กฎหมายไทย ไม่มีการกำหนดว่า ให้ใช้การกะพริบไฟสูง เพื่อจุดประสงค์ใด อาจเพราะไม่สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นสากลได้ จึงยังพอใช้กันในสไตล์ไทย ๆ ได้ แต่ก็มีผู้ที่ใช้เพื่อต้องการให้ทางอยู่บ้าง ซึ่งน่าจะเหมาะสมกว่า เพราะต้องเห็นก่อนจึงจะสามารถกะพริบไฟบอกได้ ก็คงต้องปล่อยวางและใช้กันไปตามกระแส
    2. จอดในพื้นที่ห้ามจอด-เปิดไฟฉุกเฉิน ถือเป็นการเอาเปรียบสังคมอย่างหนึ่ง แม้จะเป็นการจอดชั่วคราวก็ตาม เพราะการเปิดไฟฉุกเฉิน เพื่อแสดงว่าจอด แต่ถ้าไม่ใช่เวลาและและพื้นที่ซึ่งควรจอดก็ไม่ควรปฏิบัติ อีกทั้งยังผิดกฎจราจรอีกด้วย การเปิดไฟฉุกเฉินจอดในพื้นที่ห้ามจอด ไม่สามารถป้องกันการออกใบสั่งได้

    3. ก้มศีรษะขอบคุณ ลืมไปแล้วหรือ ? 3-4 ปีที่ผ่านมา ผู้ขับมีการก้มหัวขอบคุณเมื่อได้รับการให้ทาง แต่ในระยะหลังมานี้เริ่มมีการถดถอยหรือหลงลืมกันไปบ้าง อาจจะเป็นเพราะการรักษาศักดิ์ศรีโดยไม่จำเป็น เช่น ผู้ขับรถยนต์ระดับหรูราคาแพง มักไม่ยอมขอบคุณผู้ขับรถยนต์ราคาถูกที่ยอมให้ทาง หรือผู้ชายมักไม่ยอมขอบคุณผู้หญิง ฯลฯ
    • นับเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมาก เมื่อมีการขอบคุณให้หลังจากได้รับการให้ทาง หากเกรงเสียศักดิ์ศรี ไม่อยากก้มศีรษะขอบคุณให้ ก็สามารถใช้วิธียกแขนพร้อมแบฝ่ามือครบทั้ง 5 นิ้ว (เน้นครบ 5 นิ้ว เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด) ซึ่งยังดีกว่าการเพิกเฉย การขอบคุณในเรื่องที่สมควร ไม่น่าใช่เรื่องการเสียศักดิ์ศรี
    4. เบรก ต้องสนใจรถยนต์ที่ตามด้วย ไม่ใช่แค่รักษามารยาท แต่เป็นการเพิ่มความปลอดภัยกันด้วย ถ้าต้องมีการเบรก ผู้ขับส่วนใหญ่จะมองแค่เป็นการลดความเร็ว เมื่อมีสิ่งกีดขวางด้านหน้า โดยไม่ค่อยสนใจมารยาท และความปลอดภัยของผู้ขับรถยนต์คันที่ตามมา
    • หาก มีเวลาพอ ก่อนการเบรกควรเหลือบมองกระจกหลัง และเพื่อจะได้ตัดสินใจกดแป้นเบรกด้วยจังหวะและน้ำหนักที่เหมาะสม เพื่อมารยาทที่ดี ผู้ขับรถยนต์คันที่ตามมาไม่ต้องเบรกจนตัวโก่ง และไม่เสี่ยงต่อการเสียโฉมของบั้นท้ายรถยนต์ของตนเอง
    • นอกจากนั้น การแตะเบรกโดยไม่จำเป็นก็ถือว่า เสียมารยาทบ้างเล็กน้อย เพราะไฟเบรกจะสว่าง ทำให้ผู้ขับรถยนต์คันตามมาชะงัก แต่ก็อย่ากังวลมากจนแตะเบรกช้า เพราะอาจเป็นอันตราย
    • การเบรกไม่ควรสนใจแต่เพียงสถานการณ์ด้านหน้าเท่านั้น ด้านหลังก็ต้องสนใจทั้งมารยาทและความปลอดภัย
    5. ข้าม 4 แยก / 3 แยก ตรงไป ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉิน ถ้าจะขับรถยนต์แล้วต้องการข้าม 4 แยก หรือ 3 แยกแนวตรงแล้วต้องการตรงไป การเปิดไฟฉุกเฉิน-กะพริบ 4 มุม เป็นวิธีที่ผิดและอันตราย
    • สาเหตุที่ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินในกรณีนี้ เพราะผู้ขับรถยนต์ที่มาด้านซ้าย-ขวา อาจเห็นเพียงไฟกะพริบด้านหน้ามุมเดียว เสมือนเป็นการเปิดไฟเลี้ยว โดยไม่ทราบเลยว่า เป็นการเปิดไฟฉุกเฉินกะพริบพร้อมกัน 4 มุมซ้าย-ขวา
    • หากสมมุติ เหตุการณ์ขึ้นจะพบว่า ไฟเลี้ยวด้านหน้า แม้จะกะพริบพร้อมกันซ้าย-ขวา แต่ผู้ขับรถยนต์คันที่มาจากด้านข้างในแต่ละด้าน ก็ยังอาจเห็นไฟหะพริบเพียงมุมเดียว โดยเฉพาะผู้ที่ขับรถยนต์มาจากด้านซ้าย ก็อาจจะไม่ชะลอความเร็วลงหรือไม่ให้ทาง ด้วยคิดว่ารถยนต์คันที่เปิดไฟฉุกเฉินจะเลี้ยวซ้าย โดยไม่เกี่ยวกับเขา
    • นอก เหนือจากนั้นในมุมอื่น หากมีรถยนต์บางคันที่เปิดไฟฉุกเฉิน ผู้ขับรถยนต์คันอื่นก็อาจเข้าใจผิดคิดว่า เป็นการเปิดไฟเลี้ยวเฉพาะมุมที่เขาเห็นในช่วงเวลานั้ น
    • วิธีปฏิบัติ ที่ถูกต้องและปลอดภัย คือ เบรกชะลอความเร็วลงมองซ้าย-ขวา เมื่อเส้นทางว่างพอ ก็ตรงไปด้วยความเร็วที่เหมาะสม โดยไม่ต้องเปิดสัญญาณไฟใด ๆ ใช้สมาธิและเวลา มองรถยนต์คันอื่น ปลอดภัยกว่าการเสียสมาธิและเสียเวลา เปิด-ปิดสวิตช์ไฟฉุกเฉิน
    • ในกฎหมายจราจร ไม่มีการระบุไว้ว่า ต้องเปิดไฟฉุกเฉินเมื่อต้องการข้าม 4 แยกแล้วตรงไป
    • ฝนตกหนัก ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉิน อาจให้ผลร้ายในความหวังดี ที่เกรงว่าผู้ร่วมทางจะไม่สามารถมองเห็นรถยนต์ ของตน เมื่อฝนตกหนัก ๆ
    • ไม่ ควรเปิดไฟฉุกเฉิน เพราะจะแยงสายตา และหากมีรถยนต์บางคันบังรถยนต์คันที่เปิดไฟฉุกเฉิน ผู้ขับรถยนต์คันอื่นอาจเข้าใจผิดว่า เป็นการเปิดไฟเลี้ยวเฉพาะมุมที่เขาเห็น รวมถึงมักมีการเปลี่ยนเลนโดยไม่ปิดไฟฉุกเฉินก่อน ก็จะไม่มีไฟเลี้ยวให้ใช้บอกเตือนตามปกติ
    • ถ้าฝนตกหนักมาก วิธีปฏิบัติที่ปลอดภัยและถูกต้อง คือ ชะลอความเร็วลง ชิดเลนซ้าย และเปิดไฟหน้าแบบต่ำ หรือถ้ามีไฟตัดหมอกหลังสีแดงเพิ่มอีก 2 ดวง ก็ควรเปิดไว้ด้วย แล้วขับด้วยความระมัดระวังตลอดเส้นทาง
    • ไฟฉุกเฉินมี ไว้ใช้เมื่อฉุกเฉินจริง ๆ เช่น รถยนต์จอดเสีย เกิดอุบัติเหตุบนผิวจราจร รถยนต์ถูกลาก (ถ้ามีโอกาส ทำป้ายหรือเขียนกระดาษแปะด้านท้ายรถว่า "รถลาก" จะช่วยให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น)
    • ในกรณีที่เปิดไฟฉุกเฉินและมีการลากรถยนต์ ควรชิดเลนซ้ายและเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน ควรปิดไฟฉุกเฉินแล้วเปิดไฟเลี้ยวล่วงหน้าตามระยะห่าง ที่ปลอดภัย
    6. สปอตไลท์/ไฟ ตัดหมอก ควรเปิดเมื่อไม่รบกวนคนอื่น ไฟส่องสว่างนี้มีทั้งติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานและติดตั้งเพิ่มเอง ตำแหน่งอยู่ตรงด้านล่างของกันชนหน้า 2 ดวงต่อรถยนต์ 1 คัน รถยนต์บางรุ่นติดตั้งให้ใช้เป็นไฟตัดหมอก ซึ่งก็ควรใช้เมื่อมีหมอกตามชื่อเรียก
    • การใช้สปอตไลท์/ไฟตัดหมอก เริ่มมีการผิดมารยาท สร้างความรำคาญ และเริ่มแพร่หลายขึ้นเรื่อย ๆ จนอาจลดความปลอดภัยแก่ผู้ร่วมถนน คือ เปิดใช้ในขณะที่เส้นทางไม่มืดมาก ซึ่งไม่จำเป็นเลยเพราะแสงสว่างที่แรงนั้น อาจแยงสายตาทั้งผู้ขับรถยนต์คันที่สวนมาและคันที่นำห น้าในเส้นทางปกติ ไม่ควรเปิดใช้งานเพราะสว่างอยู่คนเดียว แต่ทำให้คนอื่นตาพร่ามัวคล้าย หรือแย่กว่าการเปิดไฟสูงสาดไปทั่วนั่นเอง
    • ผู้ขับรถยนต์บางรายหนักข้อ ด้วยการเปิดเพียงไฟหรี่ แล้วเปิดสปอตไลท์เพิ่มความสว่าง นับเป็นการรบกวนสายตาของเพื่อนร่วมทางอย่างมาก ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำเพื่ออะไร ?
    • ต้นเหตุที่หลายคนเปิดสปอตไลท์ หรือไฟตัดหมอกด้านหน้า โดยไม่เกรงใจผู้ขับรถยนต์คันนำ หรือคันที่สวนทางมา เพราะคิดไปเองแต่เพียงว่า ตำแหน่งของสปอตไลท์อยู่ต่ำ ไม่น่าแยงตาเหมือนการเปิดไฟสูง
    • ในความเป็นจริง ไฟส่องสว่างที่ติดตั้งอยู่ต่ำก็อาจแยงตาได้ ถ้ามีแสงแรงและมีการกระจายแสงมาก ๆ สปอตไลท์ส่วนใหญ่มีแสงแรง และหลายแบบมีการกระจายแสงมากจนแยงตา ด้วยแสงแบบประกายแฉก
    • หากอยากเปิดใช้จริง ๆ ควรลองเปิดแล้วออกไปมองอย่างรอบคอบว่า จะแยงตาผู้อื่นหรือไม่ (ส่วนใหญ่แยงตา)
    • หากไม่แน่ใจ ก็ไม่ควรเอาเปรียบผู้ขับร่วมทาง ด้วยการเปิดสปอตไลท์โดยไม่จำเป็น ควรเปิดเมื่อมืดจริง ๆ และมั่นใจว่า ไม่รบกวนผู้อื่น
    • สำหรับ คำถามที่ว่า แล้วเมื่อมีปัญหาอย่างนี้ผู้ผลิตรถยนต์ติดตั้งสปอตไล ท์มาเพื่ออะไร แล้วจะได้ใช้งานเมื่อไร เพราะกลัวไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป
    • ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายระบุในคู่มือประจำรถยนต์ว่า สปอตไลท์ควรเปิดเมื่อไม่รบกวนผู้อื่น จำเป็น หรือควรเปิดเมื่อหมอกลง และไม่ควรเปิดใช้ต่อเนื่องนาน ๆ เพราะจะร้อนเกินไปจนจานฉายอาจเสื่อมได้ง่าย และการเปิดสปอตไลท์ต่อเนื่องจนร้อน เมื่อต้องลุยน้ำกะทันหัน กระจกด้านหน้าของสปอตไลท์อาจแตกร้าวได้
    • การติดตั้งสปอตไลท์เพิ่มเติม เอง ถ้าไม่ถูกตำแหน่งหรือมีแสงแรงเกินกำหนด ก็ผิดกฎหมาย ทั้งมีการเปิดใช้และไม่เปิด จะไม่ผิดกฎหมายก็ต่อเมื่อติดตั้งถูกตำแหน่งมีฝาครอบปิด และไม่ได้เปิดใช้บนเส้นทางเรียบปกติ
    • ถ้ามีไฟตัดหมอกหลัง ควรเปิดเมื่อหมอกลง หรือฝนตกหนักเท่านั้น ในรถยนต์บางรุ่นมีสวิตช์พิเศษสำหรับไฟตัดหมอกด้านหลั ง คือ มีไฟท้ายสีแดงเพิ่มขึ้นอีกข้างละดวง โดยมีความสว่างมากกว่าไฟท้ายปกติมาก เพื่อใช้เตือนผู้ขับรถยนต์คันที่ตามมาเมื่อหิมะตกหนัก ฝนตกหนัก หรือหมอกลง
    • ถ้าเปิดใช้ไฟตัดหมอกหลังสีแดง ซึ่งมีความสว่างมาก ๆ ในยามทัศนวิสัยปกติแบบไทย แสงสว่างที่เพิ่มขึ้นมาอาจจะแยงสายตาผู้ที่ขับรถยนต์ คันที่ตามมา จึงไม่ควรเปิดใช้บนสภาพถนนปกติ ถ้าจะรบกวนผู้อื่น
    7. เปลี่ยน เลน-แซง-ขึ้นทางตรงได้แล้ว ควรเร่งความเร็วเพิ่ม การเลี้ยวขึ้นทางตรงจากซอยหรือทางโท รวมถึงการเปลี่ยนเลน ควรกระทำเมื่อเส้นทางว่างพอ เมื่อเปลี่ยนเข้าสู่เลนที่ต้องการได้แล้ว บางคนไม่สนใจมารยาทต่อผู้ขับรถยนต์คันที่ตามมา เพราะคิดแต่เพียงว่า ถ้าถูกชนด้านท้ายแล้วจะไม่ผิด เนื่องจากเข้าสู่เส้นทางได้เต็มคันแล้ว
    • ด้าน มารยาท เมื่อเข้าสู่เส้นทางได้เต็มคันแล้ว ควรเร่งความเร็วมาก ๆ กดคันเร่งหนัก ๆ เพื่อไล่รถยนต์คันหน้าในระยะที่เหมาะสมให้เร็วที่สุด โดยไม่ต้องสนใจว่า รถยนต์คันหลังห่างแค่ไหน เพื่อมารยาท ผู้ขับรถยนต์คันหลังจะได้ไม่ต้องเบรกจนตัวโก่ง และไม่เสี่ยงต่อการเสียโฉมของบั้นท้ายรถยนต์ของตนเอง ด้วย
    8. ไฟเหลือง ควรเร่งหนีหรือเบรก ? หลักการที่ถูกต้องและเป็นสากลแต่ไม่ค่อยมีปฏิบัติกัน คือ ต้องเบรกและจอดเมื่อเห็นไฟเหลืองก่อนไฟแดง
    • ผู้ขับรถยนต์ไทยส่วนใหญ่ เมื่อเห็นไฟเหลือง กลับกลายเป็นไฟเตือนให้เร่งหนีการติดไฟแดง ซึ่งไม่ถูกต้องนัก เพราะการที่ไฟเหลืองสว่างขึ้นก่อนจังหวะไฟแดง ตามหลักการจริงเป็นการเตือน เพื่อให้ชะลอความเร็วลงและจอด
    • ในเมื่อ วิถีการขับรถยนต์ของคนไทยส่วนใหญ่ ถ้าเห็นไฟเหลือง คือ ไฟเตือนให้เร่งหนีการติดไฟแดง ก็คงหลีกหนีไม่พ้น และรณรงค์ได้ยาก ที่จะให้เปลี่ยนเป็นการที่เมื่อไฟเหลืองสว่างขึ้นก่อนจังหวะไฟแดง เป็นการเตือนเพื่อให้ชะลอความเร็วลงและเบรก
    • หากอยาก จอดเมื่อเห็นไฟเหลืองแล้วเบรกเพื่อจอด ก็นับเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยจากการถูกชนท้าย เพราะคนไทยส่วนใหญ่ เมื่อเห็นไฟเหลืองจะเข้าใจกันว่า เป็นการเตือนให้เร่งหนีการติดไฟแดงบนแยก
    • ถ้า ต้องการฝืนสังคม (ทั้งที่ไม่ผิด) ควรเหลือบมองกระจกหลังไว้หน่อย เพื่อจะได้ตัดสินใจกดแป้นเบรกด้วยน้ำหนักและจังหวะที่เหมาะสม เพื่อมารยาท ผู้ขับรถยนต์คันหลังไม่ต้องเบรกจนตัวโก่งและไม่เสี่ย งต่อการเสียโฉมของบั้นท้าย รถยนต์ของตน
    9. ไฟเลี้ยว ต้องเปิด-ปิดอย่างเหมาะสม
    • ถือ เป็นเรื่องพื้นฐานที่ถูกมองข้าม การเปิดไฟเลี้ยวเป็นเรื่องจำเป็น เพราะกฎหมายกำหนดให้มีการเตือนผู้ร่วมทางล่วงหน้าตาม ระยะที่เหมาะสม จึงควรเปิดไฟเลี้ยวเมื่อเตรียมเปลี่ยนเลนหรือเลี้ยวล่วงหน้าพอสมควร และไม่ควรเปิดค้างจนลืม
    • ชิดซ้ายเสมอ บนถนนหลายเลนมักมีการเตือนวา "ขับช้า ชิดซ้าย" ซึ่งไม่ค่อยตรงกับหลักการขับปลอดภัย และมารยาทในการใช้ถนน เพราะจะมีรถยนต์แล่นเลนขวาตลอด โดยคิดว่าความเร็วที่ใช้ในขณะนั้นถือว่าเร็วแล้ว ซึ่งอาจเป็นเพราะกฎหมายไทยกำหนดให้ใช้ความเร็วสูงสุด ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อใช้ความเร็วเกินขึ้นไปแล้ว ก็มักจะคิดไปเองว่า เร็วพออยู่แล้ว จึงสามารถแล่นชิดขวาได้ วิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง รักษามารยาท และปลอดภัยในการใช้เลนขวา คือ "แซงแล้วชิดซ้าย" ไม่ว่าจะใช้ความเร็วสูงเท่าไรก็ตาม เมื่อเร็วแล้วแต่ยังมีเร็วกว่าได้

    การขับรถยนต์ด้วยมารยาทที่ดีเป็นเรื่องที่ควรปฏิบัติ
    Tel : 089-8456929
    E-mail : al.vatanasuk@gmail.com

  2. #2
    สมาชิกถาวร : TTC00445 TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Oct 2008
    User ID
    4102
    Status
    Offline
    โพส
    7,688

    มาตรฐาน Re: มารยาทในการขับรถยนต์

    ขอบคุณครับป๋า

  3. #3
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Jan 2009
    User ID
    5010
    Status
    Offline
    โพส
    1,794

    มาตรฐาน Re: มารยาทในการขับรถยนต์

    วันก่อนผมพึ่งเซ็งเล็กๆกับคนขับ Sl สปอร์ตป้ายแดงสีขาว ขึ้นทางด่วนจะจ่ายเงินครับ แถวๆพระราม2

    รถติดมาก เลนจากสองเลน ถูกบังคับให้เหลือเลนเดียวเพื่อจ่ายเงินทางด่วน
    อีแม่เจ้านี่ เค้าวิ่งแบบสลับคันกันมาตลอด ไม่เคยมีปัญหา เ็ปนมารยาท เวลาเจอคอขวด ใครไม่รู้ ก้อรู้ไว้ด้วยนะครับ เปนพื้นฐานที่เมืองนอกเค้าสั่งสอนกันมานาน แต่บ้านเรา นานๆจะได้เห็น

    อีถ่อยนี่ แทรก แทรก แทรก กะจะเบียดขึ้นหน้าผม เบิ้ลเปนคันที่สอง ผมก้อไม่ยอม จนที่สุึดเค้าแทรกไม่ได้ บีบแตรด่าผมใหญ่เลย

    สะใจ จริงๆ คิดว่าขี่คันละสิบล้านแล้ว ทำอะไรถ่อยๆ ต่อหน้าคนถ่อยอย่างผม

  4. #4
    TTC-00043 TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Jan 2008
    User ID
    224
    Status
    Offline
    โพส
    2,203

    มาตรฐาน Re: มารยาทในการขับรถยนต์

    อ้างอิง โพสต้นฉบับโดยคุณ mckyparty ดูโพส
    วันก่อนผมพึ่งเซ็งเล็กๆกับคนขับ Sl สปอร์ตป้ายแดงสีขาว ขึ้นทางด่วนจะจ่ายเงินครับ แถวๆพระราม2

    รถติดมาก เลนจากสองเลน ถูกบังคับให้เหลือเลนเดียวเพื่อจ่ายเงินทางด่วน
    อีแม่เจ้านี่ เค้าวิ่งแบบสลับคันกันมาตลอด ไม่เคยมีปัญหา เ็ปนมารยาท เวลาเจอคอขวด ใครไม่รู้ ก้อรู้ไว้ด้วยนะครับ เปนพื้นฐานที่เมืองนอกเค้าสั่งสอนกันมานาน แต่บ้านเรา นานๆจะได้เห็น

    อีถ่อยนี่ แทรก แทรก แทรก กะจะเบียดขึ้นหน้าผม เบิ้ลเปนคันที่สอง ผมก้อไม่ยอม จนที่สุึดเค้าแทรกไม่ได้ บีบแตรด่าผมใหญ่เลย

    สะใจ จริงๆ คิดว่าขี่คันละสิบล้านแล้ว ทำอะไรถ่อยๆ ต่อหน้าคนถ่อยอย่างผม
    ผมก็ไม่รู้เป็นไร ชอบแกล้งพวกชอบแทรกแบบนี้ครับ ถ้าผมมากับลูกกับเมีย ก็ไม่เป็นไรใจเย็นๆ อยากแทรกก็แทรกไป แต่ถ้าไปคนเดียวแล้วเจอพวกชอบแทรก ไม่มีมารยาทแบบนี้ ผมจะแกล้งไม่ให้เข้าครับ แต่ตั้งแต่แก๊งไผเขีียวเขาเป็นข่าวผมคงจะเลิกแล้วล่ะครับ ใครอยากแทรกก็แทรกไป

  5. #5
    Modereter TTC-Member รูปส่วนตัว Alongkorn
    สมัครเมื่อ
    Jan 2008
    User ID
    4
    Status
    Offline
    โพส
    2,019

    มาตรฐาน Re: มารยาทในการขับรถยนต์

    อ้างอิง โพสต้นฉบับโดยคุณ mckyparty ดูโพส
    วันก่อนผมพึ่งเซ็งเล็กๆกับคนขับ Sl สปอร์ตป้ายแดงสีขาว ขึ้นทางด่วนจะจ่ายเงินครับ แถวๆพระราม2

    รถติดมาก เลนจากสองเลน ถูกบังคับให้เหลือเลนเดียวเพื่อจ่ายเงินทางด่วน
    อีแม่เจ้านี่ เค้าวิ่งแบบสลับคันกันมาตลอด ไม่เคยมีปัญหา เ็ปนมารยาท เวลาเจอคอขวด ใครไม่รู้ ก้อรู้ไว้ด้วยนะครับ เปนพื้นฐานที่เมืองนอกเค้าสั่งสอนกันมานาน แต่บ้านเรา นานๆจะได้เห็น

    อีถ่อยนี่ แทรก แทรก แทรก กะจะเบียดขึ้นหน้าผม เบิ้ลเปนคันที่สอง ผมก้อไม่ยอม จนที่สุึดเค้าแทรกไม่ได้ บีบแตรด่าผมใหญ่เลย

    สะใจ จริงๆ คิดว่าขี่คันละสิบล้านแล้ว ทำอะไรถ่อยๆ ต่อหน้าคนถ่อยอย่างผม
    อ้างอิง โพสต้นฉบับโดยคุณ Joe043 ดูโพส
    ผมก็ไม่รู้เป็นไร ชอบแกล้งพวกชอบแทรกแบบนี้ครับ ถ้าผมมากับลูกกับเมีย ก็ไม่เป็นไรใจเย็นๆ อยากแทรกก็แทรกไป แต่ถ้าไปคนเดียวแล้วเจอพวกชอบแทรก ไม่มีมารยาทแบบนี้ ผมจะแกล้งไม่ให้เข้าครับ แต่ตั้งแต่แก๊งไผเขีียวเขาเป็นข่าวผมคงจะเลิกแล้วล่ะครับ ใครอยากแทรกก็แทรกไป
    ว๊าก...โรคจิตทั้งสองคนเลยพี่น้อง

    ดันเป็นโรคเกลียดนักแทรกเบียดเสียบเหมือนกัน
    เจอพวกนี้เมื่อไหร่ เปนไม่ยอมให้มันเบียดแทรกเสียบ
    แล้วดันมาเจอพวกตอนที่ ไปกับคนใช้นี่สิเจ็บใจ
    เธอชอบสั่งปล่อยเขาไป เดี๋ยวมานก็เจอตอเองแหละ


    Tel : 089-8456929
    E-mail : al.vatanasuk@gmail.com

  6. #6
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Aug 2010
    User ID
    13325
    Status
    Offline
    โพส
    1,319

    มาตรฐาน Re: มารยาทในการขับรถยนต์

    ที่เจอนะครับ จะมีคนบางประเภทครับ ที่เห็นไฟเลี้ยวเราแล้วชอบเหยียบคันเร่ง
    ไม่ให้เราแทรกครับ ทั้งๆที่ความเร็ว 50-70 นะครับ (ใน กทม.) ซึ่งระยะที่เราเปิดไฟเพื่อจะเปลี่ยนเลนนั้นมีมากพอ ที่เราสามารถเข้าได้เลย ที่เปิดไฟ ก็เพื่อมารยาท ครับ แต่พอเปิดไฟปุ๊บ เค้าเล่นเหยียบคันเร่งปั๊บไม่ให้เข้าครับ งงครับ

  7. #7
    TTC_402 TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Mar 2008
    User ID
    2112
    Status
    Offline
    โพส
    3,433

    มาตรฐาน Re: มารยาทในการขับรถยนต์

    ครับป๋าจะจำไว้จนขึ้นใจครับ และจะพขอบคุณครับที่แบ่งบัน สิ่งดีๆ ให้ครับยายามปฏิบัติ ตามครับ วันนี้เห็นอุบัติเหตุ ยังกลัวไม่หายเลยครับ

  8. #8
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Jan 2009
    User ID
    5010
    Status
    Offline
    โพส
    1,794

    มาตรฐาน Re: มารยาทในการขับรถยนต์

    ความจริงคือ การเปิดไฟเลี้ยว ขอทาง กลายเป็นการทำให้เราไม่ได้ช่องทางซะงั้น
    แต่ยังไงก้อต้องเปิดครับ บ่นเฉยๆ

  9. #9
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Sep 2010
    User ID
    13447
    Status
    Offline
    โพส
    293

    มาตรฐาน Re: มารยาทในการขับรถยนต์

    อ้างอิง โพสต้นฉบับโดยคุณ beejle ดูโพส
    ที่เจอนะครับ จะมีคนบางประเภทครับ ที่เห็นไฟเลี้ยวเราแล้วชอบเหยียบคันเร่ง
    ไม่ให้เราแทรกครับ ทั้งๆที่ความเร็ว 50-70 นะครับ (ใน กทม.) ซึ่งระยะที่เราเปิดไฟเพื่อจะเปลี่ยนเลนนั้นมีมากพอ ที่เราสามารถเข้าได้เลย ที่เปิดไฟ ก็เพื่อมารยาท ครับ แต่พอเปิดไฟปุ๊บ เค้าเล่นเหยียบคันเร่งปั๊บไม่ให้เข้าครับ งงครับ
    การเปิดไฟเลี้ยวเป็นการให้รถคันข้างๆเร่งความเร็วมาตีคู่กับเรา(ประชด)

  10. #10
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    May 2009
    User ID
    6711
    Status
    Offline
    โพส
    1,905

    มาตรฐาน Re: มารยาทในการขับรถยนต์

    ขอบคุณมากครับป๋า..

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากบนผิวจราจรร้านค้าหรือห้างร้านต่างๆไม่นำเก้าอี้,กรวยยาง,เสาปูนขนาดเล็กไปวาง
    จะเป็นการช่วยให้มีพื้นที่ๆสามารถเดินรถได้อย่างคล่องตัวขึ้นนะครับ..เจ้าหน้าที่จราจรน่าเอาผิดได้
    ในรูปแบบนี้เพราะร้านค้า-ห้างร้านเหล่านั้นคงเสียภาษีพอๆกันกับคนอื่นอย่างเราๆกันครับ..


  11. #11
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Sep 2009
    User ID
    8524
    Status
    Offline
    โพส
    426

    มาตรฐาน Re: มารยาทในการขับรถยนต์

    ขอบคุณครับป๋ารับทราบและปฏิบัติแบบที่ป๋าว่ามาตลอดครับ อยากเสนอกับรถที่ใช้ไฟแสงสีขาวมากๆจนแสบตารถที่วิ่งสวนมา ทำอย่างไรจะให้เขากลับมาใช้แสงแบบที่กฏหมายกำหนดได้ละครับป๋า ผมว่าน่าจะช่วยลดอุบัติเหตุในเวลาค่ำคืนได้อีกทางหนึ่งเลยนะครับ

  12. #12
    นู๋แดง
    ผู้เยี่ยมชม

    มาตรฐาน Re: มารยาทในการขับรถยนต์

    ขอบคุณคร้า มีประโยชน์มากค่ะ

  13. #13
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Jul 2008
    User ID
    3215
    Status
    Offline
    โพส
    3,688

    มาตรฐาน Re: มารยาทในการขับรถยนต์

    อ้างอิง โพสต้นฉบับโดยคุณ chaiyasit ดูโพส
    ขอบคุณมากครับป๋า..

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากบนผิวจราจรร้านค้าหรือห้างร้านต่างๆไม่นำเก้าอี้,กรวยยาง,เสาปูนขนาดเล็กไปวาง
    จะเป็นการช่วยให้มีพื้นที่ๆสามารถเดินรถได้อย่างคล่องตัวขึ้นนะครับ..เจ้าหน้าที่จราจรน่าเอาผิดได้
    ในรูปแบบนี้เพราะร้านค้า-ห้างร้านเหล่านั้นคงเสียภาษีพอๆกันกับคนอื่นอย่างเราๆกันครับ..

    นี่ก็อีกอย่างที่ต้องแก้เพราะเกิดขึ้นนานแล้ว มีทั่วประเทศครับร้านค้าประเภทนี้ ผมจะมีเรื่องก็หลายครั้ง ตั้งแต่หนุ่ม ๆ จนแก่แล้วยังไม่มีใครแก้ได้กับพวกเห็นแก่ตัว ที่ไม่เคยเห็นตัวแก่ซะที

  14. #14
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Aug 2008
    User ID
    3452
    Status
    Offline
    โพส
    3,405

    มาตรฐาน Re: มารยาทในการขับรถยนต์

    อ้างอิง โพสต้นฉบับโดยคุณ Alongkorn ดูโพส
    มารยาทในการขับรถยนต์

    การเดินทางด้วยรถยนต์บน ถนนสาธารณะ นอกจากกฎหมายราชการแล้ว

    ยังควรมีมารยาท และความเอื้ออาทรต่อกัน เพื่อให้มีทั้งความราบรื่น
    และความปลอดภัย ในการเดินทางอยู่เสมอ

    ผู้ขับรถยนต์ไทย กับมารยาทในการใช้รถใช้ถนนร่วมกัน ยังไม่มีมากนัก
    หากไม่หันมารณรงค์ร่วมกัน การรักษามารยาท ก็คงจะถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง

    วิธีและมารยาทในการปฏิบัติต่อไปนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งยังมีอีกหลายแนวทาง ถ้าเห็นว่าสมควรก็ค่อยนำไปปฏิบัติ
    1. กะพริบ ไฟสูงขอทางหรือเตือน อาจสับสนบางเรียกศัพท์สแลงกันว่า ดิฟไฟสูง คนไทยมักใช้เตือน เพื่อไม่ให้รถยนต์ทางโทตัดเข้ามาทางเอกหรือทางตรง ในขณะที่บางประเทศใช้การกะพริบไฟสูงเมื่ออยากให้ทาง เพราะแสดงว่า เห็นแล้วและยอมให้ทาง ขณะที่คนไทยส่วนใหญ่ใช้เพื่อบอกว่า เห็นแล้วว่ามีรถยนต์กำลังจะตัดทางเข้ามา แต่ไม่ให้เข้ามา
    • ในกรณีนี้ กฎหมายไทย ไม่มีการกำหนดว่า ให้ใช้การกะพริบไฟสูง เพื่อจุดประสงค์ใด อาจเพราะไม่สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นสากลได้ จึงยังพอใช้กันในสไตล์ไทย ๆ ได้ แต่ก็มีผู้ที่ใช้เพื่อต้องการให้ทางอยู่บ้าง ซึ่งน่าจะเหมาะสมกว่า เพราะต้องเห็นก่อนจึงจะสามารถกะพริบไฟบอกได้ ก็คงต้องปล่อยวางและใช้กันไปตามกระแส
    2. จอดในพื้นที่ห้ามจอด-เปิดไฟฉุกเฉิน ถือเป็นการเอาเปรียบสังคมอย่างหนึ่ง แม้จะเป็นการจอดชั่วคราวก็ตาม เพราะการเปิดไฟฉุกเฉิน เพื่อแสดงว่าจอด แต่ถ้าไม่ใช่เวลาและและพื้นที่ซึ่งควรจอดก็ไม่ควรปฏิบัติ อีกทั้งยังผิดกฎจราจรอีกด้วย การเปิดไฟฉุกเฉินจอดในพื้นที่ห้ามจอด ไม่สามารถป้องกันการออกใบสั่งได้

    3. ก้มศีรษะขอบคุณ ลืมไปแล้วหรือ ? 3-4 ปีที่ผ่านมา ผู้ขับมีการก้มหัวขอบคุณเมื่อได้รับการให้ทาง แต่ในระยะหลังมานี้เริ่มมีการถดถอยหรือหลงลืมกันไปบ้าง อาจจะเป็นเพราะการรักษาศักดิ์ศรีโดยไม่จำเป็น เช่น ผู้ขับรถยนต์ระดับหรูราคาแพง มักไม่ยอมขอบคุณผู้ขับรถยนต์ราคาถูกที่ยอมให้ทาง หรือผู้ชายมักไม่ยอมขอบคุณผู้หญิง ฯลฯ
    • นับเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมาก เมื่อมีการขอบคุณให้หลังจากได้รับการให้ทาง หากเกรงเสียศักดิ์ศรี ไม่อยากก้มศีรษะขอบคุณให้ ก็สามารถใช้วิธียกแขนพร้อมแบฝ่ามือครบทั้ง 5 นิ้ว (เน้นครบ 5 นิ้ว เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด) ซึ่งยังดีกว่าการเพิกเฉย การขอบคุณในเรื่องที่สมควร ไม่น่าใช่เรื่องการเสียศักดิ์ศรี
    4. เบรก ต้องสนใจรถยนต์ที่ตามด้วย ไม่ใช่แค่รักษามารยาท แต่เป็นการเพิ่มความปลอดภัยกันด้วย ถ้าต้องมีการเบรก ผู้ขับส่วนใหญ่จะมองแค่เป็นการลดความเร็ว เมื่อมีสิ่งกีดขวางด้านหน้า โดยไม่ค่อยสนใจมารยาท และความปลอดภัยของผู้ขับรถยนต์คันที่ตามมา
    • หาก มีเวลาพอ ก่อนการเบรกควรเหลือบมองกระจกหลัง และเพื่อจะได้ตัดสินใจกดแป้นเบรกด้วยจังหวะและน้ำหนักที่เหมาะสม เพื่อมารยาทที่ดี ผู้ขับรถยนต์คันที่ตามมาไม่ต้องเบรกจนตัวโก่ง และไม่เสี่ยงต่อการเสียโฉมของบั้นท้ายรถยนต์ของตนเอง
    • นอกจากนั้น การแตะเบรกโดยไม่จำเป็นก็ถือว่า เสียมารยาทบ้างเล็กน้อย เพราะไฟเบรกจะสว่าง ทำให้ผู้ขับรถยนต์คันตามมาชะงัก แต่ก็อย่ากังวลมากจนแตะเบรกช้า เพราะอาจเป็นอันตราย
    • การเบรกไม่ควรสนใจแต่เพียงสถานการณ์ด้านหน้าเท่านั้น ด้านหลังก็ต้องสนใจทั้งมารยาทและความปลอดภัย
    5. ข้าม 4 แยก / 3 แยก ตรงไป ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉิน ถ้าจะขับรถยนต์แล้วต้องการข้าม 4 แยก หรือ 3 แยกแนวตรงแล้วต้องการตรงไป การเปิดไฟฉุกเฉิน-กะพริบ 4 มุม เป็นวิธีที่ผิดและอันตราย
    • สาเหตุที่ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินในกรณีนี้ เพราะผู้ขับรถยนต์ที่มาด้านซ้าย-ขวา อาจเห็นเพียงไฟกะพริบด้านหน้ามุมเดียว เสมือนเป็นการเปิดไฟเลี้ยว โดยไม่ทราบเลยว่า เป็นการเปิดไฟฉุกเฉินกะพริบพร้อมกัน 4 มุมซ้าย-ขวา
    • หากสมมุติ เหตุการณ์ขึ้นจะพบว่า ไฟเลี้ยวด้านหน้า แม้จะกะพริบพร้อมกันซ้าย-ขวา แต่ผู้ขับรถยนต์คันที่มาจากด้านข้างในแต่ละด้าน ก็ยังอาจเห็นไฟหะพริบเพียงมุมเดียว โดยเฉพาะผู้ที่ขับรถยนต์มาจากด้านซ้าย ก็อาจจะไม่ชะลอความเร็วลงหรือไม่ให้ทาง ด้วยคิดว่ารถยนต์คันที่เปิดไฟฉุกเฉินจะเลี้ยวซ้าย โดยไม่เกี่ยวกับเขา
    • นอก เหนือจากนั้นในมุมอื่น หากมีรถยนต์บางคันที่เปิดไฟฉุกเฉิน ผู้ขับรถยนต์คันอื่นก็อาจเข้าใจผิดคิดว่า เป็นการเปิดไฟเลี้ยวเฉพาะมุมที่เขาเห็นในช่วงเวลานั้ น
    • วิธีปฏิบัติ ที่ถูกต้องและปลอดภัย คือ เบรกชะลอความเร็วลงมองซ้าย-ขวา เมื่อเส้นทางว่างพอ ก็ตรงไปด้วยความเร็วที่เหมาะสม โดยไม่ต้องเปิดสัญญาณไฟใด ๆ ใช้สมาธิและเวลา มองรถยนต์คันอื่น ปลอดภัยกว่าการเสียสมาธิและเสียเวลา เปิด-ปิดสวิตช์ไฟฉุกเฉิน
    • ในกฎหมายจราจร ไม่มีการระบุไว้ว่า ต้องเปิดไฟฉุกเฉินเมื่อต้องการข้าม 4 แยกแล้วตรงไป
    • ฝนตกหนัก ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉิน อาจให้ผลร้ายในความหวังดี ที่เกรงว่าผู้ร่วมทางจะไม่สามารถมองเห็นรถยนต์ ของตน เมื่อฝนตกหนัก ๆ
    • ไม่ ควรเปิดไฟฉุกเฉิน เพราะจะแยงสายตา และหากมีรถยนต์บางคันบังรถยนต์คันที่เปิดไฟฉุกเฉิน ผู้ขับรถยนต์คันอื่นอาจเข้าใจผิดว่า เป็นการเปิดไฟเลี้ยวเฉพาะมุมที่เขาเห็น รวมถึงมักมีการเปลี่ยนเลนโดยไม่ปิดไฟฉุกเฉินก่อน ก็จะไม่มีไฟเลี้ยวให้ใช้บอกเตือนตามปกติ
    • ถ้าฝนตกหนักมาก วิธีปฏิบัติที่ปลอดภัยและถูกต้อง คือ ชะลอความเร็วลง ชิดเลนซ้าย และเปิดไฟหน้าแบบต่ำ หรือถ้ามีไฟตัดหมอกหลังสีแดงเพิ่มอีก 2 ดวง ก็ควรเปิดไว้ด้วย แล้วขับด้วยความระมัดระวังตลอดเส้นทาง
    • ไฟฉุกเฉินมี ไว้ใช้เมื่อฉุกเฉินจริง ๆ เช่น รถยนต์จอดเสีย เกิดอุบัติเหตุบนผิวจราจร รถยนต์ถูกลาก (ถ้ามีโอกาส ทำป้ายหรือเขียนกระดาษแปะด้านท้ายรถว่า "รถลาก" จะช่วยให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น)
    • ในกรณีที่เปิดไฟฉุกเฉินและมีการลากรถยนต์ ควรชิดเลนซ้ายและเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน ควรปิดไฟฉุกเฉินแล้วเปิดไฟเลี้ยวล่วงหน้าตามระยะห่าง ที่ปลอดภัย
    6. สปอตไลท์/ไฟ ตัดหมอก ควรเปิดเมื่อไม่รบกวนคนอื่น ไฟส่องสว่างนี้มีทั้งติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานและติดตั้งเพิ่มเอง ตำแหน่งอยู่ตรงด้านล่างของกันชนหน้า 2 ดวงต่อรถยนต์ 1 คัน รถยนต์บางรุ่นติดตั้งให้ใช้เป็นไฟตัดหมอก ซึ่งก็ควรใช้เมื่อมีหมอกตามชื่อเรียก
    • การใช้สปอตไลท์/ไฟตัดหมอก เริ่มมีการผิดมารยาท สร้างความรำคาญ และเริ่มแพร่หลายขึ้นเรื่อย ๆ จนอาจลดความปลอดภัยแก่ผู้ร่วมถนน คือ เปิดใช้ในขณะที่เส้นทางไม่มืดมาก ซึ่งไม่จำเป็นเลยเพราะแสงสว่างที่แรงนั้น อาจแยงสายตาทั้งผู้ขับรถยนต์คันที่สวนมาและคันที่นำห น้าในเส้นทางปกติ ไม่ควรเปิดใช้งานเพราะสว่างอยู่คนเดียว แต่ทำให้คนอื่นตาพร่ามัวคล้าย หรือแย่กว่าการเปิดไฟสูงสาดไปทั่วนั่นเอง
    • ผู้ขับรถยนต์บางรายหนักข้อ ด้วยการเปิดเพียงไฟหรี่ แล้วเปิดสปอตไลท์เพิ่มความสว่าง นับเป็นการรบกวนสายตาของเพื่อนร่วมทางอย่างมาก ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำเพื่ออะไร ?
    • ต้นเหตุที่หลายคนเปิดสปอตไลท์ หรือไฟตัดหมอกด้านหน้า โดยไม่เกรงใจผู้ขับรถยนต์คันนำ หรือคันที่สวนทางมา เพราะคิดไปเองแต่เพียงว่า ตำแหน่งของสปอตไลท์อยู่ต่ำ ไม่น่าแยงตาเหมือนการเปิดไฟสูง
    • ในความเป็นจริง ไฟส่องสว่างที่ติดตั้งอยู่ต่ำก็อาจแยงตาได้ ถ้ามีแสงแรงและมีการกระจายแสงมาก ๆ สปอตไลท์ส่วนใหญ่มีแสงแรง และหลายแบบมีการกระจายแสงมากจนแยงตา ด้วยแสงแบบประกายแฉก
    • หากอยากเปิดใช้จริง ๆ ควรลองเปิดแล้วออกไปมองอย่างรอบคอบว่า จะแยงตาผู้อื่นหรือไม่ (ส่วนใหญ่แยงตา)
    • หากไม่แน่ใจ ก็ไม่ควรเอาเปรียบผู้ขับร่วมทาง ด้วยการเปิดสปอตไลท์โดยไม่จำเป็น ควรเปิดเมื่อมืดจริง ๆ และมั่นใจว่า ไม่รบกวนผู้อื่น
    • สำหรับ คำถามที่ว่า แล้วเมื่อมีปัญหาอย่างนี้ผู้ผลิตรถยนต์ติดตั้งสปอตไล ท์มาเพื่ออะไร แล้วจะได้ใช้งานเมื่อไร เพราะกลัวไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป
    • ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายระบุในคู่มือประจำรถยนต์ว่า สปอตไลท์ควรเปิดเมื่อไม่รบกวนผู้อื่น จำเป็น หรือควรเปิดเมื่อหมอกลง และไม่ควรเปิดใช้ต่อเนื่องนาน ๆ เพราะจะร้อนเกินไปจนจานฉายอาจเสื่อมได้ง่าย และการเปิดสปอตไลท์ต่อเนื่องจนร้อน เมื่อต้องลุยน้ำกะทันหัน กระจกด้านหน้าของสปอตไลท์อาจแตกร้าวได้
    • การติดตั้งสปอตไลท์เพิ่มเติม เอง ถ้าไม่ถูกตำแหน่งหรือมีแสงแรงเกินกำหนด ก็ผิดกฎหมาย ทั้งมีการเปิดใช้และไม่เปิด จะไม่ผิดกฎหมายก็ต่อเมื่อติดตั้งถูกตำแหน่งมีฝาครอบปิด และไม่ได้เปิดใช้บนเส้นทางเรียบปกติ
    • ถ้ามีไฟตัดหมอกหลัง ควรเปิดเมื่อหมอกลง หรือฝนตกหนักเท่านั้น ในรถยนต์บางรุ่นมีสวิตช์พิเศษสำหรับไฟตัดหมอกด้านหลั ง คือ มีไฟท้ายสีแดงเพิ่มขึ้นอีกข้างละดวง โดยมีความสว่างมากกว่าไฟท้ายปกติมาก เพื่อใช้เตือนผู้ขับรถยนต์คันที่ตามมาเมื่อหิมะตกหนัก ฝนตกหนัก หรือหมอกลง
    • ถ้าเปิดใช้ไฟตัดหมอกหลังสีแดง ซึ่งมีความสว่างมาก ๆ ในยามทัศนวิสัยปกติแบบไทย แสงสว่างที่เพิ่มขึ้นมาอาจจะแยงสายตาผู้ที่ขับรถยนต์ คันที่ตามมา จึงไม่ควรเปิดใช้บนสภาพถนนปกติ ถ้าจะรบกวนผู้อื่น
    7. เปลี่ยน เลน-แซง-ขึ้นทางตรงได้แล้ว ควรเร่งความเร็วเพิ่ม การเลี้ยวขึ้นทางตรงจากซอยหรือทางโท รวมถึงการเปลี่ยนเลน ควรกระทำเมื่อเส้นทางว่างพอ เมื่อเปลี่ยนเข้าสู่เลนที่ต้องการได้แล้ว บางคนไม่สนใจมารยาทต่อผู้ขับรถยนต์คันที่ตามมา เพราะคิดแต่เพียงว่า ถ้าถูกชนด้านท้ายแล้วจะไม่ผิด เนื่องจากเข้าสู่เส้นทางได้เต็มคันแล้ว
    • ด้าน มารยาท เมื่อเข้าสู่เส้นทางได้เต็มคันแล้ว ควรเร่งความเร็วมาก ๆ กดคันเร่งหนัก ๆ เพื่อไล่รถยนต์คันหน้าในระยะที่เหมาะสมให้เร็วที่สุด โดยไม่ต้องสนใจว่า รถยนต์คันหลังห่างแค่ไหน เพื่อมารยาท ผู้ขับรถยนต์คันหลังจะได้ไม่ต้องเบรกจนตัวโก่ง และไม่เสี่ยงต่อการเสียโฉมของบั้นท้ายรถยนต์ของตนเอง ด้วย
    8. ไฟเหลือง ควรเร่งหนีหรือเบรก ? หลักการที่ถูกต้องและเป็นสากลแต่ไม่ค่อยมีปฏิบัติกัน คือ ต้องเบรกและจอดเมื่อเห็นไฟเหลืองก่อนไฟแดง
    • ผู้ขับรถยนต์ไทยส่วนใหญ่ เมื่อเห็นไฟเหลือง กลับกลายเป็นไฟเตือนให้เร่งหนีการติดไฟแดง ซึ่งไม่ถูกต้องนัก เพราะการที่ไฟเหลืองสว่างขึ้นก่อนจังหวะไฟแดง ตามหลักการจริงเป็นการเตือน เพื่อให้ชะลอความเร็วลงและจอด
    • ในเมื่อ วิถีการขับรถยนต์ของคนไทยส่วนใหญ่ ถ้าเห็นไฟเหลือง คือ ไฟเตือนให้เร่งหนีการติดไฟแดง ก็คงหลีกหนีไม่พ้น และรณรงค์ได้ยาก ที่จะให้เปลี่ยนเป็นการที่เมื่อไฟเหลืองสว่างขึ้นก่อนจังหวะไฟแดง เป็นการเตือนเพื่อให้ชะลอความเร็วลงและเบรก
    • หากอยาก จอดเมื่อเห็นไฟเหลืองแล้วเบรกเพื่อจอด ก็นับเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยจากการถูกชนท้าย เพราะคนไทยส่วนใหญ่ เมื่อเห็นไฟเหลืองจะเข้าใจกันว่า เป็นการเตือนให้เร่งหนีการติดไฟแดงบนแยก
    • ถ้า ต้องการฝืนสังคม (ทั้งที่ไม่ผิด) ควรเหลือบมองกระจกหลังไว้หน่อย เพื่อจะได้ตัดสินใจกดแป้นเบรกด้วยน้ำหนักและจังหวะที่เหมาะสม เพื่อมารยาท ผู้ขับรถยนต์คันหลังไม่ต้องเบรกจนตัวโก่งและไม่เสี่ย งต่อการเสียโฉมของบั้นท้าย รถยนต์ของตน
    9. ไฟเลี้ยว ต้องเปิด-ปิดอย่างเหมาะสม
    • ถือ เป็นเรื่องพื้นฐานที่ถูกมองข้าม การเปิดไฟเลี้ยวเป็นเรื่องจำเป็น เพราะกฎหมายกำหนดให้มีการเตือนผู้ร่วมทางล่วงหน้าตาม ระยะที่เหมาะสม จึงควรเปิดไฟเลี้ยวเมื่อเตรียมเปลี่ยนเลนหรือเลี้ยวล่วงหน้าพอสมควร และไม่ควรเปิดค้างจนลืม
    • ชิดซ้ายเสมอ บนถนนหลายเลนมักมีการเตือนวา "ขับช้า ชิดซ้าย" ซึ่งไม่ค่อยตรงกับหลักการขับปลอดภัย และมารยาทในการใช้ถนน เพราะจะมีรถยนต์แล่นเลนขวาตลอด โดยคิดว่าความเร็วที่ใช้ในขณะนั้นถือว่าเร็วแล้ว ซึ่งอาจเป็นเพราะกฎหมายไทยกำหนดให้ใช้ความเร็วสูงสุด ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อใช้ความเร็วเกินขึ้นไปแล้ว ก็มักจะคิดไปเองว่า เร็วพออยู่แล้ว จึงสามารถแล่นชิดขวาได้ วิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง รักษามารยาท และปลอดภัยในการใช้เลนขวา คือ "แซงแล้วชิดซ้าย" ไม่ว่าจะใช้ความเร็วสูงเท่าไรก็ตาม เมื่อเร็วแล้วแต่ยังมีเร็วกว่าได้
    การขับรถยนต์ด้วยมารยาทที่ดีเป็นเรื่องที่ควรปฏิบัติ

  15. #15
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Jul 2008
    User ID
    3215
    Status
    Offline
    โพส
    3,688

    มาตรฐาน Re: มารยาทในการขับรถยนต์

    อ้างอิง โพสต้นฉบับโดยคุณ mckyparty ดูโพส
    วันก่อนผมพึ่งเซ็งเล็กๆกับคนขับ Sl สปอร์ตป้ายแดงสีขาว ขึ้นทางด่วนจะจ่ายเงินครับ แถวๆพระราม2

    รถติดมาก เลนจากสองเลน ถูกบังคับให้เหลือเลนเดียวเพื่อจ่ายเงินทางด่วน
    อีแม่เจ้านี่ เค้าวิ่งแบบสลับคันกันมาตลอด ไม่เคยมีปัญหา เ็ปนมารยาท เวลาเจอคอขวด ใครไม่รู้ ก้อรู้ไว้ด้วยนะครับ เปนพื้นฐานที่เมืองนอกเค้าสั่งสอนกันมานาน แต่บ้านเรา นานๆจะได้เห็น

    อีถ่อยนี่ แทรก แทรก แทรก กะจะเบียดขึ้นหน้าผม เบิ้ลเปนคันที่สอง ผมก้อไม่ยอม จนที่สุึดเค้าแทรกไม่ได้ บีบแตรด่าผมใหญ่เลย

    สะใจ จริงๆ คิดว่าขี่คันละสิบล้านแล้ว ทำอะไรถ่อยๆ ต่อหน้าคนถ่อยอย่างผม
    เมื่อคืนผมก็เจอเหมือนน้าเลยแยกเทศบาลหัวหิน เขาติดไฟแดงเป็นแถวจู่ ๆ วิ่งช่องรถเลี้ยวซ้ายมา จะหน้าด้านมาแทรกเข้าเลนเลี้ยวขวาผมไม่ยอม ไฟเลี้ยวก็ไม่ขอ เปิดกระจกขอก็ไม่ทำ เร่งเครื่องแล้วหักหน้าจะเข้าแถว ผมไม่ยอมแถมกดแตร(ด่า)ด้วย เขาโกรธเร่งเครื่องควันตลบทั้งถนนเลยแล้วก็เข้าจอดข้างฟุตบาตไปเลย

  16. #16
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Apr 2008
    User ID
    2195
    Status
    Offline
    โพส
    55

    มาตรฐาน Re: มารยาทในการขับรถยนต์

    อยากให้คนขับรถทุกคันได้อ่านจังเลยครับ..โดยเฉพาะพวกรถหรูที่วิ่งซ้ายไม่เป็น

  17. #17
    vasin2523
    ผู้เยี่ยมชม

    มาตรฐาน Re: มารยาทในการขับรถยนต์

    ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูลดีๆครับ

  18. #18
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Oct 2010
    User ID
    13948
    Status
    Offline
    โพส
    1,213

    Post Re: มารยาทในการขับรถยนต์

    สาระดีดี อีกแล้วครับทั่น รับทราบนําไปใช้ได้เลย

  19. #19
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Jul 2010
    User ID
    12857
    Status
    Offline
    โพส
    466

    มาตรฐาน Re: มารยาทในการขับรถยนต์

    อ้างอิง โพสต้นฉบับโดยคุณ beejle ดูโพส
    ที่เจอนะครับ จะมีคนบางประเภทครับ ที่เห็นไฟเลี้ยวเราแล้วชอบเหยียบคันเร่ง
    ไม่ให้เราแทรกครับ ทั้งๆที่ความเร็ว 50-70 นะครับ (ใน กทม.) ซึ่งระยะที่เราเปิดไฟเพื่อจะเปลี่ยนเลนนั้นมีมากพอ ที่เราสามารถเข้าได้เลย ที่เปิดไฟ ก็เพื่อมารยาท ครับ แต่พอเปิดไฟปุ๊บ เค้าเล่นเหยียบคันเร่งปั๊บไม่ให้เข้าครับ งงครับ
    ก็อย่าเปิดสิครับ555

  20. #20
    Modereter TTC-Member รูปส่วนตัว Alongkorn
    สมัครเมื่อ
    Jan 2008
    User ID
    4
    Status
    Offline
    โพส
    2,019

    มาตรฐาน Re: มารยาทในการขับรถยนต์

    อ้างอิง โพสต้นฉบับโดยคุณ chaiyasit ดูโพส
    ขอบคุณมากครับป๋า..

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากบนผิวจราจรร้านค้าหรือห้างร้านต่างๆไม่นำเก้าอี้,กรวยยาง,เสาปูนขนาดเล็กไปวาง
    จะเป็นการช่วยให้มีพื้นที่ๆสามารถเดินรถได้อย่างคล่องตัวขึ้นนะครับ..เจ้าหน้าที่จราจรน่าเอาผิดได้
    ในรูปแบบนี้เพราะร้านค้า-ห้างร้านเหล่านั้นคงเสียภาษีพอๆกันกับคนอื่นอย่างเราๆกันครับ..
    เราเริ่มที่เราก่อน ทำไมเราจะต้องตามเขาในสิ่งที่ผิด
    ผมเองเคยมีความรู้สึกต่อต้าน
    พวกไร้มารยาทไร้ความรับผิดชอบต่อส่วนรวม
    แต่มันเกินหน้าที่ที่จะไปแก้ไขปัญหา
    คิดไปก็ไร้ความสุข มีแต่ความคิดแค้นความทุกข์ก็ผุดขึ้นมา
    ปวดหัวเปล่าๆ ใครเป็นอย่างไรก็ช่างเขา
    ผมขอเริ่มในสิ่งที่ทำได้ คือการรณรงค์กับสมาชิกเราก่อน
    เราทำตัวเราให้ถูกต้อง และดีที่สุด ชีวิตเราจะมีแต่ความสุข ไร้ทุกข์ตลอดไป
    Tel : 089-8456929
    E-mail : al.vatanasuk@gmail.com

หน้า 1 จากทั้งหมด 3 หน้า 1 2 3 หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย

ข้อมูลกระทู้

Users Browsing this Thread

ในขณะนี้มี 1 ท่านดูกระทู้อยู่. (0 สมาชิกและ 1 ผู้เยี่ยมชม)

Bookmarks

กฎการโพสข้อความ

  • ท่าน ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
  • ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
  • ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขข้อความโพสได้
  •  
  • BB code สถานะ เปิด
  • Smilies สถานะ เปิด
  • [IMG] สถานะ เปิด
  • [VIDEO] code is เปิด
  • HTML สถานะ ปิด