หน้า 1 จากทั้งหมด 2 หน้า 1 2 หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย
สรุปผลการค้นหา 1 ถึง 20 จากทั้งหมด 23

กระทู้: เวลาจอดทำไหมต้องเอาที่ปัดน้ำฝนขึ้นด้วยคับ ???

  1. #1
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Jul 2011
    User ID
    20845
    Status
    Offline
    โพส
    862

    มาตรฐาน เวลาจอดทำไหมต้องเอาที่ปัดน้ำฝนขึ้นด้วยคับ ???

    มันหมายความว่าไงคับ ใครพอจะอธิบายได้บ้างคับ

  2. #2
    TTC-01780 TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Dec 2009
    User ID
    9910
    Status
    Offline
    โพส
    3,541

    มาตรฐาน ตอบ: เวลาจอดทำไหมต้องเอาที่ปัดน้ำฝนขึ้นด้วยคับ ???

    เห็นเขาบอกมาว่า หากเราจอดกลางวันแดดร้อนๆ ยางที่ปัดน้ำฝนมันจะเสื่อมไวครับ

    เท็จจริงประการใด ให้น้าๆท่านอื่นมาตอบต่อครับ

  3. #3
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Jun 2011
    User ID
    19358
    Status
    Offline
    โพส
    168

    มาตรฐาน ตอบ: เวลาจอดทำไหมต้องเอาที่ปัดน้ำฝนขึ้นด้วยคับ ???

    ยางเสื่อม 99 บาทก้อซื้อได้ครับ
    เเต่สปริงล้าเนี่ยเท่าไหร่ใครทราบมั่งครับ

  4. #4
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Sep 2010
    User ID
    13674
    Status
    Offline
    โพส
    554

    มาตรฐาน ตอบ: เวลาจอดทำไหมต้องเอาที่ปัดน้ำฝนขึ้นด้วยคับ ???

    อ้างอิง โพสต้นฉบับโดยคุณ EDD ดูโพส
    ยางเสื่อม 99 บาทก้อซื้อได้ครับ
    เเต่สปริงล้าเนี่ยเท่าไหร่ใครทราบมั่งครับ
    อันนี้ถูกต้องที่สุด!!

  5. #5
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Jun 2010
    User ID
    12251
    Status
    Offline
    โพส
    367

    มาตรฐาน ตอบ: เวลาจอดทำไหมต้องเอาที่ปัดน้ำฝนขึ้นด้วยคับ ???

    เป็นการปฏิบัติที่เก่าไปแล้วครับ อย่าไปทำตามครับ..เด๋วได้เปลี่ยนสปริงแน่ ถ้าทำบ่อยๆ

  6. #6
    TTC 02070 TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Oct 2010
    User ID
    14011
    Status
    Offline
    โพส
    1,057

    มาตรฐาน ตอบ: เวลาจอดทำไหมต้องเอาที่ปัดน้ำฝนขึ้นด้วยคับ ???

    อ้างอิง โพสต้นฉบับโดยคุณ anuchit330 ดูโพส
    เป็นการปฏิบัติที่เก่าไปแล้วครับ อย่าไปทำตามครับ..เด๋วได้เปลี่ยนสปริงแน่ ถ้าทำบ่อยๆ
    +1ครับ จริงตามนั้น...

  7. #7
    สมาชิกถาวร : TTC-02177 TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Dec 2010
    User ID
    14683
    Status
    Offline
    โพส
    1,859

    มาตรฐาน ตอบ: เวลาจอดทำไหมต้องเอาที่ปัดน้ำฝนขึ้นด้วยคับ ???

    อ้างอิง โพสต้นฉบับโดยคุณ EDD ดูโพส
    ยางเสื่อม 99 บาทก้อซื้อได้ครับ
    เเต่สปริงล้าเนี่ยเท่าไหร่ใครทราบมั่งครับ
    อ้างอิง โพสต้นฉบับโดยคุณ chanwiputn ดูโพส
    อันนี้ถูกต้องที่สุด!!
    เห็นด้วยอีกเสียง ผมคิดว่ายังไง สปริงนี้ต้องราคาต้องแพงกว่า ยางปัดน้ำฝน 99 บาท แน่นอน และบางทีอาจจะต้องเปลี่ยนยกก้านปัดด้วยซ้ำไปครับ

  8. #8
    ตุ้ย-Tui TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Feb 2008
    User ID
    1345
    Status
    Offline
    โพส
    3,175

    มาตรฐาน ตอบ: เวลาจอดทำไหมต้องเอาที่ปัดน้ำฝนขึ้นด้วยคับ ???

    สปริงล้าปัดไม่สะอาด....ปล่อยมันให้แนบสนิทกับกระจกน่าจะดีกว่า

  9. #9
    สมาชิกถาวร : TTC-01501 TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Apr 2010
    User ID
    11695
    Status
    Offline
    โพส
    1,873

    มาตรฐาน ตอบ: เวลาจอดทำไหมต้องเอาที่ปัดน้ำฝนขึ้นด้วยคับ ???

    อย่าไปทำเลยครับ ยางปัดเปลี่ยนปีละครั้งก่อนเข้าฝน แต่สปริงจะใช้ได้นานกว่า 5 ปี ครับ กว่าจะเปลี่ยน

  10. #10
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Nov 2011
    User ID
    25666
    Status
    Offline
    โพส
    1,861

    มาตรฐาน ตอบ: เวลาจอดทำไหมต้องเอาที่ปัดน้ำฝนขึ้นด้วยคับ ???

    ถูกต้องครับ ที่บริษัทเก่าบอกว่าผมทำไมไม่ดูแลรถ จอดรถก็ไม่ยกที่ปัดน้ำฝนขึ้น อะโอเคครับจัดไปเจ้านาย

  11. #11
    สมาชิกถาวร: TTC-00434 TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Sep 2008
    User ID
    3623
    Status
    Offline
    โพส
    5,626

    มาตรฐาน ตอบ: เวลาจอดทำไหมต้องเอาที่ปัดน้ำฝนขึ้นด้วยคับ ???

    ใครอยากยกก็ปล่อยเค้าทำไป ถ้าสปริงล้าก็ไม่ยาก ก็จับมันเปลี่ยนก้านทั้ง2ข้างนั่นละ 555555+ ไม่แพงแต่จุก
    มันก็เหมือนศัพย์เก่าๆ ของพวกคนยุคก่อนๆที่ว่า มิตซูอะไหล่แพง...
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดย coppy42 : 07-12-2011 เมื่อ 18:09

  12. #12
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Jul 2011
    User ID
    20845
    Status
    Offline
    โพส
    862

    มาตรฐาน ตอบ: เวลาจอดทำไหมต้องเอาที่ปัดน้ำฝนขึ้นด้วยคับ ???

    เมื่อคืนมีวีออสจอดหน้าหอ ทั้งที่เป็นกลางคืนผมก็ยังเห็น เอาที่ปัดน้ำฝนขึ้น

  13. #13
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Oct 2011
    User ID
    25199
    Status
    Offline
    โพส
    592

    มาตรฐาน ตอบ: เวลาจอดทำไหมต้องเอาที่ปัดน้ำฝนขึ้นด้วยคับ ???

    มันเป็นความเชื่อบางอย่างครับ 1. ยกเพราะยางจะได้ไม่โดนความร้อนกับกระจก 2. ฝุ่นจะไม่เกาะที่ยางเวลาใช้งานจะไม่เป็นคราบฝุ่น
    ปล. พ่อผมละชอบจริงๆ ไม่เอาขึ้นมีโกรธ แต่เราก็คิดว่าสปริงมันจะล้า ถ้ายกบ่อยๆ ทุกวันนี้เฉยๆ ไม่ค่อยยก เพราะยังไงซะเปลี่ยนทุกปีเมื่อเข้าหน้าฝนอยู่แล้ว

  14. #14
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Apr 2010
    User ID
    11411
    Status
    Offline
    โพส
    701

    มาตรฐาน ตอบ: เวลาจอดทำไหมต้องเอาที่ปัดน้ำฝนขึ้นด้วยคับ ???

    การยก ที่ปัดน้ำฝนขึ้นเวลาจอดรถ ตากแดด มันจะช่วยทำให้ยางปัดน้ำฝนเสื่อมช้าครับ เพราะน้าลองคิดดูว่า แดด โดนตัวเรา ร้อนแล้ว แล้วถ้ามันโดนกระจก ความร้อนสะสม จะร้อนแค่ไหน

    แต่ผมว่าเปลี่ยนใบปัดง่ายกว่าครับ เพราะ สปริงมันจะล้า เพราะมันมีการยืดตลอด ผมเลยไม่ค่อยได้สนใจเรื่องการ ยกที่ปัดน้ำฝนขึ้น เอาไว้อย่างนั้นดีแล้วครับ

  15. #15
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Jul 2008
    User ID
    3215
    Status
    Offline
    โพส
    3,688

    มาตรฐาน ตอบ: เวลาจอดทำไหมต้องเอาที่ปัดน้ำฝนขึ้นด้วยคับ ???

    เป็น 1 ในความเข้าใจผิด ๆ รวมทั้งอีก 1 ที่จอดรถปั๊บเปิดฝากระโปรงปุ๊บทุกครั้ง คิดไปเองมากกว่าไม่เคยทำเลยทั้ง 2 กรณี ถึงเวลาสมควรก็เปลี่ยน ยางปัดน้ำฝนน่ะ ใช้ไป 2 ปีก็ต้องเปลี่ยนแล้วแล้วก็จะเห็นความต่างเมื่อเปลี่ยน แต่หากจะใช้ต่อก็ใช้ได้เพราะไม่ค่อยรู้สึกว่ามันเสื่อมแล้ว

  16. #16
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Jul 2011
    User ID
    20845
    Status
    Offline
    โพส
    862

    มาตรฐาน ตอบ: เวลาจอดทำไหมต้องเอาที่ปัดน้ำฝนขึ้นด้วยคับ ???

    อ้างอิง โพสต้นฉบับโดยคุณ rangsun ดูโพส
    เป็น 1 ในความเข้าใจผิด ๆ รวมทั้งอีก 1 ที่จอดรถปั๊บเปิดฝากระโปรงปุ๊บทุกครั้ง คิดไปเองมากกว่าไม่เคยทำเลยทั้ง 2 กรณี ถึงเวลาสมควรก็เปลี่ยน ยางปัดน้ำฝนน่ะ ใช้ไป 2 ปีก็ต้องเปลี่ยนแล้วแล้วก็จะเห็นความต่างเมื่อเปลี่ยน แต่หากจะใช้ต่อก็ใช้ได้เพราะไม่ค่อยรู้สึกว่ามันเสื่อมแล้ว
    เออ ไอ้หน้าร้านผมมันขับซีวีค ใหม่ พอมันกลับมาจากข้างนอก มันก็เปิดฝากระโปงไว้แบบนี้ตลอดเลย
    แล้วถ้ามันขับไปกรุงเทพ ไม่ดีพักทุก 1 ชั่วโมงเหรอคับ ฮาๆๆๆ

  17. #17
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Nov 2011
    User ID
    26592
    Status
    Offline
    โพส
    154

    มาตรฐาน ตอบ: เวลาจอดทำไหมต้องเอาที่ปัดน้ำฝนขึ้นด้วยคับ ???

    ขอบคุณ ความรู้ทั้งนั้นครับ

  18. #18
    สมาชิกถาวร:TTC-00476 TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Nov 2008
    User ID
    4480
    Status
    Offline
    โพส
    4,726

    มาตรฐาน ตอบ: เวลาจอดทำไหมต้องเอาที่ปัดน้ำฝนขึ้นด้วยคับ ???

    มาดูเรื่องวิธีถนอมรถที่เข้าใจแบบผิด ๆ 29 เรื่อง ซื่งเรื่องที่เข้าใจผิดนี้เองทำให้สมรรถภาพของรถยนต์เสื่อมลงได้หรือส่งผลเสียต่อลดทันที และลดอายุการใช้งานของรถ ลงอีก จากเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่เกิดคาดคิด อาจเป็นเหตุให้เสียเวลาและเสียเงินมากขึ้นอีกด้วยครับ

    ข้อที่ 1

    (ผิด) สตาร์ทแล้วออกรถได้เลยไม่ต้องอุ่นเครื่อง
    (ถูก) อุ่นเครื่องยนต์สักหน่อยก่อนออกรถจะดีกว่า

    เมื่อเครื่องยนต์ทำงานขณะที่ยังเย็นอยู่ เช่น ขณะออกรถจากบ้านไปทำงานตอนเช้า
    หรือติดเครื่องยนต์ เมื่องานเลิกเพื่อกลับบ้านไอของเชื้อเพลิงที่เข้มข้นจะเกาะผนังกระบอกสูบ
    และละลายปนกับฟิล์มน้ำ มันเครื่องที่ฉาบผนังอยู่ทำให้การหล่อลื่นแหวนลูกสูบกับผนังกระบอกสูบไม่เพียง
    พอ สร้างความสึกหรอกในเครื่องยนต์มากกว่าปกติ

    นอกจากนี้ทั้งเชื้อเพลิงที่ระเหยไม่หมดและไอน้ำที่เกิดจากการเผาไหม้ขณะเครื่อง
    ยังเย็นนี้ ยังละลายปนอยู่ในน้ำมันเครื่อง ทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้นอีกด้วย



    ข้อที่ 2
    (ผิด) รถใหม่สมัยนี้ ไม่ต้อง รันอิน
    (ถูก) รถใหม่ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ ต้องรันอิน

    รถรุ่นใหม่ๆ แม้จะมีการควบคุมคุณภาพอย่างดีแล้วก็ตามแต่เครื่องยนต์ใหม่ควรต้อง
    ผ่านการรันอิน และ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสักครั้งก่อนที่จะใช้งานอย่างเต็มที่
    เพราะเศษโลหะที่ตกค้างอยู่ในระบบจะได้ถูกชะล้างออกไป

    การรันอินนั้นทำได้ไม่ยาก โดยในช่วง 1,000 กม. แรก
    ไม่เร่งเครื่องยนต์อย่างรุนแรง หรือใช้รอบ
    เครื่องยนต์ที่สูงมาก ๆ ถ้าใช้รอบเครื่องไม่เกิน 3,000 รตน.(รอบต่อนาที)
    ได้ก็จะดีและเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะที่ผู้ผลิตกำหนด พูดถึงเรื่องนี้
    เคยมีผู้ใช้รถบางคนไม่นำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็ค โดยให้เหตุผลว่า เสียเวลา เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทำที่ไหนก็ได้
    อย่างนี้ น่าเสียดาย แทนจริง ๆเพราะถ้าเกิดความเสียหายกับเครื่องยนต์จะเรียกร้องเอากับใคร



    ข้อที่ 3
    (ผิด) ยกขาก้านปัดน้ำฝนขณะจอดรถช่วยยืดอายุใบปัด
    (ถูก) สปริงในก้านที่ปัดน้ำฝนจะอ่อน และเสียเร็วขึ้น

    ส่วนสำคัญที่ทำให้ที่ปัดน้ำฝนทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพประกอบด้วยใบปัด
    แผ่นยางซึ่งทำหน้าที่รีดน้ำจากกระจกบังลมหน้า ปกติจะมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี
    หากใช้นานกว่านั้นเนื้อยางจะแข็งตัวหรือมีการฉีกขาด ไม่ว่าจะยกไว้หรือไม่ก็ตาม

    อีกส่วนคือ ก้านใบปัด ที่มีสปริงคอยดึงให้ใบปัดแนบสนิทกับกระจก
    ซึ่งรับแรงจากคันโยก และมอเตอร์ ตัวนี้มีราคาสูงกว่าใบปัด การยกก้านเมื่อจอดตากแดด
    สปริงจะถูกดึงให้ยืดออกตลอดเวลาอายุการใช้งานสั้นลง ทำให้ต้องจ่ายแพงกว่าเดิมหลายเท่าถ้าต้องเปลี่ยนทั้งชุด



    ข้อที่ 4

    (ผิด) รถติดไฟแดงคาเกียร์ D ไว้ดีกว่าเปลี่ยนเกียร์ว่าง
    (ถูก) หยุดรถก็โอเค แต่ถ้าติดไฟแดงนานก็ต้องระวังชนคันหน้า

    ในกรณีรถติดไฟแดง ผู้ขับรถที่ใช้เกียร์ธรรมดาจะปลดเกียร์ว่างและเหยียบเบรค
    ป้องกันรถไหล คงจะไม่มีใครเหยียบคลัทช์ และเบรค ใส่เกียร์คาไว้ให้เมื่อยขา
    ขณะที่ผู้ขับรถเกียร์อัตโนมัติ กลับมาพฤติกรรมที่แตกต่างกัน กลุ่มแรก เหยียบเบรคโดยคาเกียร์ไว้ที่ตำแหน่ง D กลุ่มที่ 2
    เบรคเหมือนกัน แต่เลื่อนตำแหน่งคันเกียร์มาที่เกียร์ว่าง N กลุ่มสุดท้าย ดัดคันเกียร์มาอยู่ที่ P ไม่เหยียบเบรค

    ถ้าติดไฟแดงนาน ๆ กลุ่มแรก ต้องระวังมากที่สุดเพราะถ้าขยับตัวแล้วเท้าหลุดจากแป้นเบรค รถอาจพุ่ง
    ไปชนคันหน้า กลุ่มที่ 2 เบาหน่อยแค่เมื่อย ส่วนกลุ่มสุดท้ายสบายใจได้แต่อาจจะไม่สะดวกกับการใช้งาน
    วิธีดีที่สุด คือ เกียร์ว่าง และดึงเบรคมือ



    ข้อที่ 5

    (ผิด) ฝนตกขับ 4 ล้อเกาะกว่า...2 ล้อ
    (ถูก) อย่าใช้ระบบขับเคลื่อนผิดประเภท จะได้ไม่ต้องเสียใจ

    ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อนั้นอาจจะช่วยให้รถเกาะถนนมากกว่าระบบขับเคลื่อน 2 ล้อแต่
    สำหรับรถที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์หรือ ตามต้องการ ในรถพิคอัพหรือพีพีวีที่มีชุดส่งกำลังแยกเพื่อส่ง
    กำลัง ไปยังล้อหน้า กำลังจากล้อหลังจะถูกแบ่งมายังล้อหน้า อาการท้ายปัดหรือล้อหลังฟรีก็จะน้อยลง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเกาะถนนดี เมื่อต้องเลี้ยวในความเร็วสูง
    ล้อหน้าที่ถูกล็อคให้หมุนจะเลี้ยวได้น้อยลง ทำให้ต้องใช้วงเลี้ยวที่กว้างขึ้นจึงมีรถประเภทนี้หลุดโค้งให้เห็นกันเป็นประจำ

    ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์มีไว้เพื่อช่วยให้รถสามารถผ่านทางทุรกันดารได้
    ง่ายขึ้น ต่างกับพวกที่เป็นฟูลล์ไทม์หรือ ตลอดเวลา ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการยึดเกาะถนน



    ข้อที่ 6

    (ผิด) เดินทางไกลลมยางอ่อนดี
    (ถูก) ลมน้อย ยางมีโอกาสระเบิด

    คู่มือการใช้และดูแลรักษายางรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นค่ายไหนก็แนะนำตรงกันว่าผู้ใช้รถควรเติมลมยางตาม
    มาตรฐานที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดไว้ และให้เพิ่มแรงดันลมยางให้สูงขึ้นอีก 2-3 ปอนด์ เมื่อต้องเดินทาง
    ไกล

    ลมยางที่อ่อนกว่ามาตรฐานกำหนด นอกจากจะทำให้ยางด้านนอกสึกมากกว่าด้านในแล้วยังอาจส่งผลเสีย
    กับ โครงสร้างยางได้ มีโอกาสเกิด ยางระเบิดมากกว่าหรือใกล้เคียงกับยางที่มีแรงดันลมยางเกินกำหนด เพราะอุณหภูมิความร้อนที่เกิดจากการเสียดสีของหน้ายาง
    และฉีกขาดได้ง่าย



    ข้อที่ 7
    (ผิด) ตั้งศูนย์ล้อหน้าอย่างเดียวก็พอ
    (ถูก) ทุกล้อมีความสำคัญ ตั้งศูนย์ล้อควรทำทั้ง 4 ล้อ

    เชื่อหรือไม่ว่า ศูนย์ล้อหลังมีความสำคัญพอ ๆ กับศูนย์ล้อหน้า หรืออาจจะมากกว่า เพราะมุมที่ล้อหลัง
    เอียงไปเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้รถเสียสมดุลเมื่อเบรคหรือเลี้ยวและทำให้รถเลี้ยวไปมากกว่าที่คิด

    รถ ยนต์ส่วนใหญ่จะปรับตั้งศูนย์ล้อได้หน้า/หลัง ยกเว้นรถขับเคลื่อนหน้าบางรุ่นที่ปรับได้แต่เฉพาะล้อหน้าเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถตั้งศูนย์ล้อหลัง ก็ต้องทำใจ



    ข้อที่ 8
    (ผิด) เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินข้ามแยก
    (ถูก) เวลาข้ามแยก รอให้รถว่าง และไม่เปิดไฟฉุกเฉิน

    ถ้าคุณเปิดไฟฉุกเฉิน รถทั้งด้านซ้าย/ขวา ต่างก็จะเห็นสัญญาณไฟเลี้ยวเพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น รถทางขวาอาจจะจอดให้ไป
    แต่สำหรับทางซ้ายอาจคิดว่าคุณจะเลี้ยวซ้ายจึงไม่หยุดให้อุบัติเหตุจึงเกิดขึ้นด้วยความเข้าใจผิด จากการใช้สัญญาณไฟแบบผิดที่ผิดทาง



    ข้อที่ 9
    (ผิด) ฝนตกหนัก หรือหมอกลงจัดต้องเปิดไฟฉุกเฉิน
    (ถูก) อาจสร้างความสับสนให้ผู้ร่วมทาง ไฟฉุกเฉินใช้เวลาจอดฉุกเฉิน

    ใน สภาพอากาศที่ไม่ดี และทัศนวิสัยแย่มาก จนมองแทบไม่เห็นรถคันหน้าการชะลอความเร็ว เปิดไฟหน้าและทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากขึ้น เป็นสิ่งที่ควรทำ

    แต่การใช้สัญญาณไฟฉุกเฉิน ทำให้รถที่วิ่งสวนทางมาเข้าใจผิดคิดว่ามีรถจอดเสีย
    อยู่ทางซ้ายริมถนน และหักหลบไปทางขวา ซึ่งเป็นไหล่ทาง กว่าจะเห็นอาจจะสายเกินไปไม่ลงไปข้างทางก็อาจ
    พุ่งข้ามช่องทางมาชน หรือถ้าหยุดรถก็ขวางทาง และเกิดอุบัติเหตุ

    การ ใช้สัญญาณไฟฉุกเฉิน หรือไฟผ่าหมาก ควรใช้เฉพาะเวลาที่รถเสียและต้องจอดอยู่ริมถนน เพื่อบอกให้เพื่อนร่วมทางที่สัญจรผ่านไปมา ใช้ความระมัดระวัง



    ข้อที่ 10
    (ผิด) ผ้าเบรคแข็ง หรือ ผ้าเบรคเนื้อแข็ง ไม่ดี
    (ถูก) ไม่แน่เสมอไป ขึ้นอยู่กับความต้องการ

    ความเข้าใจผิด ๆ เรื่อง ผ้าเบรค ที่ว่าผ้าเบรคอ่อนดีกว่าแข็งเกิดจากบรรดาช่างซ่อมรถที่ไม่ได้อธิบายให้เจ้าของรถเข้าใจ

    การผสมเนื้อผ้าเบรคให้ใช้งานได้ดี เป็นศาสตร์ชั้นสูง ใช้วัสดุนานาชนิดและมีส่วนที่แตกต่างกัน ซึ่งจะ
    มีผลต่อคุณสมบัติของผ้าเบรค และมักจะขัดแย้งกันเองถ้าเน้นข้อดีข้อใดขึ้นมาก็มักจะมีข้ออื่นด้อยลงไป
    เช่น การใช้ส่วนผสมที่เบรคหยุดดี ก็จะกินเนื้อจานเบรคมาก หรือร้อนจัด หรือไม่เนื้อผ้าเบรคก็สึกเร็ว
    พอทำให้สึกช้า ก็แข็ง เบรคไม่ค่อยอยู่ หรือมีเสียงรบกวน ส่วนผ้าเบรคเนื้ออ่อนที่มีจุดเด่นเรื่องไม่กัดกินเนื้อจานเบรค



    ข้อที่ 11
    (ผิด) เอนนอนขับแบบนักแข่ง...สบายที่สุด
    (ถูก) อย่าปรับเบาะเอนมาก จะได้ไม่เมื่อย

    ท่า ขับแบบนักแข่งตัวจริง ต่างกับการปรับเบาะเอนนอนขับมากการนั่งท่านี้จะรู้สึกว่าจะหลุดจากเบาะนั่ง ทุกครั้งที่เบรคแรง ๆ แขนที่เหยียดตึงตลาดเวลานอกจากจะทำให้เมื่อยล้า
    ยังต้องยกตัวขึ้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลี้ยวเพราะไม่มีแรงหมุนพวงมาลัย และมองทางข้างหน้าไม่เห็นเช่นเดียวกับเวลาถอยหลังจอด สาย
    เข็มขัดนิรภัยที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าการนั่งขับแบบปกติอาจจะรั้งคอแทนที่จะเป็นไหล่เมื่อเกิดอุบัติเหตุ

    ท่านั่งที่ถูก ต้องเอาหลังพิงพนักจนสนิทแล้วเหยียดแขนข้างใดข้างหนึ่งไปวางบนส่วนบนสุดของพวงมาลัย
    แล้วตรงกับข้อมือ ขาต้องสามารถเหยียบแป้นคลัทช์จนจมโดยไม่ต้องเหยียดข้อเท้าสุดแบบนักบัลเลท์ส่วนต้าของขาอ่อนดันกับเบาะนั่งส่วนหน้า
    จนรู้สึกว่าน้ำหนักตัวที่ลงตรงสะโพกพอดี และยังสัมผัสกับพนักพิง



    ข้อที่ 12

    (ผิด) นั่งชิดพวงมาลัยเพื่อให้มองเห็นหน้ารถ
    (ถูก) อันตราย ตัวอาจกระแทกกับพวงมาลัยบาดเจ็บ

    ผู้ที่นั่งใกล้พวงมาลัยเกินไป มักเป็นผู้ที่ไม่ค่อยให้ความสนใจกับเรื่องความปลอดภัยในการขับรถ และได้รับ
    การ สอนท่านั่งมาแบบผิด ๆ ลำตัวที่อยู่ชิดกับพวงมาลัย นอกจากจะทำให้หมุนพวงมาลัยไม่ถนัดเพราะแขนงอมากเกินไป ยังเพิ่มความเสี่ยงให้แกตัวผู้ขับ
    ที่อาจจะบาดเจ็บจากการที่ลำตัวกระแทกกับพวงมาลัย และแรงระเบิดจากถุงลมนิรภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุ



    ข้อที่ 13

    (ผิด) สอดมือหมุนพวงมาลัยถนัด เบาแรง และปลอดภัย
    (ถูก) ไม่ถนัดจริง และอันตราย ไม่ควรทำ

    การหงายมือล้วงหรือสอดมือจับพวงมาลัย เพื่อเลี้ยวรถเป็นการออกแรงดึงเข้าหาตัว จึงทำให้รู้สึกว่าออก
    แรงน้อยกว่าการจับแบบคว่ำมือหมุน แต่การทำแบบนั้นมี อันตราย มาก ถ้าหากล้อหน้าเกิดสะดุดก้อนหิน
    และเกิดมือหลุดจากพวงมาลัย



    ข้อที่ 14

    (ผิด) เกียร์ ซีวีที ขับยากและกินน้ำมันกว่าเกียร์ทั่วไป
    (ถูก) ขับง่ายและประหยัดน้ำมันกว่าเกียร์อัตโนมัติทั่วไป

    การไม่สามารถเข้าใจเหตุผล ก็กลายเป็นปัญหาใหญ่ ผู้ที่ขับรถใช้เกียร์ซีวีที
    บอกว่าขับแล้วรู้สึกเหมือนขับรถที่เกียร์ หรือระบบขับเคลื่อน มีปัญหา ให้ความรู้สึกที่ไม่ดีโดยเฉพาะตอนที่
    ขับด้วยความเร็วคงที่แล้วกดคันเร่งเพิ่ม เกียร์จะเลือกอัตราทดที่เหมาะ ทำให้ความเร็วเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น
    ทันที แต่ความเร็วรถยังเท่าเดิม ให้ความรู้สึกเหมือนรถคลัทช์ลื่น

    การขับแบบประหยัดเชื้อเพลิง ให้เหยียบคันเร่งไม่ลึกนักขณะออกรถและรักษาระยะที่เหยียบไว้ ช่วงแรก
    เครื่องยนต์จะส่งกำลังผ่านทอร์คคอนเวอร์เตอร์ พอล้อรถหมุนเร็วพอสมควรและไม่ต้องการความช่วย
    เหลือจากทอร์คคอนเวอร์เตอร์แล้วระบบต่อตรงส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังจานทรงกรวย ตัวขับก็จะ
    ทำงาน จากนั้นระบบควบคุมจะลดระยะห่างของจานทรงกรวยคู่ที่เป็นตัวขับเป็นการลดอัตราทด เพื่อเพิ่ม
    ความเร็วรถ โดยที่ความเร็วของเครื่องยนต์ค่อนข้างคงที่ ยกตัวอย่างเช่นประมาณ1,800 รตน.
    ความเร็วจะเพิ่มขึ้นตาม ส่วนเดียวกับที่อัตราทดของเกียร์ลดลงจะได้ความเร็วประมาณ 60-70 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดของการเหยียบคันเร่งของเราเท่านี้
    เยี่ยมไหมครับ



    ข้อที่ 15
    (ผิด) ต้องเปลี่ยนไส้กรองทุกครั้งที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
    (ถูก) ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทุกครั้ง แต่ถ้าเปลี่ยนได้ก็ดี

    ผู้ผลิตรถยนต์จากยุโรป แนะนำให้เปลี่ยนพร้อมกับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกครั้ง แต่โรงงานผลิตรถ
    ยนต์ของญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อย แนะนำให้เปลี่ยนไส้กรอง หรือหม้อกรองทุก ๆครั้งที่ 2 ของการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง

    ถ้าคำนึงถึงคุณภาพของน้ำมันเครื่องยุคปัจจุบันแล้ว น้ำมันเครื่องหมดอายุแล้วในหม้อกรองน้ำมันเครื่อง
    จำนวน หนึ่งปนเปื้อนไม่ถึงกับให้โทษในด้านการหล่อลื่นหรือทำความสะอาดภายในเครื่อง ยนต์ แต่เมื่อคำนึงถึงราคาหม้อกรอง หรือไส้กรอง ซึ่งถูกกว่าราคาน้ำมันเครื่องแล้วควรเปลี่ยนทุกครั้งเพื่อให้น้ำมันเครื่อง สะอาดที่สุด และทำหน้าที่รักษาเครื่องยนต์ของเราจะดีกว่า


    ข้อที่ 16

    (ผิด) ควรเติม หัวเชื้อน้ำมันเครื่องเพื่อถนอมเครื่องยนต์
    (ถูก) อาจจะหนืดไป แค่ใช้น้ำมันเครื่องดี มีคุณภาพ ก็เพียงพอแล้ว

    เราแบ่งหัวเชื้อน้ำมันเครื่องได้เป็น 2 ประเภท คือ ประเภทที่ช่วยเพิ่มคุณภาพของน้ำมันเครื่อง และประเภทที่ช่วยเพิ่มความหนืดของน้ำมันเครื่อง
    น้ำมันเครื่องคุณภาพสูงในปัจจุบันมีส่วนผสมของสารต่าง ๆ อยู่ในปริมาณและ ส่วนที่เหมาะสมจึงไม่ควรใส่สารอื่นเข้าไปทำลาย
    ส่วนสารเคมีเหล่านี้ให้เสียสมดุลและกลับให้โทษแก่เครื่องยนต์ประเภทแรกจึงไม่จำเป็น

    ส่วน หัวเชื้อน้ำมันเครื่องที่ช่วยเพิ่มความหนืดอาจช่วยลดความสิ้นเปลืองน้ำมัน เครื่องของเครื่องยนต์ที่หมดสภาพแล้วได้บ้าง แต่เมื่อคำนึงถึงราคาแล้ว ก็ไม่น่าจะช่วยประหยัดได้
    และเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุด้วย วิธีที่ถูกต้องคือ การซ่อมใหญ่ หรือ โอเวอร์ฮอล เพื่อให้เครื่องยนต์กลับคืนสู่สภาพดีปกติ



    ข้อที่ 17

    (ผิด) เติมน้ำมันเครื่องคุณภาพสูงปนกับน้ำมันเครื่องทั่วไปจะได้คุณสมบัติที่ดีขึ้น
    (ถูก) การผสมไม่ได้ช่วยให้คุณภาพดีขึ้นใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพมาตรฐานจะดีกว่า

    การ นำน้ำมันเครื่องคุณภาพสูงสุดสักครึ่งลิตรมาผสมกับน้ำมันเครื่องคุณภาพ ปานกลาง ก็ไม่สามารถเพิ่มคุณภาพขึ้นมาได้ เอาเงินส่วนนี้ไปทำประโยชน์ส่วนอื่นจะดีกว่า
    เช่นเดียวกับการเอาน้ำมันเครื่องคุณภาพต่ำมาเติมผสมลงไปในน้ำมันเครื่องชั้น ดีราคาสูง
    ซึ่งจะทำให้ส่วนผสมของสารเพิ่มคุณภาพในน้ำมันเครื่องเสียสมดุลไป เท่ากับน้ำมันเครื่องทั้งหมดคุณภาพต่ำไป

    การ เติมน้ำมันเครื่องใหม่เมื่อน้ำมันเครื่องเดิมใกล้จะถึงกำหนดเปลี่ยนถ่ายนั้น ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำเพราะไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไปเพื่อแลกกับการใช้งาน เพียงระยะสั้น
    ทางที่ดีเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเลยจะคุ้มกว่า



    ข้อที่ 18

    (ผิด) ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องใหม่ทุก ๆ 5,000 กม
    (ถูก) ขึ้นอยู่กับคุณภาพน้ำมันเครื่องและความต้องการของเครื่องยนต์

    ผู้ ผลิตรถยนต์แต่ละรายกำหนดมาตรฐานคุณภาพของน้ำมันเครื่องที่เครื่องยนต์แต่ละ รุ่นต้องการใช้ อยู่ในคู่มือประจำรถ และกำหนดระยะเวลาการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องไว้แตกต่างกันด้วย
    รถยนต์ของค่ายญี่ปุ่น จะมีกำหนดเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เช่น ทุก ๆ 5,000 กม. และ 10,000 กม.
    ส่วนรถค่ายยุโรปส่วนใหญ่ที่เครื่องยนต์ใหญ่ใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำและมาตรฐานคุณภาพของน้ำมันเครื่องไว้สูง เช่น ระดับ SJ
    สำหรับเครื่องยนต์เบนซินจะกำหนดระยะทางถึง 15,000 กม. หรือมากกว่านั้น

    ปัจจุบันกำหนดเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่มีระยะมากที่สุด เป็นของรถเปอโยต์ คือ ทุก ๆ 30,000 กม. แต่
    อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนก่อนเวลาก็ไม่ได้ทำให้เสียหายเพียงแต่เปลืองเงินกว่าที่ควร เท่านั้นเอง

    ถ้าใช้น้ำมันเครื่อง ธรรมดา คุณภาพสูง แล้วใช้งานหนักมาก เปลี่ยนทุก 5,000 กม.
    ถ้าใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% เปลี่ยนทุก 10,000 กม. หากใช้งานเบากว่านี้
    เพิ่มระยะทางได้ตามความเหมาะสม



    ข้อที่ 19
    (ผิด) ดีเซลมีระยะการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเท่ากับเบนซิน
    (ถูก) อุณหภูมิภายในไม่เท่ากัน อายุการใช้งานก็ต่างกันด้วย

    การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ดีเซล ก่อให้เกิดเขม่ามากกว่าในเครื่องยนต์เบนซิน
    ผงเขม่าขนาดเล็กสามารถลอดผ่านกระดาษกรองของหม้อกรองน้ำมันเครื่องได้
    เมื่อสะสมแขวนลอยอยู่ในน้ำมันเครื่องมากขึ้น จะทำให้น้ำมันเครื่องมีค่าความหนืดสูงขึ้น
    คุณสมบัติในการหล่อลื่นจึงลดลง

    เครื่องยนต์ดีเซลระบบฉีดตรงเข้าห้องเผาไหม้ หรือไดเรคท์อินเจคชันยุคใหม่มีเขม่าน้อยกว่าแบบพรีแชมเบอร์มาก
    กำหนดเปลี่ยนน้ำมันเครื่องของเครื่องยนต์แบบนี้ใกล้เคียงกับเครื่องยนต์เบนซิน



    ข้อที่ 20

    (ผิด) น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% คุ้มกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา
    (ถูก) ราคาแพงกว่าใช้ได้นานกว่า แต่จะคุ้มหรือไม่อยู่ที่ใจ

    จุดเด่นแรกของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์อยู่ที่ค่าความหนืดต่ำที่อุณหภูมิต่ำจึง
    ไหลไปหล่อลื่นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เริ่มติดเครื่องยนต์ในสภาพเย็นจัด
    เช่น ต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียสซึ่งสภาวะเช่นนี้ไม่มีในประเทศไทย

    ข้อดีประการที่ 2 คือทนต่อความร้อนสูงที่ผนังกระบอกสูบได้ดีกว่า
    จึงมีอัตราการระเหยเป็นไอได้น้อยกว่าน้ำมันเครื่อง ธรรมดา อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเครื่องน้อย

    จุดเด่นอีกข้อของน้ำมันเครื่อง สังเคราะห์ คือ การมีค่าดัชนีความหนืดสูง
    จึงไม่ใส เกินไปเมื่อถูกความร้อนจัด
    น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จึงมีสารปรับดัชนีความหนืดผสมอยู่ในอัตราที่
    น้อยกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา

    เนื่องจากสารปรับดัชนีความหนืดนี้เสื่อมสภาพได้ง่ายตามอายุใช้งานยาวนานกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดามาก

    เมื่อเปรียบเทียบราคาน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100%
    กับราคาน้ำมันเครื่องธรรมดา ระดับคุณภาพสูง
    สุดน้ำมันเครื่องสังเคราะห์จะมีราคาสูงกว่าราว 2 ถึง 4
    เท่าจึงไม่สามารถกล่าวได้ว่า คุ้มกว่าน้ำมัน
    เครื่องธรรมดา ยกเว้นพวกชอบใช้ของแพง ได้จ่ายเงินมากแล้วมีความสุข
    ผู้ที่ต้องการถนอมให้เครื่องยนต์สึกหรอน้อยที่สุด โดยไม่คำนึงถึงราคาว่าคุ้มหรือไม่

    น้ำมันเครื่องมาตรฐานที่ผู้ผลิตกำหนดน่าจะเป็นน้ำมันเครื่องที่ใช้ได้คุ้มค่าและ
    เพียงพอกับความต้องการแล้ว



    ข้อที่ 21
    (ผิด) ใช้น้ำมันเครื่องราคาถูกแต่เปลี่ยนบ่อย ๆ ช่วยถนอมเครื่องยนต์
    (ถูก) ถ้าเจอน้ำมันเครื่องปลอม ไม่มีคุณภาพ อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหาย

    ไม่ควรนำน้ำมันเครื่องราคาถูกมาเปลี่ยนบ่อย ๆ เช่น ทุก 3,000 หรือ 4,000 กม.
    แทนน้ำมันเครื่องมาตรฐานที่ผู้ผลิตกำหนด เพราะในประเทศเราที่ไม่มีหน่วยงานควบคุม
    และตรวจสอบคุณภาพของน้ำมันเครื่องอยู่เลย แม้น้ำมันเครื่องระดับคุณภาพสูงที่เราซื้อมา
    ก็อาจเป็นของปลอมที่กรองและฟอกสีมาจากกากน้ำมันเครื่องใช้แล้วก็ได้

    วิธีถนอมเครื่องยนต์ที่ดีที่สุด คือ เลือกใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพสูงสุดก่อนอื่นต้องเลือก ยี่ห้อ และสถานที่
    จำหน่าย ที่น่าไว้วางใจได้ เลือกระดับคุณภาพ แล้วจึงดูระดับความหนืด หรือความข้นของน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับอุณหภูมิเฉลี่ยของเมืองไทย เช่น 10W-40/15W-40/15W-50 หรือ 20W-50

    ระดับคุณภาพที่รู้จักกันแพร่หลายใ นประเทศไทย คือ
    ระดับคุณภาพตามมาตรฐานของ API (American Petroleum Institute)
    ถ้าเป็นรถใช้เครื่องยนต์เบนซินควรใช้น้ำมันเครื่อง
    ระดับคุณภาพ SJ หรือ อย่างน้อย SH ถ้าเป็นรถใช้เครื่องยนต์ดีเซล ควรเลือกระดับ CG-4
    หรืออย่างน้อย CF-4



    ข้อที่ 22
    (ผิด) แบทเตอรี่ลูกใหญ่ สตาร์ทติดง่าย
    (ถูก) แบทเตอรี่ขนาดไหนก็ใช้ไฟเท่าเดิม

    การใช้แบทเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม ขณะที่องค์ประกอบอื่น ๆ
    ทั้งเครื่องยนต์ไดสตาร์ท และไดชาร์จ
    ยังมีขนาดเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
    นอกจากจะเป็นความสิ้นเปลืองที่เกินกว่าความจำ
    เป็น เพราะความต้องการไฟในการสตาร์ทเครื่องยนต์ยังเท่าเดิมแล้ว
    ยังอาจส่งผลเสียกับไดชาร์จในอนาคต

    แบทเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่มากเกินไป
    ไม่เพียงต้องทำให้เจ้าของรถต้องดัดแปลงแท่นวาง
    แบทเตอรี่ใหม่เท่านั้น ยังอาจส่งผลให้ไดชาร์จทำงานเต็มกำลังตลอดเวลา
    เพื่อบรรจุไฟเข้าไปเก็บในแบทเต
    อรี่ ซึ่งจะหยุดก็ต่อเมื่อไฟเต็มแบตเตอรี่
    ในปัจจุบันแม้มีขนาดที่เล็กแต่ก็ใช้งานได้ดีไม่แพ้แบทเตอรี่ลูกใหญ่


    ข้อที่ 23
    (ผิด) ปิดพัดลมแอร์ก่อนดับเครื่องยนต์ จะใช้ให้แอร์ไม่เสียเร็ว
    (ถูก) ควรปิดคอมเพรสเซอร์แอร์ ก่อนดับเครื่อง ช่วยยืดอายุตู้แอร์

    ระบบทำความเย็นทั้งภายในรถและอาคาร อาศัยหลักการถ่ายเทความเย็น
    และระบายความร้อน ซึ่งตู้แอร์ หรือคอยล์เย็น จะมีสารทำความเย็นบรรจุอยู่ภายใน
    โดยมีพัดลมทำหน้าที่เป่าลมการปิดพัดลมก่อน
    ดับเครื่อง ความเย็นยังคงอยู่ภายในระบบ ตู้แอร์จึงชื้น
    และกลายเป็นที่สะสมฝุ่นละออง ซึ่งจะทำให้ลม
    ผ่านได้ไม่สะดวก เกิดการอุดตัว และตู้รั่ว

    การเปิดคอมเพรสเซอร์ หรือปิดสวิทช์ AC ก่อนดับเครื่องยนต์อย่างน้อย
    5-10 นาที จะช่วยไล่ความชื้น
    ในตู้แอร์ ไม่เป็นที่สะสมฝุ่น นอกจากจะช่วยยืดอายุตู้แอร์
    ยังช่วยลดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ที่มักเกิดขึ้น
    พร้อม ๆ กับความชื้นอีกด้วย


    ข้อที่ 24

    (ผิด) แก็สโซฮอล์สิ้นเปลืองกว่าเบนซิน 95 เพราะระเหยได้ง่ายกว่า
    (ถูก) แอลกอฮอลล์มีควาามหนาแน่นของพลังงานต่ำกว่าของเบนซิน

    การที่แก็สโซฮอล์สิ้นเปลืองกว่าเพราะแอลกอฮอล์มีพลังงานสะสมในตัวมันน้อยกว่า
    เมื่อเทียบมวลเท่ากัน เช่น มีพลังงานกี่กิโลแคลอรี่ต่อมวลหนึ่งกิโลกรัมเท่ากัน
    หรือกล่าวได้ว่าแอลกอฮอล์มีความหนาแน่นของพลั
    งงาน หรือค่าความร้อน (Heating Value) ต่ำกว่าของเบนซิน
    เกี่ยวกับการระเหยง่ายอย่างที่หลายคนคิด

    ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ น้ำมันเบนซินซึ่งระเหยง่ายมาก
    และน้ำมันดีเซลซึ่งระเหยยากมาก แต่มี
    ความหนาแน่นของพลังงานหรือค่าความร้อนพอ ๆ กัน
    และมากกว่าของแอลกอฮอล์ประมาณเท่าตัว



    ข้อที่ 25
    (ผิด) ไส้กรองอากาศไม่ต้องเปลี่ยน แค่เป่าลมก็ใช้ได้
    (ถูก) เปลี่ยนใหม่ดีกว่า ช่วยประหยัดค่าน้ำมันอีกด้วย

    การใช้ลมเป่าไส้กรองอากาศที่นิยมทำกัน เมื่อมีฝุ่นติดเต็ม
    จนมองไม่เห็นสีเดิม วิธีนี้ช่วยให้ฝุ่นละอองเบา
    บางลง อากาศไหลผ่านได้ดียิ่งขึ้น
    แต่ถ้าเป่าแรงเกินไปแผ่นกรองอาจเสียหายจนใช้
    งานต่อไม่ได้ เพราะมีรูกว้างจนฝุ่นขนาดใหญ่สามารถผ่านเข้าไปได้

    คิดแล้วไม่คุ้ม ยอมจ่ายเงินซื้อของใหม่มาใส่จะคุ้มกว่า
    การล้างคาร์บูเรเตอร์หรือหัวฉีด แถมยังประหยัด
    ค่าน้ำมันทางอ้อมอีกด้วย



    ข้อที่ 26

    (ผิด) เปลี่ยนกรองเปลือย และหัวเทียน ทำให้รถแรงขึ้น
    (ถูก) ช่วยอะไรไม่ได้มาก ไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไป

    การเปลี่ยนกรองอากาศมาเป็นแบบกรองเปลือย
    ที่ไม่มีกล่องป้องกันฝุ่นและท่อนำอากาศ
    อาจจะช่วยให้อากาศเข้าได้สะดวกขึ้น
    แต่ความหนาแน่นของมวลอากาศน้อยลงเพราะอุณหภูมิความร้อน
    ภายในห้องเครื่องยนต์ ซึ่งปริมาณอากาศกับห้องเผาไหม้เท่าเดิม
    จึงให้กำลังตกลงเมื่อเครื่องร้อน
    อีกทั้งมีฝุ่นละอองมากทำให้ต้องล้างหรือทำความสะอาดบ่อย ๆ

    การใช้หัวเทียนใหม่ช่วยให้การจุดระเบิดสมบูรณ์
    แต่ไม่ได้เพิ่มกำลังเครื่องยนต์
    ให้สูงกว่ามาตรฐานผู้ผลิตร
    ถยนต์ได้กำหนดไว้



    ข้อที่ 27

    (ผิด) รถที่ใช้จานเบรค 4 ล้อปลอดภัยกว่ารถที่ใช้ดุมเบรคหลัง
    (ถูก) ไม่แน่ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของก

    http://www.car2hot.com/news/2411.html

  19. #19
    สมาชิกถาวร : TTC-01501 TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Apr 2010
    User ID
    11695
    Status
    Offline
    โพส
    1,873

    มาตรฐาน ตอบ: เวลาจอดทำไหมต้องเอาที่ปัดน้ำฝนขึ้นด้วยคับ ???

    เยี่ยมคร้าบบบบบ น้าแสบ ข้อมูลดีดี

  20. #20
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Dec 2010
    User ID
    14700
    Status
    Offline
    โพส
    519

    มาตรฐาน ตอบ: เวลาจอดทำไหมต้องเอาที่ปัดน้ำฝนขึ้นด้วยคับ ???

    ดีดีครับ..แบ่งปันเคล็ดลับที่หลายคนอาจจะยังเข้าใจผิดอยู่

หน้า 1 จากทั้งหมด 2 หน้า 1 2 หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย

ข้อมูลกระทู้

Users Browsing this Thread

ในขณะนี้มี 1 ท่านดูกระทู้อยู่. (0 สมาชิกและ 1 ผู้เยี่ยมชม)

Bookmarks

กฎการโพสข้อความ

  • ท่าน ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
  • ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
  • ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขข้อความโพสได้
  •  
  • BB code สถานะ เปิด
  • Smilies สถานะ เปิด
  • [IMG] สถานะ เปิด
  • [VIDEO] code is เปิด
  • HTML สถานะ ปิด