หน้า 3 จากทั้งหมด 3 หน้า หน้าแรกหน้าแรก 1 2 3
สรุปผลการค้นหา 41 ถึง 42 จากทั้งหมด 42

กระทู้: ขอระบายหน่อยครับ

  1. #41
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Oct 2010
    User ID
    13860
    Status
    Offline
    โพส
    2,783

    มาตรฐาน ตอบ: ขอระบายหน่อยครับ

    อ้างอิง โพสต้นฉบับโดยคุณ Airbone plus ดูโพส
    ก็นั่นแหละมาจากการขับรถได้ แต่ขับไม่เป็น เบื่อมากพวกนี้ หนามยอกหนามบ่งครับ สูงมาสูงกลับ จบ มันก็มองไม่เห็นเช่นกัน เดี๋ยวก็ตบไฟลงเองแหละ
    อีกอย่างไอ้พวกฝนตกชอบเปิดไฟขอทาง (ไฟจอด) มันจะเปิดทำไม แถมจะขับเร็วอีก แล้วตรูจะรู้ไหมละ ถ้าเปิดกันทั่วบ้านทั่วเมือง แล้วตรูจะหลบคันไหนเหรอ คันไหนจะเปลี่ยนเลนส์ ชอบซะด้วยนะ เปลี่ยนเลนส์ไปมา
    โดนมากครับน้า ใบขับขี่คงซื้อมาอ่ะน้า ไหนๆก็พูดถึงเรื่องไฟฉุกเฉินละ เอาซะหน่อยครับ^^
    ไฟฉุกเฉินใช้อย่างไรให้ถูกต้องและปลอดภัย
    การเปิดไฟฉุกเฉิน
    Harzard หรือไฟ กระพริบสี่มุม ควรใช้ให้ถูกต้องทั้งขณะจอดนิ่งหรือเคลื่อนที่
    เพราะการเปิดใช้โดยไม่จำเป็นอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้
    การเปิดไฟฉุกเฉินโดยไม่จำเป็นอาจพบได้ใน 4 ลักษณะ ได้แก่

    1.
    ข้ามสี่แยกแล้วต้องการตรงไป
    ผู้ขับขี่มักเปิดไฟฉุกเฉินโดยคิดว่าการปฏิบัติเช่นนั้นจะเป็นการเตือนรถยนต์คันอื่นที่กำลังร่วมสี่แยกเดียวกันไม่ให้มาชนรถยนต์ของตน
    ซึ่งผู้ขับรถยนต์คันที่แล่นมาจากทางซ้ายหรือขวาของคันที่จะตรงไป
    อาจเห็นแค่ไฟกระพริบมุมหน้ามุมเดียว
    เสมือนว่ารถยนต์คันที่เปิดไฟฉุกเฉินกำลังเตรียมเลี้ยวไปยังด้านใดด้านหนึ่งทั้งที่จริงกำลังจะตรงไป


    ปัจจุบันรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่นติดตั้งเลี้ยวด้านหน้าไว้ในตำแหน่งมุมสุดเลยไฟหน้าออกไป
    ซึ่งผู้ขับรถยนต์ที่กำลังแล่นมาจากทั้งซ้ายและขวา อาจมองไม่เห็นไฟกระพริบทั้ง 2
    มุมหน้าพร้อมกัน รวมทั้งมุมอื่น
    ๆที่ผู้ขับร่วมทางอาจไม่เห็นไฟกระพริบพร้อมกันเป็นคู่ทั้งด้านหน้าหรือด้านหลังก็อาจเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้


    นอกจากนี้ถ้ามีรถยนต์หรือรถจักยานยนต์เหลื่อมบังไฟเลี้ยวด้านใดด้านหนึ่งในขณะที่จะตรงไป
    ผู้ร่วมทางคันอื่นอาจเกิดความเข้าใจผิดและไม่ระวังหรือไม่ได้ชะลอความเร็วลงก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้โดยเฉพาะรถยนต์ที่มาจากทางด้านซ้ายของคันที่เปิดไฟฉุกเฉิน
    เมื่อผู้ขับรถยนต์เห็นแค่ไฟกระพริบด้านซ้าย ก็นึกว่าจะเลี้ยวซ้าย

    วิธีปฏิบัติที่ถูกต้องและปลอดภัยก็คือ ชะลอความเร็วลง มองทางซ้ายและขวาอย่างรอบคอบ
    ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉิน เพราะการไม่เปิดไฟเลี้ยวก็แสดงว่าต้องการไปอยู่แล้ว
    เมื่อเส้นทางว่างและปลอดภัยจึงค่อยไป
    นอกจากนี้ยังสามารถพิสูจน์ได้ในรถยนต์บางรุ่นว่า ไฟฉุกเฉินไม่ได้มีไว้ให้เปิด-ปิด
    เวลาจะข้ามสี่แยกแล้วต้องการตรงไป
    เพราะตำแหน่งที่ติดตั้งสวิตช์ไม่ได้สะดวกต่อการใช้งาน

    2. ฝนตกหนัก
    หมอกลงจัด หรือทัศนวิสัยไม่ดี ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉิน
    ถ้าไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นข้างหน้าแล้วต้องจอดรถ
    เพราะในขณะที่เปิดไฟฉุกเฉินจะไม่มีไฟเลี้ยวใช้หากต้องการให้สัญญาณก่อนเปลี่ยนเลน
    นอกจากนี้ผู้ขับรถคันที่ตามมาอาจคิดว่าเป็นรถที่จอดนิ่งอยู่
    และแสงไฟกระพริบสีเหลืองหลายดวงจากรถยนต์หลายคันอาจแยงตา
    รวมถึงถ้ามีรถยนต์คันอื่นบังเหลื่อมอยู่ในบางมุม ไฟกระพริบ 2
    ดวงด้านท้ายหรือด้านหน้า อาจมองเห็นไฟกระพริบ แต่เสมือนเป็นไฟเลี้ยวดวงเดียว
    และสร้างความเข้าใจผิดได้ แม้ไฟฉุกเฉินจะช่วยให้ผู้ขับคนอื่นมองเห็นได้ชัดเจน
    แต่ขณะที่เปิดไฟฉุกเฉินกระพริบทั้ง 4 มุม
    แล้วอยากเปลี่ยนเลนจะไม่มีไฟเลี้ยวใช้ซึ่งในสถานการณ์ที่ทัศนวิสัยไม่ดีอย่างนั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงเลนบ้าง

    ดังนั้นเมื่อทัศนวิสัยไม่ดีควรเปิดไฟหน้า(ไฟต่ำ)พร้อมตัดไฟหมอก(ถ้ามี)
    คล้ายกับการเดินทางตอนกลางคืนหรือถ้าทัศนวิสัยไม่ดีมากๆจนแทบมองไม่เห็น
    ควรจอดหลบในที่ที่ปลอดภัยและควรเปิดไฟฉุกเฉินไว้ด้วย
    อย่างไรก็ดีถ้ายังยืนยันว่าต้องการจะเปิดไฟฉุกเฉินพร้อมกับการขับในกรณีที่ทัศนวิสัยไม่ดีจริง
    ๆ ควรใช้ความเร็วต่ำ มาก ๆ ขับชิดซ้ายสุด โดยไม่มีการเปลี่ยนเลน
    หากต้องการเปลี่ยนเลนหรือเลี้ยวต้องปิดไฟฉุกเฉินก่อน
    และเปิดไฟเลี้ยวล่วงหน้า(หลายสิบเมตร) หากไม่แน่ใจว่าจะทำได้ทัน
    ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉิน และเปิดไฟหน้าแบบต่ำจะดีกว่า

    3.
    เบรกกะทันหันแล้วต้องจอดเป็นคันท้ายการเบรกกะทันหัน
    แล้วต้องจอดเป็นคันสุดท้ายชั่วคราวและเปิดไฟฉุกเฉินเพราะกลัวผู้ขับรถยนต์คันที่ตามมาเบรกไม่ทัน
    ทั้งที่โดยปกติสามารถใช้วิธีเหยียบเบรกสว่างค้างไว้ถ้ามองกระจกหลังแล้วกลัวรถยนต์ที่ตามมาจะชนท้ายให้ถอนแป้นเบรกแล้วเหยียบซ้ำเพื่อให้ไฟเบรกกระพริบ
    1 ครั้ง จะได้เป็นที่สังเกตได้ชัดเจน
    แล้วค่อยเหยียบแป้นเบรกแช่ไว้เพราะโดยปกติผู้ขับรถยนต์คันที่ตามมามีหน้าที่เว้นระยะห่างให้เหมาะสมพร้อมสำหรับการเบรกเมื่อรถยนต์คันหน้าจอดหรือชะลอความเร็วลง
    ไม่ต้องเปิดไฟฉุกเฉินเตือน เขาก็ควรปฏิบัติเช่นนั้นอยู่แล้ว
    หากไม่แน่ใจว่าผู้ขับรถยนต์คันที่ตามมาจะเบรกทันหรือไม่
    อาจเปิดไฟฉุกเฉินในขณะจอดนิ่งต่อท้ายอย่างกะทันหันในช่วงสั้น ๆ
    ได้เพราะการจอดลักษณะนี้คล้ายกับการมีรถยนต์เสีย
    หรือเกิดอุบัติเหตุอยู่บนถนนด้านหน้าสามารถเปิดไฟฉุกเฉินเตือน
    และเมื่อรถยนต์ที่ตามมาเบรกและจอดอย่างปลอดภัยแล้วหรือก่อนเริ่มออกตัวใหม่
    ควรปิดไฟฉุกเฉินทันที

    4. การลากรถยนต์เสีย ควรทำป้ายใหญ่ ๆ
    ติดด้านท้ายรถยนต์เพื่อบอกว่า กำลังลากรถเพราะช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้มาก
    แต่ถ้าต้องการเปิดไฟฉุกเฉินควรใช้ความเร็วต่ำชิดซ้ายเลนสุด
    และระลึกไว้ว่าตอนนั้นไม่มีไฟเลี้ยวใช้ หากต้องการเปลี่ยนเลนหรือเลี้ยว
    ต้องปิดไฟฉุกเฉินและเปิดไฟเลี้ยวล่วงหน้าเพื่อให้สัญญาณตามปกติ
    แล้วค่อยเปลี่ยนเลนหรือเลี้ยวถ้าทำไม่ได้ควรเปิดไฟฉุกเฉิน



    การเปิดไฟฉุกเฉินโดยไม่จำเป็นมักมีสาเหตุมาจากความคิดที่ว่า
    ต้องการเตือนไม่ให้รถยนต์คันอื่นมาชนรถของตน
    ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดและก่อให้เกิดอุบัติเหตุตามมา
    ฉะนั้นทุกครั้งที่เปิดไฟฉุกเฉินควรเปิดในขณะที่ถูกต้องเพื่อความปลอดภัยทั้งรถคันที่เปิดไฟฉุกเฉินและรถที่ร่วมทาง

    บทความข้างต้นนี้ คัดลอกมาจากวารสารฮอนด้า เดือน
    เมษายน 2550

    ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=52850

  2. #42
    สมาชิกถาวร TTC-Member
    สมัครเมื่อ
    Jun 2010
    User ID
    12377
    Status
    Offline
    โพส
    395

    มาตรฐาน ตอบ: ขอระบายหน่อยครับ

    นี่แหละคืออีกหนึ่งสาเหตูของอุบัติเหตุ

หน้า 3 จากทั้งหมด 3 หน้า หน้าแรกหน้าแรก 1 2 3

ข้อมูลกระทู้

Users Browsing this Thread

ในขณะนี้มี 1 ท่านดูกระทู้อยู่. (0 สมาชิกและ 1 ผู้เยี่ยมชม)

Bookmarks

กฎการโพสข้อความ

  • ท่าน ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
  • ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
  • ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขข้อความโพสได้
  •  
  • BB code สถานะ เปิด
  • Smilies สถานะ เปิด
  • [IMG] สถานะ เปิด
  • [VIDEO] code is เปิด
  • HTML สถานะ ปิด